ต้องบันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ในวงการผ้าเหลือง เมื่อมีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ถอดถอนสมณศักดิ์พระราชาคณะถึง 7 รูป คือ 1.พระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขโข) วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร 2.พระพรหมเมธี (จำนงค์ เอี่ยมอินทรา) วัดสัมพันธวงศาราม 3.พระพรหมดิลก (เอื้อน กลิ่นสาลี) วัดสามพระยา 4.พระราชอุปเสณาภรณ์ (สมณศักดิ์เดิมคือ พระเมธีสุทธิกร) (สังคม สังฆะพัฒน์) วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร 5.พระราชกิจจาภรณ์ (สมณศักดิ์เดิมคือ พระวิจิตรธรรมาภรณ์) (เทอด วงศ์ชะอุ่ม) วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร 6.พระอรรถกิจโสภณ (สมทรง อรรถกฤษณ์) วัดสามพระยา และ 7.พระศรีคุณาภรณ์ (บุญทวี คำมา) วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ...๐ ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 5 มี.ค.2560 ก็มีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ถอดถอนสมณศักดิ์ “พระเทพญาณมหามุนี” (พระไชยบูลย์ สุทธิผล) วัดพระธรรมกาย จังหวัดปทุมธานี มาแล้ว ต่อมาอีก 3 วัน คือวันที่ 8 มี.ค. ก็มีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ถอดถอนสมณศักดิ์ “พระราชภาวนาจารย์” (พระทัตตชีโว หรือเผด็จ ทัตตชีโว) วัดพระธรรมกาย จังหวัดปทุมธานี อีกเช่นกัน ...๐ ยุคนี้จึงเป็น ยุค “ฟ้าสีทองผ่องอำไพ” ไม่ว่าวงการใดก็จะ ไร้ซึ่งการทุจริตคอร์รัปชัน ไม่ว่าจะในทางโลกของปุถุชน หรือในทางธรรม ของพระสงฆ์องคเจ้า ซึ่งงานนี้ “เนติบริกร-วิษณุ เครืองาม” ก็ได้แจงถึงการถอดถอนสมณศักดิ์และการอุปสมบทว่าต้องแยกจากกัน โดยได้ยกตัวอย่าง “สมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาจ อาสโภ)” เมื่อครั้นดำรงสมณศักดิ์เป็น “พระพิมลธรรม” วัดมหาธาตุฯ ซึ่งต้องอธิกรณ์และถูกกล่าวหาเป็นคอมมิวนิสต์ โดยถูกบังคับสึกเป็นฆราวาส แต่หลังการติดคุก 5 ปีก็ได้พิสูจน์ว่าถูกกลั่นแกล้ง และก็คืนสมณศักดิ์ในที่สุด ซึ่งจะเรียกว่า “กงเกวียนกำเกวียน” หรือไม่ก็ไม่รู้ เพราะครานั้น “สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ฟื้น ชุตินฺธโร) อดีตเจ้าอาวาสวัดสามพระยาเป็นตัวตั้งตัวตีที่สำคัญ ในกรณีพระพิมลธรรม ซึ่ง “สมเด็จฟื้น” ก็เป็นอาจารย์ของอดีตเจ้าคุณเอื้อน หรือ “เอื้อน กลิ่นสาลี” นั่นแล ...๐ แล้วที่ไม่รู้ว่าอะไรมันจะบังเอิญได้ขนาดนั้น เพราะกรณีสั่นสะเทือนวงการสงฆ์ในอดีตนั้น เป็น ยุคของ “จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์” กุมอำนาจประเทศ ซึ่งนอกจากจับ “พระพิมลธรรม” สึกแล้ว ยังยกเลิกพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2484 แล้วเขียนใหม่เป็น พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 ที่ใช้จนถึงปัจจุบันใน ยุค “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ซึ่งก็น่าสนใจอย่างยิ่งว่า “ลุงตู่” จะมีการซ้ำรอย “จอมพลผ้าขาวม้าแดง” นายกรัฐมนตรีคนที่ 11 ของประเทศไทย ผู้มีวลีเด็ดที่ว่า “ข้าพเจ้าขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว" หรือไม่อย่างไร เชื่อว่าไม่นานคงรู้ เพราะกงล้อประวัติศาสตร์มักหมุนมาซ้ำรอยเดิมเสมอ ...๐ ไม่ใช่มีแต่ข่าวด้านลบอย่างเดียวในดงขมิ้น เพราะก็มีข่าวดีจากการประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) โดยที่ประชุมได้รับทราบ แต่งตั้ง “พระเทพวิสุทธิโมลี (พรหมา สปฺปญฺโญ)” เจ้าอาวาสวัดจักรวรรดิราชาวาส รองเจ้าคณะภาค 10 เป็นรักษาการเจ้าคณะภาค 10 แทน “อดีตพระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขโข)” พระธรรมสุธี (นรินทร์ นรินฺโท) เจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง รองเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร เป็นรักษาการเจ้าคณะกรุงเทพมหานครแทน “อดีตพระพรหมดิลก (เอื้อน กลิ่นสาลี)” และพระพรหมมุนี (สุชิน อคฺคชิโน) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามฯ เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช เจ้าคณะภาค 14-15 (ธรรมยุต) เป็นรักษาการเจ้าคณะภาค 4-5-6-7 แทนอดีตพระพรหมเมธี (จำนงค์ เอี่ยมอินทรา) ด้วย ...๐ ส่วนการแต่งตั้งรักษาการเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร และวัดสามพระยานั้น คงต้องรอลุ้นการประชุม มส.ในวันอาทิตย์ที่ 10 มิ.ย. ว่าจะมีการขยับอะไรบ้าง แต่บรรดาสานุศิษย์และสาธุชนต่างก็ยังสงสัย และตะขิดตะขวงใจอย่างมาก เพราะปฏิบัติการกึ่งสังคายนาสงฆ์ครั้งนี้ หากสำรวจดูให้ดีๆ ก็เป็นการเช็กบิลต่อเนื่องจากกรณี “หลวงพี่นะจ๊ะ” แห่งลัทธิจานบินนั่นแล เพราะอดีตพระ 3 ชั้นพรหมนั้นต้องบอกว่าสนิทสนมแนบแน่นกับวัดดังย่านปทุมธานีเสียเหลือเกิน จึงไม่น่าแปลกใจหากบอกว่าเป็นการ กวาดล้าง "สายธรรมกาย" แต่ที่บรรดาขาเมาธ์มองคือ นี่เป็นธรรมกายสายรอบเมืองเท่านั้น ส่วนสายในเมืองระดับบิ๊กๆ กันจริงโดยเฉพาะ “สายวัดปากน้ำ” ที่มีทั้งระดับ “สมเด็จ” แล “เจ้าคุณ” นับสิบนั้น ทำไมยังอยู่ดีมีสุข หรือต้องรอลุ้นในล็อต 4 และ 5 จ๊ะ แต่ที่แน่ๆ พรายเขากระซิบว่าเรื่องนี้ยังต้องดูกันยาวๆ จ้า ...๐
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |