"ดีอีเอส” เล็งแก้ กม.เอาผิดเฟกนิวส์เข้มข้นขึ้น ประสาน ตร.ฟัน "ศักดิ์เจียม" พ.ร.บ.คอมพ์-ม.112 ฟุ้งลากตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนกลับมาดำเนินคดีได้แน่ "บิ๊กป้อม" งงไล่นายกฯออกจากตำแหน่ง ถามทำได้หรือเป็นเรื่องของสภา "นิติธร" หยัน "ประยุทธ์" ปราบโกงแค่วาทกรรม ท้าแน่จริงปลด 4 รมต.ก่อน "ศาล" เลื่อนไต่สวนประกัน "จัสติน"

    เมื่อวันที่ 19 พ.ค. นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวถึงมาตรการป้องกันเฟกนิวส์ว่า ได้ให้มีการศึกษาเกี่ยวกับการปรับแก้กฎหมายหรืออาจจะออกกฎกระทรวงหรือออกประกาศ ออกระเบียบในส่วนของการกระทำผิดเกี่ยวกับการนำข้อมูลสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ยกตัวอย่างเช่น ที่ผ่านมาเวลามีการขอแพลตฟอร์มต่างๆปิดกั้นหรือดำเนินคดีค่อนข้างจะช้า โดยก่อนหน้านี้มีการขอไปยังเฟซบุ๊กให้ปิด 12,259 ยูอาร์แอล แต่เขาปิดให้แค่ 5,740 ยูอาร์แอล หรือไม่ถึงครึ่ง โดยอ้างว่าไม่เข้าเกณฑ์และไม่ผิดกฎหมายของประเทศเขา จึงมีแนวคิดที่จะปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การทำงานเข้มข้นขึ้น เพราะเราต้องการแก้ไขปัญหาเรื่องเฟกนิวส์ หรือการโพสต์ข้อความในโซเชียลมีเดียที่เข้าข่ายผิดกฎหมายให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น  
    เมื่อถามถึงกรณีมีข่าวว่าจะประสานกับตำรวจให้ล่าตัวนายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ผู้ต้องหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่ออกมาโพสต์ข่าวลือเกี่ยวกับสถาบันก่อนหน้านี้ รมว.ดีอีเอสกล่าวว่า ที่ผ่านมาได้แจ้งไปยังเจ้าของแฟลตฟอร์มขอให้ปิดกั้นข้อมูลที่สร้างความตื่นตระหนกและไม่เป็นความจริงมาตลอด ไม่ใช่เฉพาะเพจของนายสมศักดิ์หรือเพจของนายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์เท่านั้น
    "กรณีของนายสมศักดิ์นั้นดีอีเอสได้ประสานไปยังตำรวจให้ดำเนินคดีในความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 แล้ว และผมเชื่อมั่นว่าในที่สุดจะดำเนินคดีเอาตัวคนผิดมาลงโทษในเมืองไทย โดยใช้กลไกส่งตัวผู้ร้ายข้ามและช่องทางอื่นที่มีตามกฎหมายระหว่างประเทศ" รมว.ดีอีเอสกล่าว
    ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีกลุ่มประชาชนคนไทยเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ลาออก และเสนอให้นายศุภชัย พานิชภักดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรีแทนว่า ทำได้หรือไม่ เป็นเรื่องของสภา
    ถามกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ออกมาตั้งคำถามว่ารัฐบาลอยู่มา 7 ปี เบื่อแล้วหรือยัง พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า รัฐบาลอยู่มา 2 ปี ไม่ใช่ 7 ปี
    ผู้สื่อข่าวจึงตอบว่า นายทักษิณและน.ส.ยิ่งลักษณ์นับรวมช่วง คสช.ด้วย รองนายกฯ จึงระบุ คสช.ก็ คสช. นี่รัฐบาลที่มาจากรัฐธรรมนูญจะไปนับรวมได้อย่างไร
    ที่อาคารพญาไทพลาซ่า กลุ่มประชาชนคนไทย นำโดยนายนิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา, นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ และนายพิชิต ไชยมงคล ร่วมกันแถลงข่าวและออกแถลงการณ์เรื่อง “วาระประชาชน : หยุด 3 ป. โมเดลแก้ทุจริตแห่งชาติ”
    นายนิติธรกล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ไม่สามารถแก้ปัญหาการทุจริตได้ แม้จะประกาศเป็นวาระแห่งชาติ ก็เป็นเพียงวาทกรรมและการสร้างภาพเท่านั้น เรื่องการทุจริตไม่ใช่การโกงอย่างเดียว แต่ต้องรวมถึงการประพฤติมิชอบของข้าราชการด้วย
    "พล.อ.ประยุทธ์พูดมากกว่าทำ ไม่มีความสามารถและบารมีเพียงพอที่จะสั่งการผู้ใต้บังคับบัญชา ไม่ว่าจะเป็น พล.อ.ประวิตรหรือ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ทำให้ไม่สามารถปราบปรามการทุจริตได้ ซึ่งเราขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ปรับ ครม.หรือปลดรัฐมนตรีที่มีประวัติการทุจริตหรือประพฤติมิชอบ ทั้ง พล.อ.ประวิตร, ร.อ.ธรรมนัส รวมถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม" ทนายนกเขาระบุ
    ส่วนนายพิชิต เป็นตัวแทนกลุ่มอ่านแถลงการณ์ย้ำให้ พล.อ.ประยุทธ์มีความละอายจากการบริหารประเทศที่ล้มเหลว และเสียสละด้วยการลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากการครองอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ภายใต้ระบบ 3 ป. มีการทุจริตและไม่มีศักยภาพในการแก้ปัญหาต่างๆ ให้ประชาชน โดยเฉพาะปัญหาโควิด-19 ระบาดในปัจจุบัน
    ส่วนที่สถานีพีซทีวี นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. กล่าวถึงกรณีจะร่วมกับกลุ่มประชาชนคนไทยไล่พล.อ.ประยุทธ์หรือไม่ว่า เราไม่ได้มีเป้าหมายหรือขั้นตอนต่อไปว่าจะดำเนินการอย่างไร เพียงขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ออกไปก่อน และยังคงยืนยันจุดเดิม คือการแสวงหาจุดร่วมสงวนจุดต่าง แต่จะมาร่วมกันเคลื่อนไหวหรือไม่นั้นยังเป็นเรื่องอนาคต
    ที่สำนักงานอัยการคดีอาญากรุงเทพใต้ พนักงานอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องนายสมบัติ ทองย้อย อดีตการ์ดเสื้อแดง ในความผิดตามที่พนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ รวบรวมสำนวนพร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้องในความผิดฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ ตามมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
    ต่อมาภายหลังอัยการยื่นฟ้องนายสมบัติ ศาลรับฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำ อ 940/2564 กำหนดนัดสอบคำให้การและตรวจหลักฐานวันที่ 19 ก.ค. 2564 เวลา 09.00 น. จำเลยยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตปล่อยชั่วคราวตีราคาประกัน 200,000 บาท กำหนดเงื่อนไขห้ามเข้าร่วมในกิจกรรมใดที่จะกระทำให้เกิดความเสื่อมเสียแก่สถาบันพระมหากษัตริย์
    ที่ศาลอาญา ศาลนัดไต่สวนคำร้องขอปล่อยชั่วคราวนายชูเกียรติ แสงวงค์ หรือจัสติน แนวร่วมกลุ่มราษฎร มีผู้ขอปล่อยชั่วคราวและทนายผู้ต้องหามาศาล ส่วนพนักงานสอบสวนแจ้งว่าไม่ประสงค์จะมาคัดค้าน
ในวันนี้จึงไม่สามารถจัดระบบสื่อสารทางไกลผ่านจอภาพกับทางเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครได้
    ศาลพิเคราะห์แล้ว คณะผู้บริหารศาลได้พิจารณาแล้วเห็นว่าเพื่อรักษามาตรฐานความเสมอภาคในการสั่งคดีของศาล จึงเห็นสมควรจะต้องให้ผู้ต้องหามาเบิกความต่อศาล จึงให้เลื่อนไปนัดไต่สวนผู้ต้องหาในวันที่ 1 มิ.ย.2564 เวลา 10.00 น. เบิกตัวผู้ต้องหามาในวันนัด หรือโดยทางระบบสื่อสารทางไกลผ่านจอภาพ
    อีกคดีที่ศาลอาญา ตามที่พนักงานสอบสวนยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนการประกันตัวจำเลยกลุ่มราษฎรคดีชุมนุม 19 กันยา ทวงอำนาจคืนราษฎร บางคนนั้น ศาลนัดไต่สวนคำร้องขอเพิกถอนประกันนายชินวัตร จันทร์กระจ่าง หรือไบรท์ จำเลยที่ 10, นายณัฐชนน ไพโรจน์ จำเลยที่ 15 และนายภัทรพงศ์ น้อยผาง จำเลยที่ 16 วันนี้ ทนายจำเลยที่ 10, 16 มาศาล ส่วนจำเลยที่ 15 ไม่มา
    ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เนื่องจากปัจจุบันอยู่ในระหว่างการแพร่เชื้อโควิด-19 ประกอบกับจำเลยที่ 15 ป่วยต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลตามใบรับรองแพทย์ที่เสนอศาล ทั้งจำเลยที่ 10, 16 เป็นผู้ใกล้ชิดจำเลยที่ 15 ต้องกักตัวเป็นเวลา 14 วัน กรณีจึงมีเหตุสมควรให้เลื่อนคดี โดยให้นัดไต่สวนใหม่วันที่ 22 มิ.ย.2564 เวลา 09.00 น.
    ส่วนนายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวถึงความคืบหน้าการยื่นประกันตัวนายอานนท์ นำภา, นายภาณุพงศ์ หรือไมค์ จาดนอก, นายชูเกียรติ หรือจัสติน แสงวงค์ แกนนำและแนวร่วมกลุ่มราษฎรว่า ขณะนี้เราอยู่ระหว่างส่งเอกสารไปให้ผู้รับรองของจำเลยและตัวจำเลยเซ็น ลายมือชื่อ ถ้าเสร็จสิ้นขั้นตอนตรงนี้ จะยื่นขอให้ศาลไต่สวนประกันผ่านคอนเฟอเรนซ์ อย่างช้าภายในวันที่ 21 พ.ค.นี้.