ลุงตู่ถ่วงวอล์กอิน! เด็กภท.ของขึ้นซัดชาติหน้าก็ทำไม่ได้/สั่งผู้ว่าฯปูพรมฉีด7มิ.ย.


เพิ่มเพื่อน    

 

  “ประยุทธ์” เอาใจผู้ประกันตนมาตรา 33 ยันต้น  มิ.ย.ตะลุยฉีดวัคซีน “กทม.” เป็นพื้นที่หลักมี 45 จุด ส่วน 9  จังหวัดเศรษฐกิจมี 22 จุด คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติร่อนหนังสือถึง ผวจ.ทุกจังหวัด สั่งปูพรมดีเดย์แทงเข็ม 7  มิ.ย. “เด็กภูมิใจไทย” ของขึ้นจวกลุงตู่ แค่วอล์กอินยังแก้ไม่ได้แล้วเป้า 50 ล้านคนจะไหวหรือ “เสกสกล” ตบปากทันควัน เป็นพรรคร่วมรัฐบาลแต่ไม่ให้เกียรติ "โฆษก พปชร." อัดซ้ำน่าจะเข้าใจหัวอกคนทำงาน

เมื่อเวลา 17.27 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้โพสต์บนเพจประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha ถึงเรื่องการฉีดวัคซีนในกลุ่มผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมตามมาตรา 33 ว่า เป็นกลุ่มแรงงานที่มีความสำคัญกลุ่มหนึ่ง  เป็นกลุ่มเสี่ยงที่มีอาชีพต้องสัมผัส ต้องเจอคนจำนวนมาก  อีกทั้งยังเป็นกลไกสำคัญของระบบเศรษฐกิจของประเทศ  การเตรียมฉีดวัคซีนให้กลุ่มผู้ประกันตนนี้เป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงแรงงาน กระทรวงการคลัง และภาคเอกชน  โดยจะพร้อมฉีดตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายนนี้
พล.อ.ประยุทธ์โพสต์อีกว่า ได้กำชับให้ทำการฉีดให้ต่อเนื่องและรวดเร็วที่สุด เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมการผลิตและภาคบริการฟื้นตัวได้โดยเร็ว สำหรับแนวทางการกระจายวัคซีนมีดังนี้ 1.สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน  ร่วมมือกับภาคเอกชน และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ในการดำเนินการ โดยกลุ่มผู้ประกันตนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และผู้ป่วยในกลุ่ม 7 โรคเรื้อรัง จะให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้ดำเนินการ เนื่องจากกลุ่มดังกล่าวได้ลงทะเบียนผ่านหมอพร้อมไปแล้ว 2.สำนักงานประกันสังคมจะประสานกับนายจ้างของแต่ละบริษัทให้ส่งข้อมูลลูกจ้างที่จะฉีดวัคซีน เพื่อทำการจัดสรรเวลาการฉีดวัคซีนให้แก่ผู้ประกันตน โดยระยะแรกจะเน้นการฉีดวัคซีนสำหรับผู้ประกันตนใน กทม. และระยะถัดไปจะเร่งฉีดวัคซีนให้แก่ผู้ประกันตนใน 9 จังหวัดเศรษฐกิจ จากนั้นจะฉีดวัคซีนให้ผู้ประกันตนในจังหวัดที่เหลือต่อไป ที่สำคัญคือ จำนวนวัคซีนต้องเพียงพอกับจำนวนคน หากไม่ได้ทั้งหมดก็จะจัดสรรทยอยให้ตามลำดับความเร่งด่วน
“3.การฉีดวัคซีนใน กทม.นั้นจะมีจุดฉีดวัคซีน 45 แห่ง  และจุดฉีดวัคซีนใน 9 จังหวัดเศรษฐกิจอีก 22 แห่ง ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนวาระแห่งชาติ เรื่องการฉีดวัคซีน ผู้ประกันตนทุกคนต้องได้รับการฉีดวัคซีนที่จะทั้งป้องกันโรคให้ตนเอง คนรอบข้าง และผู้เข้ามารับบริการ เพื่อให้กิจการและเศรษฐกิจเดินหน้าต่อได้”
    ขณะเดียวกัน คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติได้ทำหนังสือด่วนที่สุด เรื่องแจ้งแนวทางให้บริการวัคซีนโควิด-19 แบบปูพรมทั่วประเทศถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด โดยระบุว่า  ตามที่ สธ.ได้มีนโยบายให้ทุกคนในประเทศไทยได้รับวัคซีนเพื่อป้องกันโรคโควิด-19 ตามความสมัครใจครอบคลุมอย่างน้อย 70% ของประชากร กรมควบคุมโรคในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติพิจารณาแล้วขอให้ดำเนินการดังนี้ 1.เตรียมความพร้อมจุดให้บริการวัคซีนทั้งในและนอกโรงพยาบาล 2.กำหนดช่องทางการลงทะเบียนและการเข้ารับวัคซีน 3 ช่องทาง ดังนี้ จองผ่านแอปหมอพร้อม, นัดหมายผ่านสถานพยาบาล หรือ อสม. หรือผ่านองค์กร และลงทะเบียน ณ จุดฉีด ซึ่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กรุงเทพฯ สามารถพิจารณาปรับสัดส่วนได้ตามความเหมาะสม และ 3.จัดระบบการให้บริการฉีดวัคซีนสำหรับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ เช่น กลุ่มคณะทูตานุทูตและองค์กรระหว่างประเทศ กลุ่มชาวไทยที่จะขอรับวัคซีนก่อนไปศึกษาต่อ ทำงานในต่างประเทศ ทั้งนี้ ให้ฉีดวัคซีนตามแนวทางให้บริการวัคซีนโควิด-19 แบบปูพรมทั่วประเทศ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ระบาด พร้อมกันทั่วประเทศตั้งแต่วันจันทร์ที่ 7 มิถุนายน 2564
    ด้าน พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.แถลงว่า ที่ประชุม ศบค.ชุดเล็กได้หารือถึงเรื่องสำคัญของการฉีดวัคซีน โดยนายกฯ ในฐานะ ผอ.ศบค.เน้นย้ำว่า การฉีดวัคซีนถือเป็นวาระแห่งชาติ   โดย 70% จะได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วนประมาณเดือน  ธ.ค.64 ส่วนการกระจายวัคซีนและการบริหารจัดการว่าฉีดที่ไหน ลงทะเบียนอย่างไร ณ จุดใด ขอความร่วมมือประชาชนติดตามการรายงานของแต่ละพื้นที่ เพราะแต่ละจังหวัดได้รับการกระจายวัคซีนตามประชากรของแต่ละจังหวัด
“ส่วนของ กทม.ถือเป็นสิ่งที่น่ายินดี ที่ทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนอาสาเข้ามาช่วยกันในการกระจายวัคซีน  โดยในวันที่ 20 พ.ค.นี้จะมีการประชุมหารือเพื่อหาข้อสรุป และประกาศให้ชาว กทม.ได้รับทราบว่าจะมีที่ไหนจุดใดประกาศให้ฉีดได้บ้าง และจะรับลงทะเบียนได้เมื่อไหร่ อย่างไร จะมีรายละเอียดมารายงานให้ทราบอย่างแน่นอน” พญ.อภิสมัยกล่าว
พญ.อภิสมัยกล่าวอีกว่า ที่ประชุมยังพูดคุยถึงกลุ่มเสี่ยงบางส่วน เช่น บุคลากรขับขี่รถสาธารณะ โดย กทม.รายงานว่ามีตัวเลขที่มีประชาชนขับรถแท็กซี่ วินมอเตอร์ไซค์มารับการฉีดวัคซีน แต่ยังไม่ทั่วถึง จึงจะพยายามทำให้เร็วที่สุด  รวมทั้งบุคลากรครู ซึ่งที่ ศบค.เน้นย้ำและห่วงประชาชนที่เป็นพนักงานขนส่งอาหาร ผู้ให้บริการร้านอาหาร ดังนั้นจะพิจารณากระจายวัคซีนลงไปให้ถึงบุคลากรเหล่านี้ด้วย และสิ่งที่นายกฯ ให้ความสำคัญและเป็นห่วงเป็นพิเศษ เนื่องจากตอนนี้พบว่ามีนักเรียนไทยเป็นจำนวนมากที่จะต้องเดินทางกลับไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ทั้งในส่วนของทุนรัฐบาล,  ก.พ.และในแต่ละจังหวัดได้ประสานไปแล้วว่า ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่ละจังหวัดนั้นติดตามบุคคลเหล่านี้ เพื่อจัดสรรให้ได้รับวัคซีนเพื่อให้สามารถกลับไปเรียนต่อได้
    ส่วนนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงความแตกต่างระหว่างการวอล์กอินและออนไซต์ลงทะเบียนฉีดวัคซีนหน้างานตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ระบุว่า นายกฯ อยากให้มีการฉีดวัคซีนภายใต้แผนปกติที่นัดเข้ามาผ่านหมอพร้อมและลงทะเบียนก่อน โดย สธ.จะเก็บข้อมูลทำรายงานว่าแต่ละวันมีคนที่นัดเข้ามาฉีดกี่คน ไม่มากี่คน เหลือวัคซีนเท่าไร ซึ่งวัคซีนที่นำออกมาใช้แล้วเอากลับไปสต๊อกไม่ได้ ต้องใช้ให้หมด ดังนั้นคนที่นัดแล้วไม่มาและเหลือ คนที่รับผิดชอบจุดฉีดต้องเตรียมแผนสำรอง อาจเชิญประชาชนที่ยังไม่ได้รับวัคซีนบริเวณนั้นมาฉีดวัคซีนที่เหลือนี้ ทั้งนี้ยอมรับว่าตนเองพูดเรื่องวอล์กอินเร็วไปนิด
    ส่วนนายภราดร ปริศนานันทกุล โฆษกพรรคภูมิใจไทย  (ภท.) โพสต์เฟซบุ๊กถึงวิธีจัดลำดับการวอล์กอินว่า ไม่ได้มีอะไรยุ่งยากแม้แต่น้อย แค่กำหนดให้ชัดเจนว่ารับคิวไหน  จำนวนเท่าไร คนเขามาคิวเต็มแล้ว เขาก็กลับบ้าน มาวันอื่น เท่านั้น ไม่ใช่คิดแต่ทำไม่ได้ ชาติหน้าก็ทำไม่ได้ แค่คิดว่าทำได้ แล้วหาวิธีให้ทำได้ พรุ่งนี้มันก็ทำได้  
    โดยก่อนหน้านี้นายภราดรยังโพสต์ว่า "หากยังมัวแต่ยึดติดกับหมอพ้ง หมอพร้อม ประชาชนจะติดโควิดกันหมด เข้าใจไหมลุง คนเขาบอกยังไม่รู้ฟัง ดื้อรั้น ถูลู่ถูกัง ทิฐิมานะสูง  เป้า 50 ล้านคน หากไม่อยากให้เป็นแค่ลมปาก ลุงหาวิธีอื่นมาอำนวยความสะดวกให้ชาวบ้านเถอะ แทนที่จะช่วยทำให้มันไว คนเข้าถึงง่าย กลับเป็นตัวถ่วง และสร้างกำแพงให้คนเข้าถึงวัคซีนยา แล้วแบบนี้เป้า 50 ล้านคนลุงจะเสร็จเมื่อไร  รึว่าให้คนเขาสร้างภูมิกันเองด้วยการรับเชื้อโควิดกันทั้งประเทศ เห้ออออ #เพลียด่า"
    นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกฯ  ได้ออกมาตอบโต้นายภราดรว่า นายภราดรไม่ควรออกมาวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการฉีดวัคซีน ทั้งที่เป็น ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลก็น่าจะเข้าใจดีกว่าคนอื่นถึงการทำงานของนายกฯ  รัฐบาล และของกระทรวงสาธารณสุขที่รัฐมนตรีเป็นหัวหน้าพรรค ขณะเดียวกันประเทศต้องการความร่วมมือจากทุกฝ่าย นายภราดรควรพูดช่วยนายกฯ รัฐบาล สร้างการรับรู้ให้ประชาชนถึงการทำงาน แต่ก็กลับทำตัวเป็นฝ่ายค้านออกมาโจมตีนายกฯ เช่นนี้ถือว่าไม่ให้เกียรตินายกฯ อย่างน้อยไม่ให้เกียรตินายกฯ ก็ควรให้เกียรติท่านอนุทิน ในฐานะเป็นลูกพรรคภูมิใจไทย
    ขณะที่ น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะโฆษกพรรค พปชร. กล่าวถึงกรณีโฆษกพรรค ภท.ตำหนิการบริหารจัดการวัคซีนภาครัฐว่า ที่ผ่านมานายกฯ ต้องการสื่อสารให้ชัดเจนเพื่อไม่ให้ประชาชนสับสน เพราะการลงทะเบียนล่วงหน้าเป็นช่องทางที่เหมาะสม ช่วยลดความแออัดได้ ทำให้การบริหารจัดการได้อย่างเป็นระบบ ในขณะที่การวอล์กอินอาจทำให้ประชาชนต้องมารอกันเป็นจำนวนมาก ผิดหลักมาตรการควบคุมโควิด-19 ของสาธารณสุขที่จะต้องเว้นระยะห่างและในวิธีการอื่นๆ
    "ก็ไม่ได้ห้ามเลยทีเดียว เพียงแต่ต้องการให้มีการวางแผนที่ชัดเจนและเป็นระบบก่อน ถึงจะแจ้งให้กับประชาชนทราบ รวมทั้งฟังข้อมูลจากทาง ศบค. เพื่อที่จะได้ไม่เกิดความเข้าใจผิด สิ่งเหล่านี้นายภราดรก็น่าจะทราบถึงปัญหานี้ดีอยู่แล้ว เพราะ สธ.อยู่ภายใต้การบริหารจัดการโดยรัฐมนตรีที่มาจากพรรคภูมิใจไทย และในเวลานี้ภาครัฐเองก็เร่งพยายามที่จะหาแนวทางในการกระจายวัคซีน จึงอยากขอให้เข้าใจหัวอกคนทำงาน มากกว่ามาวิพากษ์วิจารณ์ในสิ่งที่ไม่เกิดประโยชน์" โฆษกพรรค พปชร.ระบุ
     น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์เบรกเรื่องวอล์กอินว่า เป็นการตอกย้ำความล้มเหลว ซึ่งเกิดจากการทำงานที่ไม่เป็นเอกภาพของรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลมีหน้าที่ดูแลประชาชนให้มีความเป็นอยู่ที่ดี  มีชีวิตที่ปลอดภัย แต่ พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะผู้คุมอำนาจสูงสุดกลับไม่เคยสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนได้เลย สะท้อนชัดผ่านความขัดแย้งในแนวนโยบายกันเอง โดยเฉพาะเรื่องการบริหารจัดการวัคซีน ที่รัฐต้องเปิดเผยข้อมูลและข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมาและรอบด้าน.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"