"โกศล" แฉเพฤติกรรม"เขตพื้นที่ฯจังหวัดภาคอีสานสุดแสบ ทุจริตโจ๋งครึ่ม นครราชสีมาของบฯซ้ำซ้อน บุรีรัมย์ ทำเป็นระบบเครือข่าย เรียกเปอร์เซ็นต์ค่าหัวคิวงบปี 62 ล่วงหน้า ขู่โรงเรียนถ้าไม่ให้จะไม่ได้รับการจัดสรรเงิน ส่วนยโสธร ล็อคสเปคคุรุภัณฑ์ จัดซื้อให้เลย ทั้งที่โรงเรียนไม่ได้ต้องการ แถมเพิ่มจำนวนโรงเรียนรับครุภัณฑ์จาก400กว่าโรงเป็น 600โรง "หมอธี"รำพึงสอบสวนความผิดไม่คืบ ชอบแป้กที่สพฐ.
นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) แถลงข่าวเรื่องการตรวจสอบทุจริตโรงเรียนและเขตพื้นที่การศึกษาในจังหวัดภาคอีกสาน ตามผลที่ พล.ท.โกศล ประทุมชาติ ที่ปรึกษา รมว.ศธ. ลงพื้นที่ 11 จังหวัดภาคอีสาน เพื่อตรวจสอบการทุจริตเรื่องต่างๆ ซึ่ง พล.ท.โกศล ได้สรุปรายงานของการลงพื้นที่ดังกล่าวมาให้ตนรับทราบแล้ว ซึ่งพบโครงการทุจริตต่างๆ ของเขตพื้นที่เป็นจำนวนมาก ซึ่งบางเรื่องมีความผิดชัดเจนไม่จำเป็นต้องมีการตั้งคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงแล้ว โดยจะมอบให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยทันที ทั้งนี้ในการแก้ไขปัญหาทุจริตของ ศธ.หลายฝ่ายมาร้องเรียนกับทีมงานตน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าทีมของตนมีความตั้งใจในการแก้ไขปัญหาทุจริตอย่างแท้จริง ดังนั้นจะต้องมองกลับไปว่าฝ่ายข้าราชการประจำและระบบตรวจสอบของ สพฐ.เองมีปัญหาหรือไม่ และตนยังได้ตั้งข้อสังเกตด้วยว่าการสืบสวนทีมตนใช้เวลาไม่นาน แต่เรื่องทุกอย่างกลับไปติดกระบวนการที่ สพฐ.ดังนั้นจะต้องได้รับการแก้ไขและมีจะต้องมีผู้รับผิดชอบ
“กรณีทุจริตในภาคอีสาน กรณีเขตพื้นที่การศึกษาในจ.ยโสธร ขอให้ตรวจสอบ เนื่องจากมีการจัดซื้อครุภัณฑ์ทักษะมัธยมศึกษาตอนต้น ชุด อุตสาหกรรม ในงบประมาณ 600,000 บาทต่อโรงเรียนว่ามีล็อคสเปคนั้น เรื่องนี้ถือไม่เป็นไปตามนโยบายของผม เพราะการดำเนินการแบบนี้จากการตรวจสอบเบื้องต้นเป็นลักษณะเหมือนเงินท็อปดาวน์ ซึ่งครุภัณฑ์ อุปกรณ์พัฒนาทักษะพิเศษเท่านั้นไม่ใช่ใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งมีโรงเรียนหลายแห่งไม่ต้องการ และผมมีคำถามว่าชุดพัฒนาทักษะมีเฉพาะแค่ในกลุ่มภาคอีสานเพียงอย่างเดียว และในพื้นที่ภาคใต้หรือภาคอื่นๆไม่ต้องการด้วยใช่หรือไม่ ดังนั้น เรื่องนี้ สพฐ.ต้องมีการตรวจสอบโดยเร็ว เพราะข้อมูลชัดเจนแล้วว่ามีความไม่ปกติเกิดขึ้น อย่ามาอ้างว่ากลัวงบประมาณจะตก ถ้างบจะตกก็ให้มันตกไป คนที่ทำให้ตกก็ต้องรับผิดชอบ แต่ถ้าไปสำรวจแล้วชุดพัฒนาทักษะดังกล่าวมีความจำเป็นจริงๆผมจะทำเรื่องเสนองบสำนักงบฯให้”รมว.ศธ.กล่าว
ด้าน พล.ท.โกศล กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ภาคอีสานเราพบประเด็นสำคัญ คือ มีเจ้าหน้าที่พัสดุในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) นครราชสีมา เขต 5 วางฎีกาเบิกเงินซ้ำซ้อนกับเงินของโรงเรียน โดยโรงเรียนแรกโดนไป 80,000 บาท และอีกโรงเรียนโดนไป 300,000 บาท ซึ่งมีการใช้ข้อมูลร้านค้าที่โรงเรียนวางฎีกาเบิกเงินด้วยการเปลี่ยนชื่อร้าน ร้านที่โรงเรียนใช้อยู่ที่จ.นครราชสีมา แต่ร้านถูกเปลี่ยนในระบบอยู่ที่จ.สมุทรสาคร เหมือนกันทั้งสองโรงเรียน นอกจากนี้ยังพบมีการทำฎีกาลอยเบิกงบประมาณ 57 รายการทิ้งไว้ที่เขตพื้นที่ด้วย เมื่อใกล้สิ้นปีงบประมาณจะมีงบเหลือจ่ายกลุ่มคนเหล่านี้ จะใช้ฎีกาลอยที่ตั้งไว้เบิกเงินของโรงเรียนซ้ำเป็นประจำ ซึ่งเรื่องนี้มีการร้องเรียนจากผอ.โรงเรียนและตนบันทึกปากคำไว้หมดแล้ว จึงถือว่ามีพยานหลักฐานและความผิดชัดเจน และการลงพื้นที่ของตนถือว่าเป็นการสืบข้อเท็จจริงแล้ว โดยจะสรุปและเสนอตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงทันที เพราะตนเห็นว่าเขตพื้นที่มีการตั้งคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงแล้ว แต่เมื่อดูสำนวนกลับไม่สอดคล้องกับข้อมูลที่ตนได้รับ ซึ่งในสำนวนสรุปให้เจ้าหน้าที่พัสดุโดนภาคทัณฑ์และขอให้ยุติเรื่องนี้ โดยเรื่องนี้มีมูลเหตุมากกว่านั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่พัสดุจะทำเองคนเดียวไม่ได้ เนื่องจากการเบิกจ่ายจะต้องมีรหัส e-GP คือระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยอิเลคทรอนิกส์ และรหัสดังกล่าวมีเพียงหัวหน้าแผนกบัญชี กับ ผอ.เขตพื้นที่ เท่านั้น
พล.ท.โกศล กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังพบพฤติกรรมของผู้บริหารเขตพื้นที่ในจังหวัดบุรีรัมย์มีการเรียกเปอร์เซนต์จากผู้อำนวยการโรงเรียนที่ขอรับการจัดสรรงบประมาณร้อยละ 10 โรงเรียนต้องจ่ายก่อนร้อยละ 5 เมื่อได้รับงบแล้วต้องจ่ายอีกร้อยละ 5 ซึ่งโรงเรียนส่วนใหญ่ต้องยอม เพราะถ้าไม่ให้โรงเรียนก็จะไม่ได้รับงบประมาณในปีนั้น ซึ่งการดำเนินการแบบนี้ทำเป็นเครือข่าย แต่สิ่งที่น่าตกใจคือ มีการตกเขียวเงินงบประมาณ โรงเรียนใดอยากได้งบประมาณก็ต้องเอาเปอร์เซ็นต์มาก่อน ปี 62 เรื่องนี้เรามีหลักฐานชัดเจน คงต้องเร่งให้ สพฐ.ดำเนินการตรวจสอบต่อไป ขณะเดียวกันยังพบอีกว่าเมื่อเดือนมี.ค.มีคนมาร้องเรียนกับคณะทำงานของตนว่า ขอให้ตรวจสอบเขตพื้นที่การศึกษาในจังหวัดยโสธร เนื่องจากมีการจัดซื้อครุภัณฑ์ทักษะมัธยมศึกษาตอนต้น ชุด อุตสาหกรรม ในงบประมาณ 600,000 บาทต่อโรงเรียนว่ามีล็อคสเปค ดังนั้นในการลงพื้นที่ของตนเมื่อเร็วๆนี้จึงไปหาข้อมูลพบว่า งบประมาณดังกล่าวแจ้งเป็นการจัดสรรงบประมาณครุภัณฑ์การศึกษาปี 61 เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 60 มีโรงเรียนได้รับการจัดสรรรวม 458 โรง งบประมาณทั้งสิ้น จำนวน 279 ล้านบาท แต่ภายหลังเมื่ออนุมัติงบฯพบว่า เพิ่มโรงเรียนการขอจัดสรรมาเป็น 600 โรง ซึ่งไม่ตรงกับตัวเลขโรงเรียนที่จัดสรรไป อีกทั้งยังพบว่าโรงเรียนไม่ได้ต้องการครุภัณฑ์ดังกล่าวแต่มีการจัดสรรมาให้เอง และโรงเรียนบางแห่งเสนอครุภัณฑ์มาให้แต่ไม่ตรงกับที่เสนอ และในกรณีนี้มีบริษัทเข้ามาจัดซื้อจัดจ้างแต่ขั้นจัดสรรงบกลับเปลี่ยนรายการจึงต้องจัดซื้อจัดจ้างใหม่ ดังนั้นทราบว่างบดังกล่าวจะต้องใช้ให้เสร็จภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 61 นี้ ซึ่ง สพฐ.จะต้องไปเร่งพิจารณาว่าจะเดินหน้าต่อหรือหยุด เพราะการดำเนินการแบบนี้เหมือนลักษณะแบบท็อปดาวน์ลงไป
“สำหรับอดีตเลขาธิการ กอศ.ที่ทางคณะกรรมการสืบฯ สรุปว่าอยู่ในช่วงที่มีการแก้ไขสัญญา คือ นายพรหมสวัสดิ์ ทิพย์คงคา แก้ไขสัญญา 1 ครั้ง นางสาวศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ แก้ไขสัญญา 1 ครั้ง และนายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ แก้ไขสัญญา 4 ครั้ง เมื่อปี 54-57 ซึ่งสรุปว่าทำให้ราชการเสียหายแน่นอน และต้องถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย แต่จะเป็นวินัยอย่างร้ายแรงหรือไม่ร้ายแรงก็ต้องรอผลสรุปการสืบข้อเท็จจริงที่ชัดเจนก่อน ส่วนจะดำเนินการตามมาตรการ คสช.หรือไม่นั้น ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาว่าเป็นอุปสรรคต่อการอบสวนหรือไม่”ที่ปรึกษา รมว.ศธ.กล่าว
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |