หมอจรัส แถลงผลงานครบรอบ 1 ปี การทำงานคณะกรรมการอิสระปฎิรูปการศึกษา เข้ามาแก้ปัญหาวิกฤติการศึกษาไทยที่รุนแรงทั้งคุณภาพและเหลื่อมล้ำ เตรียมคลอด พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ภายใน 2 เดือน กม.ลูก 5 ฉบับ ย้ำการปฎิรูปการศึกษาต้องสำเร็จให้ได้ ไม่อย่างนั้นประเทศไทยไม่มีที่ยืน และคนในสังคมต้องตื่นตัว ไม่ดูดาย แต่ต้องร่วมมือร่วมใจเห็นประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง
นพ.จรัส สุวรรณเวลา ประธานคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา กล่าวในการแถลงผลงานในรอบ 1 ปี ของคณะกรรมการอิสระฯ ว่า ภาพรวมของการดำเนินงาน 1 ปีที่ผ่านมา เป็นในส่วนของการแก้ปัญหาวิกฤตการศึกษาไทยที่มีความรุนแรงทั้งในเรื่องคุณภาพ ความเหลื่อมล้ำ ความเป็นเลิศ และประสิทธิภาพของระบบ ซึ่งมีหลักฐานมากมายยืนยันสภาพวิกฤตเหล่านี้ ด้วยเหตุนี้ ทำให้เกิดสภาวะที่ไม่ตื่น ไม่ตระหนัก ธุระไม่ใช่ ดูดายและไม่รับผิดชอบ แต่การปฏิรูปการศึกษาครั้งนี้ จะต้องสำเร็จ เพราะถ้าไม่สำเร็จประเทศจะไม่มีที่ยืน ดังนั้น วิกฤตเหล่านี้จะแก้ไขได้ต้องอาศัยรัฐธรรมนูญ สังคม รวมถึงรัฐบาลต้องยืนยันว่าจะปฏิรูปการศึกษา ซึ่งคณะกรรมการอิสระฯ ได้มีการจัดทำพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ... ซึ่งคาดว่าจะเสร็จภายใน 1-2 เดือนหลังจากนี้
โดยขณะนี้ ได้มีการจัดทำกฎหมายลูก พระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฏ.) และนวัตกรรมต่างๆ เสร็จไปบางส่วนแล้ว ประมาณ 5 ฉบับ ได้แก่ พ.ร.บ.กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา พ.ศ.2561 ซึ่งขณะนี้ได้มีการประกาศใช้แล้ว ส่วนร่างพ.ร.บ.พัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ..., ร่างพ.ร.บ.การอุดมศึกษาแห่งชาติพ.ศ... ,ร่างพ.ร.บ.พื้นที่นวัตกรรมการศึกษา พ.ศ...ได้จัดทำเสร็จและเสนอรัฐบาลแล้ว และพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฏ.)สถาบันหลักสูตรและการเรียนการสอน ได้ดำเนินการยกร่างเสร็จเรียบร้อยกำลังเสนอรัฐบาล
“ขณะนี้โลกกำลังเปลี่ยนเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 จำเป็นต้องเน้นสร้างสมรรถนะแก่ผู้เรียน เพราะความรู้หาได้ง่าย รวมถึงต้องมุ่งความสนใจไปที่โรงเรียน ครู และนักเรียน แต่โรงเรียนไม่สามารถเดินไปเองได้ ต้องมีการช่วยเหลือ คือหลักสูตร สถาบันการเรียนการสอน ต้องมีแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อการเรียนรู้ ถ้ามองสภาพการศึกษาไม่ใช่เฉพาะเด็กอยู่ในโรงเรียนเท่านั้น แต่หมายถึงเด็กตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา ถึงผู้สูงอายุ อีกทั้งมีเรื่องของพื้นที่ มิติอื่นๆ มากมาย ที่มีสภาพซับซ้อน ดังนั้น การแก้ปัญหาการศึกษา จึงไม่สามารถใช้คำตอบเดียวแล้วแต่ต้องให้มีความหลากหลายคล่องตัว โดยการปฎิรูปการศึกษา คือการเปลี่ยนแปลง ต้องมีการเปลี่ยนแปลงทุกภาคส่วนในสารบบ การปฎิรูปการศึกษาครั้งนี้จะไม่สำเร็จไม่ได้ เพราะถ้าไม่สำเร็จประเทศไทยจะไปอยู่ที่ไหน”ประธาน คกก.อิสระฯ กล่าว
นพ.จรัส กล่าวต่อว่า ตลอดระยะ 1 ปีที่ผ่านมา คณะกรรมการอิสระฯ ได้วิเคราะห์โอกาสในการปฏิรูปการศึกษา การแสวงหาความร่วมมือจากทุกภาคส่วน การวางแนวทางการปฏิรูปการศึกษา เน้นที่ผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียน ครู และผู้อำนวยการโรงเรียน การรวมโรงเรียนเป็นพื้นที่นวัตกรรม รวมถึงมีการเชื่อมโยงการศึกษากับอาชีพ การปฏิรูปอุดมศึกษาที่ต้องเน้นนโยบายชาติด้านอุดมศึกษา และแผนการศึกษาชาติด้านอุดมศึกษา การสร้างอัตลักษณ์ของสถาบันอุดมศึกษา การกำกับคุณภาพ และมีการจัดทำแผนปฏิรูปการศึกษา ไปส่วนหนึ่งแล้ว นอกจากนั้น ยังมีแผน Quick Win สิ่งที่เกิดประโยชน์กับประชาชนได้ในระยะสั้น ได้แก่ Digital Learning Platform เป็นการใช้ดิจิทัลให้ความรู้ไปสู่นักเรียนทั่วประเทศผ่านการใช้สื่อการเรียนรู้ สื่อพัฒนาครู สื่อในการประเมินสมรรถนะนักเรียนระดับประถมศึกษาตอนต้น ตอนปลาย รวมถึงสื่อการพัฒนาครูให้สอนอย่างมีสมรรถนะ และการบุกเบิกให้เกิดพื้นที่นวัตกรรมต่างๆ นำกิจกรรมในการพัฒนาไปสู่มือนักเรียน และยังมีการปฎิรูปที่เกิดขึ้นในส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นครู อาชีวศึกษา การศึกษาเอกชน การศึกษาตามอัธยาศัย อย่างไรก็ตาม การปฏิรูปการศึกษาครั้งนี้จะสำเร็จได้ สังคมไทยทุกภาคส่วนต้องตื่นขึ้น ตระหนักในสภาพและผลจากปัญหาการศึกษาของไทย ทั้งปรับใจ ปรับพฤติกรรมมาร่วมแรงร่วมใจกัน ไม่ดูดาย โดยรับผิดชอบและเห็นประโยชน์ส่วนร่วมเป็นที่ตั้ง หากสังคมไทยปรับได้การปฏิรูปการศึกษาครั้งนี้ จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |