เบรกวอล์กอินวัคซีน บิ๊กตู่ผวาโดนด่าต่อคิวไม่ได้ฉีด/ก.ค.สร้างภูมิคนกรุง5ล้าน


เพิ่มเพื่อน    

  “ประยุทธ์” ย้ำฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติ ตั้งเป้า มิ.ย.-ก.ค.ฉีดคนเมืองกรุง 5 ล้านคน หรือ 70% สั่งทุกหน่วยงานช่วยแจงเฟกนิวส์ พร้อมปัดทิ้ง “วอล์กอินวัคซีน” ชี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ผวาถูกด่ามาเข้าคิวแล้วไม่ได้ฉีด กำชับข่าวต่างๆ ต้องมาจาก “ศบค.” เท่านั้น “หมอหนู” บอกแล้วแต่นายกฯ สั่งการครับ “อัศวิน” โอ่ทำได้แน่ฉีดวันละ 6 หมื่นคน กทม.เตรียมทำระบบให้ลงทะเบียน “เดอะแจ็ค” ประเดิมบริจาคเงินช่วยซื้อวัคซีน

เมื่อวันอังคารที่ 18 พฤษภาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการฉีดวัคซีนว่า เป็นประเด็นสำคัญที่รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างยิ่ง โดยได้ประกาศเป็นวาระแห่งชาติแล้ว ซึ่งรัฐบาลมีแผนกระจายวัคซีนใน 3 ช่องทาง ช่องทางแรกคือผ่านระบบหมอพร้อม ที่มีผู้มาลงทะเบียนแล้วประมาณ 7 ล้านคน สำหรับผู้สูงอายุและผู้ป่วยเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค และจะเปิดให้กลุ่มผู้อายุต่ำกว่า 60 ปีลงทะเบียนได้ในวันที่ 31 พ.ค.นี้ ซึ่งข้อดีคือผู้ลงทะเบียนสามารถจองคิวฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาลที่เลือกในวันเวลาที่ท่านสะดวกเอง และรับรองว่าจะได้ฉีดในวันเวลาดังกล่าวแน่นอน หรืออาจเป็นระบบอื่นของแต่ละจังหวัด เช่น ภูเก็ตชนะก็ได้ ช่องทางที่สอง คือลงทะเบียนที่จุดบริการฉีดวัคซีน หรือ Onsite Registration ในกรณีที่มีวัคซีนสนับสนุนเพียงพอ ณ จุดบริการนั้น ซึ่งจะพิจารณาจัดเตรียมระบบในช่องทางนี้เพื่อให้เกิดความพร้อมมากที่สุดในการจัดสรร
    ส่วนช่องทางที่สาม คือการกระจายวัคซีนเชิงยุทธศาสตร์ นั่นคือการจัดสรรฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มเฉพาะ คือประชาชนกลุ่มเฉพาะเสี่ยง กลุ่มที่มีความจำเป็นพิเศษ หรือมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิตของประชาชน เช่น บุคลากรทางการแพทย์ บุคลากรด่านหน้า อสม. ทหาร ตำรวจ ข้าราชการ พนักงานด้านการบิน ครู อาจารย์ ผู้ขับขี่รถยนต์และจักรยานยนต์สาธารณะ พนักงานรถไฟและรถไฟฟ้า พนักงานในโรงแรม คณะผู้แทนการทูตและองค์กรระหว่างประเทศ นักธุรกิจ และนักเรียน นักศึกษาที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศ บุคลากรในโรงงาน คนพิการ พนักงานภาคบริการอาหารและยา และกลุ่มอื่นๆ ซึ่งจำเป็นต้องฉีดเพื่อให้การดำเนินชีวิตและเศรษฐกิจไทยสามารถเดินหน้าไปได้โดยไม่สะดุด ซึ่งกลุ่มบุคคลหรือสมาคมใดมีเหตุผลจำเป็นเร่งด่วน สามารถยื่นเรื่องให้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พิจารณาเพื่อจัดสรรวัคซีนและจัดเตรียมสถานที่ฉีดต่อไป
    “เรามีเป้าหมายว่าจะระดมฉีดวัคซีนแบบปูพรมให้ประชาชนในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงสูง และเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศให้ได้อย่างน้อย 5 ล้านคน หรือ 70% ของประชากร เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้ได้ภายใน 2 เดือน คือเดือน มิ.ย.-ก.ค. ซึ่งนอกจากโรงพยาบาล และจุดฉีดหลักแล้ว ยังมีจุดฉีดวัคซีนเสริมอีกอย่างน้อย 25 จุดกระจายทั่ว กทม. ซึ่งที่ผ่านมาการวางระบบการฉีดวัคซีนอาจมีปัญหาติดขัดบ้าง หรือเกิดความไม่ชัดเจนบ้างจากการให้ความสนใจลงทะเบียนเป็นจำนวนมาก ผมได้ติดตามและเร่งรัดให้มีการปรับปรุงโดยรวดเร็ว ต้องขออภัยที่อาจทำให้เกิดความไม่สะดวกบ้าง แต่ผมขอยืนยันว่าทุกคนในประเทศไทยต้องได้รับการฉีดวัคซีนแน่นอน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
    พล.อ.ประยุทธ์ยืนยันว่า เรามีวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงมากเพียงพอ และจะเริ่มให้บริการพร้อมกันทั่วประเทศในต้นเดือน มิ.ย.นี้แน่นอน และได้ย้ำในที่ประชุม ครม.ว่าที่ผ่านมามีเผยแพร่ข่าวอันเป็นเท็จเกี่ยวกับวัคซีนจำนวนมาก จึงขอความร่วมมือจากทุกหน่วยงานของรัฐ ให้เข้มงวดในการตรวจสอบดูแลข่าวปลอมที่เกี่ยวข้อง และชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนโดยเร็ว หากเป็นการกระทำผิดกฎหมาย ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต่อไป รวมทั้งขอความร่วมมือสื่อมวลชนและผู้ใช้สื่อทุกคนให้ใช้ความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น และขอขอบคุณประชาชนทุกคนที่ช่วยกันเป็นหูเป็นตา แจ้งข่าวไปยังหน่วยงานต่างๆ ด้วย
“ขอเน้นย้ำว่า ในวันนี้การฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติที่ต้องเร่งดำเนินการ เพื่อให้ทุกอย่างขับเคลื่อนต่อไปได้ นโยบายของผมคือเราต้องเดินหน้าปูพรมฉีดวัคซีนเข็มแรกให้เร็ว และให้ถึงประชาชนจำนวนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เราจะเอาชนะโควิดได้ก็ด้วยการเดินหน้าไปพร้อมๆ กัน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ช่วยกันทำหน้าที่ของแต่ละคนให้ดีที่สุด ดูแลซึ่งกันและกันให้ดีที่สุด เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยให้ไปต่อได้” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
“บิ๊กตู่”ปัดตกวอล์กอิน
    มีรายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า ในที่ประชุม ครม.ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ได้มีการหารือกันถึงประเด็นของการวอล์กอินเข้าไปฉีดวัคซีน โดย พล.อ.ประยุทธ์ได้กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่าไม่อยากให้ใช้รูปแบบวอล์กอิน เพราะหากประชาชนแห่กันไปพร้อมกันที่จุดเดียวจะเกิดความชุลมุนขึ้นได้ ในต่างจังหวัดไม่ค่อยมีปัญหาอะไร แต่ กทม.มีคนจำนวนมาก โดยอยากให้ปรับรูปแบบใหม่ เช่น ให้ไปลงทะเบียน ณ จุดที่ตั้ง ซึ่งจะมีการกำหนดให้ชัดเจน ต้องใช้เวลา ตอนนี้ให้ยึดแอปพลิเคชันหมอพร้อมไว้ก่อน ให้คนที่ลงทะเบียนหมอพร้อมและกลุ่มเสี่ยงได้ฉีดก่อน และอยากให้หยุดพูดเรื่องวอล์กอินไปก่อน จนกว่าจะได้มาตรการที่ชัดเจน เดี๋ยวคนวอล์กอินเข้าไปแล้วไม่ได้ฉีดจะโวยวายเอา หากวัคซีนเพียงพอหรือเหลือค่อยมาจัดการกันใหม่ เรื่องวอล์กอินละเอียดอ่อน ต้องจัดการดีๆ
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ยังกำชับเรื่องการให้ข่าวที่ไม่ตรงกันเรื่องวัคซีนวอล์กอินว่าไม่ต้องให้ใครให้ข่าว ให้ ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) เป็นคนให้ข่าวแห่งเดียว และอะไรที่ได้ข้อสรุปแล้วถึงค่อยออกมาพูด ซึ่งนายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมฯ กล่าวเห็นด้วยกับ พล.อ.ประยุทธ์ และอยากให้ทบทวนเรื่องวอล์กอิน เพราะถ้าคนเดินทางเข้าไปแล้วไม่ได้ฉีดจะเสียหาย จะด่ารัฐบาลอีก ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ไม่ได้อธิบายหรือพูดอะไรเลยนอกจากกล่าวสั้นๆ ว่า ตามที่นายกฯ สั่งการครับ  
ด้านนายอนุทินกล่าวถึงการนำเข้าวัคซีนโควิด-19 ว่า ช่วง มิ.ย.จะมีวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าทยอยส่งมอบตามกำหนด แม้การรับวัคซีนจะเป็นไปตามความสมัครใจ แต่อยากเชิญชวนให้ทุกคนเข้ามารับวัคซีน เพื่อสร้างความปลอดภัยให้ตัวเอง ครอบครัว และเพื่อทุกคนในประเทศ ส่วนเรื่องการวอล์กอินนั้น วอล์กอินหมายถึงการที่เราไม่ได้จองคิวไว้ แต่ไปลุ้นเอาหน้างาน แน่นอนว่าคนที่จองคิวไว้ก็ต้องมีสิทธิ์ก่อน สำหรับจุดฉีดก็ต้องเตรียมวัคซีนให้คิวจองแต่ละวัน แต่ต้องดูที่หน้างานด้วย ถ้าคนที่จองไม่มา หรือมาแล้วไม่ได้ฉีด เช่น ความดันสูง หรือไปฉีดจากที่อื่นแล้วทำให้มีที่ว่าง ก็จะนำส่วนนี้มาฉีดให้คนที่วอล์กอิน เพราะวัคซีนไม่สามารถเก็บไว้ได้ เปิดขวดแล้วต้องใช้ให้หมด เราจะไม่ปล่อยให้เสียโอกาส
     ส่วนที่กระทรวงสาธารณสุขระบุว่าจะมีการวอล์กอินและแบ่งสัดส่วนกับการนัดชัดเจน แต่หลังประชุมร่วมกับนายกรัฐมนตรีมีการปรับรูปแบบวอล์กอินใหม่ มีการตั้งข้อสังเกตว่า ศบค.กับ สธ.มีความคิดเห็นไม่ตรงกันหรือไม่นั้น การทำงานร่วมกันต้องรับฟังกัน และเรื่องวัคซีนสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ ต้องดูเชิงหลักการ
    ก่อนหน้านี้ นายอนุทินพร้อมผู้บริหาร สธ.ได้รับมอบอุปกรณ์สนับสนุนศูนย์ประสานงานข้อมูลหมอพร้อม (คอลเซ็นเตอร์หมอพร้อม) จากนายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสมาชิก ส.อ.ท. โดยนายอนุทินยืนยันว่า ประชาชนที่อยู่ในไทยจะได้รับวัคซีนโควิด-19 อย่างทั่วถึงทุกคนตามความสมัครใจ ตั้งเป้าหมายครอบคลุมไม่น้อยกว่า 70% ของประชากร หากประชาชนมีข้อสงสัยในการจองวัคซีนทางไลน์/แอปพลิเคชันหมอพร้อม สอบถาม call center หมายเลข 0-2792-2333 ตั้งแต่เวลา 09.00-22.00 น. ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา เปิดบริการ 20 คู่สาย มีผู้โทร.ปรึกษาวันละ 10,000 สาย รับได้ 500-1,000 สาย ขณะนี้ได้ขยายเพิ่มเป็น 120 คู่สาย ผู้โทร.วันละ 5,000 สาย รับได้ 3,000 สาย และในวันที่ 19 พ.ค. ภาคเอกชนจะร่วมให้บริการเพิ่มรวมเป็น 180 คู่สาย และได้รับการสนับสนุนอุปกรณ์จาก ส.อ.ท. คาดว่าเมื่อระบบเสร็จสมบูรณ์จะสามารถให้บริการประชาชนได้วันละ 20,000 สาย
        นายอนุทินกล่าวต่อว่า ข้อมูลการจองวัคซีน เวลา 14.00 น. วันที่ 18 พ.ค. มีผู้จองผ่านหมอพร้อมแล้ว 7,089,169 ราย แบ่งเป็น กทม. 764,606 ราย และต่างจังหวัด 6,024,563 ราย สำหรับประชาชนที่ต้องการฉีดวัคซีน นอกจากจะลงทะเบียนนัดวันผ่านไลน์หมอพร้อมแล้ว ยังสามารถแจ้งผ่านอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) หรือโรงพยาบาลที่มีประวัติการรักษา
กทม.โอ่เป้าฉีดวันละ 6 หมื่น
ส่วน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ระบุว่า ในเดือน มิ.ย.-ก.ค.ปีนี้ กทม.จะได้รับการจัดสรรวัคซีนจาก สธ.เดือนละ 2.5 ล้านโดส รวม 2 เดือน 5 ล้านโดส ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์มอบหมายให้ กทม.เร่งฉีดให้แล้วเสร็จภายใน 2 เดือน (มิ.ย.-ก.ค.) โดย กทม.มีแผนบริหารจัดการฉีดวัคซีนโควิดให้แก่ประชาชนในพื้นที่ 2.5 ล้านคน/เดือน โดยจะกระจายการฉีดวัคซีนทั้งภายในโรงพยาบาลทั้ง 126 แห่ง ซึ่งมีศักยภาพในการฉีดไม่น้อยกว่าวันละ 20,000 คน และจุดบริการฉีดวัคซีนนอก รพ. 25 แห่ง มีศักยภาพในการฉีดวันละ 38,000-50,000 คน/วัน คาดว่าจะฉีดวัคซีนได้ไม่น้อยกว่า 60,000 คน/วัน โดยผู้ที่ได้รับการฉีดจะเป็นประชาชนทั่วไป คาดว่าน่าจะครบ 5 ล้านคนตามเป้าหมายที่นายกฯ กำหนด
    “ช่วงนี้ กทม.ขอความร่วมมือประชาชนลงทะเบียนผ่านระบบแอปพลิเคชันหมอพร้อมในการเข้ามาฉีดวัคซีน เพื่อความสะดวกในการบริหารจัดการและความปลอดภัย โดยหากเปิดให้ประชาชนวอล์กอินอาจเกิดปัญหาความแออัดของประชาชนที่ต้องมารอคิว และเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรค” พล.ต.อ.อัศวินระบุ
    ด้าน ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษก กทม. กล่าวว่า กทม.ได้หารือถึงแนวทางที่จะให้ประชาชนในพื้นที่กรุงเทพฯ ทุกคนสามารถลงทะเบียนเพื่อเข้ารับการฉีดได้อย่างทั่วถึง และแบ่งเบาภาระของแอปฯหมอพร้อม อาจเป็นในรูปแบบของ web based ซึ่งจะใช้จองคิวฉีดวัคซีนโดยเฉพาะ ซึ่งระบบจะไม่ซ้ำซ้อนกับหมอพร้อม เนื่องจากขณะนี้ผู้ที่ลงทะเบียนกับหมอพร้อมจะเป็นผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง 7 กลุ่มโรค และนัดเข้ารับการฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาลแล้ว โดยระบบ web based จะใช้สำหรับการลงทะเบียนผู้ที่อายุระหว่าง 18-59 ปี และนัดฉีดวัคซีนที่จุดบริการนอกโรงพยาบาล 25 จุด ซึ่งสัปดาห์หน้าคงมีความชัดเจนเรื่องระบบดังกล่าว
    นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ได้สั่งการให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.)  ติดตามและอำนวยการความสะดวกแก่พระสงฆ์ที่เข้ารับถวายการฉีดวัคซีนที่ รพ.สงฆ์จัดทำขึ้น โดยวันแรกมีพระสงฆ์เข้ารับถวายการฉีดวัคซีน 350 รูป
    วันเดียวกัน นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ แสดงความจำนงบริจาคเงินเดือนของตนเองจากกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เป็นเวลา 3 เดือน เดือนละ 12,000 บาท รวมเป็นเงิน 36,000 บาท ตั้งแต่เดือน พ.ค.-ก.ค.2564 เพื่อสมทบทุนให้รัฐบาลเป็นค่าจัดซื้อวัคซีนโควิด-19  
    ทั้งนี้ นายวัชระยังได้ชูป้ายภาพเนซึโกะจัง นางเอกจากเรื่องดาบพิฆาตอสูร พร้อมติดข้อความว่า “ให้ช่วยกันเสียสละบริจาคเงินเดือนนักการเมืองให้รัฐซื้อวัคซีนโควิด-19 เพื่อป้องกันชีวิตประชาชน” โดยขอให้นายกฯ เชิญชวนคณะรัฐมนตรี, สมาชิกพรรคร่วมรัฐบาล, สมาชิกวุฒิสภา, ผู้ดำรงตำแหน่งการเมือง และประธานคณะกรรมการบอร์ดรัฐวิสาหกิจและกรรมการทุกแห่ง ซึ่งปัจจุบันไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่เต็มเวลาราชการ หรือ Work From Home ได้ร่วมกันเสียสละหักเงินเดือนนำไปช่วยเหลือประชาชนในการจัดซื้อวัคซีนโควิด-19.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"