วัคซีนโควิด-19 ณ ขณะนี้เริ่มมีการทยอยส่งเข้ามาในประเทศไทยแล้ว โดยมุ่งหวังเพื่อลดการแพร่ระบาด และลดอัตราเสี่ยงที่ก่อให้เกิดความรุนแรงของเชื้อ ซึ่งการบริหารจัดการที่รัฐบาลตั้งเป้าคือการปูพรมฉีดวัคซีน ที่ถูกยกให้เป็นวาระแห่งชาติ ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ที่ยังคงเป้าหมายหลักคือ ประชากร 50 ล้านคน หรือ 70% จะต้องได้รับวัคซีนภายในปี 2564 ตามความสมัครใจ โดยมีการคาดการณ์ว่า วัคซีนเข็มแรกจะถูกฉีดภายใน มิ.ย.-ก.ย.2564
ซึ่งในการประชุมศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศปก.ศบค.) เมื่อวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา กรมควบคุมโรคเสนอแผนกระจายและการจัดการบริการวัคซีน ระหว่างเดือน พ.ค.-มิ.ย. โดยมีสิ่งที่น่าสนใจหลายประเด็น ซึ่งในปัจจุบันไทยมีแผนเตรียมวัคซีนแล้ว 63 ล้านโดส อยู่ระหว่างจัดซื้อเพิ่ม 37 ล้านโดส รวมเป็นทั้งหมด 100 ล้านโดส
สำหรับงบประมาณปี 2565 จะมีการจัดหาเพิ่มอีก 50 ล้านโดส ให้ครบ 150 ล้านโดส ตามเป้าหมายที่นายกรัฐมนตรีประกาศไว้ก่อนหน้านี้ โดยกลุ่มเป้าหมายที่จะได้รับการฉีดในระยะนี้แบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก คือ 1.บุคลากรทางการแพทย์ 2.เจ้าหน้าที่ด่านหน้า และ 3.กลุ่มอาชีพเสี่ยงภาครัฐและเอกชน เช่น บุคลากรทางการศึกษา, เจ้าหน้าที่บริการประชาชน, พนักงานขนส่งสาธารณะ, ผู้มีอาชีพหรือกิจการที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีพของประชาชน เช่น ด้านสาธารณูปโภค อาหาร ยา ฯลฯ
ซึ่งการบริหารจัดการวัคซีนประจำเดือน พ.ค.2564 จะมีวัคซีนทั้งหมด 2 ล้านโดส แบ่งเป็น ซิโนแวค 1.5 ล้านโดส และแอสตร้าเซนเนก้า 500,000 โดส สำหรับซิโนแวค 1.5 ล้านโดส มาถึงไทยทั้งหมด 2 ล็อต ซิโนแวค ล็อตแรก ได้มาเมื่อวันที่ 6 พ.ค. จำนวน 1 ล้านโดส โดยจัดส่งเมื่อวันที่ 14 พ.ค. เพื่อกระจายให้มีการฉีดเข็มแรกในพื้นที่ 77 จังหวัด
โดยมีกลุ่มเป้าหมายดังนี้ นักเรียนศึกษาต่อต่างประเทศ นักการทูต 20,000 โดส, กทม. 100,000 โดส, ภูเก็ต 200,000 โดส, จังหวัดขับเคลื่อนเศรษฐกิจ 8 จังหวัด คือ กระบี่ พังงา สุราษฎร์ธานี เชียงใหม่ ชลบุรี บุรีรัมย์ เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ รวม 200,000 โดส จังหวัดอื่นๆ 67 จังหวัด 323,000 โดส, เจ้าหน้าที่สถานกักกันและราชทัณฑ์ 10,000 โดส, ตำรวจ 37,000 โดส, ทหาร 10,000 โดส และสำรองส่วนกลางสำหรับตอบโต้การระบาด 100,000 โดส
ซิโนแวค ล็อตที่ 2 ได้รับมาเมื่อวันที่ 14 พ.ค. จำนวน 500,000 โดส จัดส่งเมื่อวันที่ 17 พ.ค. ซึ่งเป็นการจัดสรรไปยังพื้นที่ กทม.และปริมณฑล เพื่อฉีดวัคซีนเข็มแรกในพื้นที่ระบาด แบ่งเป็นการฉีดให้กลุ่มเป้าหมาย 300,000 โดส และฉีดให้ชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย 200,000 โดส
ส่วนแอสตร้าเซนเนก้า 500,000 โดส ที่ผลิตโดยสยามไบโอไซเอนซ์ ประเทศไทย คาดว่าจะจัดส่งได้วันที่ 21 พ.ค. โดยเป็นการจัดสรรไปยังพื้นที่ กทม.และปริมณฑล เพื่อฉีดเข็มแรกในพื้นที่ระบาด
โดยกรมควบคุมโรคเสนอว่า วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 500,000 โดส ควรบริหารจัดการโดยแบ่งเป็น การจัดสรรฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ในพื้นที่ 7 จังหวัด คือ กทม. สมุทรปราการ ชลบุรี นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรสาคร และระนอง จำนวน 100,000 โดส
ทั้งนี้ การฉีดวัคซีนเข็มแรกแบ่งเป็น การบริหารนักการทูต องค์กรระหว่างประเทศ 20,000 โดส, กทม. 300,000 โดส และสำรองส่วนกลางสำหรับการตอบโต้การระบาด 80,000 โดส โดยกรมควบคุมโรคประเมินว่าในเดือน มิ.ย. จะมีวัคซีนเข้ามาอีก 6.8 ล้านโดส แบ่งเป็นซิโนแวค 1 ล้านโดส คาดว่าจะถึงไทย 22 พ.ค. และคาดว่าจะจัดส่งได้ช่วงต้นเดือน มิ.ย. ซึ่งจะเป็นการจัดสรรวัคซีนเข็มที่ 2 ในกลุ่มเป้าหมาย 77 จังหวัด
สำหรับ แอสตร้าเซนเนก้า ที่ผลิตโดยสยามไบโอไซเอนซ์ ประเทศไทย คาดว่าจะได้อีกจำนวน 5.8 ล้านโดส และจัดส่งได้ในเดือน มิ.ย. และจะเป็นการจัดสรรการฉีดเข็มแรกในพื้นที่ 77 จังหวัด แต่ยังคงเน้นพื้นที่ กทม.และปริมณฑล ซึ่งเป็นพื้นที่การระบาดอยู่
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เดือน มิ.ย. จะมีแผนการปูพรมฉีดวัคซีนโควิดในพื้นที่ระบาด กทม.และปริมณฑล 3 รูปแบบ ที่แบ่งสัดส่วนดังนี้ นัดหมายผ่านแอปพลิเคชันหรือไลน์หมอพร้อม จำนวน 30% นัดหมายโดยตรงกับโรงพยาบาล อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) จำนวน 50% และเปิดให้เดินเข้ารับวัคซีนแบบไม่ได้นัดหมาย หรือ walk in จำนวน 20%
ซึ่งขั้นตอนการเข้ารับวัคซีนแบบ walk in จะต้องตรวจสอบสถานพยาบาลหรือจุดบริการฉีดวัคซีนนอกสถานพยาบาล โดยให้นำบัตรประชาชน หรือบัตรที่ราชการออกให้ หรือหนังสือเดินทาง จากนั้นให้แจ้งความประสงค์เข้ารับวัคซีน กรณีคิวเต็ม ให้เจ้าหน้าที่ลงทะเบียนนัดหมายการฉีดวัคซีนในวันถัดไป ส่วนกรณีที่มีโรคประจำตัว ขอให้ปรึกษาแพทย์ที่ดูแลเป็นประจำเพื่อพิจารณาก่อนเข้ารับวัคซีน
อีกแนวทางที่จะทำให้การฉีดวัคซีนโควิดกระจายไปอย่างรวดเร็ว คือ การฉีดวัคซีนตามกลุ่มองค์กรต่างๆ ซึ่งกรมควบคุมโรคกำหนดแนวทางไว้ดังนี้ 1.ให้แต่ละจังหวัดสำรวจความต้องการวัคซีนของกลุ่มองค์กร เช่น ครู โรงงาน ร้านอาหาร ขนส่งสาธารณะ 2.ให้จังหวัดจัดบริการวัคซีนสำหรับองค์กรแบบปกติร่วมกับประชาชนทั่วไป หรือแบบกลุ่มองค์กรตามความเหมาะสม 3.หากหน่วยงานส่วนกลางส่งความต้องการวัคซีนมาที่กรมควบคุมโรค จะมีการจัดสรรวัคซีนให้ตามจังหวัดที่ตั้งหน่วยงาน และให้จังหวัดดำเนินการฉีดวัคซีนต่อไป และ 4.หากหน่วยงานต้องการจัดบริการร่วมกับภาคเอกชนหรือภาครัฐอื่นๆ กรมควบคุมโรคจะดำเนินการจัดสรรวัคซีนให้ ทั้งนี้ หน่วยงานจะต้องเตรียมทีมแพทย์ โรงพยาบาลที่รับผิดชอบ ผู้ประสานงาน และระบบข้อมูลตามที่กรมควบคุมโรคกำหนด
เบื้องต้นเป็นแผนบริหารจัดการวัคซีนของกรมควบคุมโรค โดยหลังจากนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงกลุ่มเป้าหมาย-วิธีการกระจายวัคซีนเพิ่มเติมอีกหรือไม่ ยังคงเป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันต่อไปตามสถานการณ์.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |