29ปีพฤษภาปชต.ไขว้เขว ขู่เดินลงถนนไล่ประยุทธ์


เพิ่มเพื่อน    

 ครบรอบ 29 ปีพฤษภาทมิฬ บรรยากาศเงียบเหงา "ปริญญา" ชี้ปชต.ไม่ก้าวหน้าเพราะมีคนไขว้เขวไปชวนทหารปฏิวัติ 7 ปีปฏิรูปก่อนเลือกตั้งเห็นแล้วไม่เป็นจริง "พิภพ" เศร้าใจ ปชต.ไทยเติบโตช้ากว่าเกาหลีใต้ทั้งที่เคยเป็นระบอบเผด็จการ ประธานญาติวีรชนฯไม่ทนแล้ว ประกาศปลดล็อกพร้อมลงถนนเคียงข้างคนรุ่นลูกหลานเพื่อไล่ระบอบประยุทธ์ เชื่อหาคนดีเป็นนายกฯได้

    เมื่อช่วงเช้าวันที่ 17 พฤษภาคม ที่อนุสรณ์สถานพฤษภาประชาธรรม ถนนราชดำเนิน คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 และมูลนิธิพฤษภาประชาธรรม จัดงานรำลึกครบรอบ 29 ปีเหตุการณ์เดือนพฤษภาคม พ.ศ.2535  สำหรับปีนี้่ได้งดจัดกิจกรรมเหมือนเช่นทุกปีที่ผ่านมา เนื่องจากสถานการณ์ไวรัสโควิดระบาด โดยมีเพียงญาติวีรชน ผู้แทนภาคประชาชน และภาคการเมืองบางส่วน มาร่วมวางดอกไม้รำลึกที่ฐาน อนุสรณ์สถานพฤษภาประชาธรรม
    จากนั้น นายโคทม อารียา ที่ปรึกษาสถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า เราต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมายาวนาน แต่หนทางยังจะต้องเดินต่อไป เป็นประชาธิปไตยที่กินได้ แต่ไม่ใช่กินเฉพาะผู้มีอำนาจเท่านั้น อยากจะให้เป็นประชาธิปไตยที่คนส่วนใหญ่ได้ประโยชน์ ก่อนอื่นเราต้องมีเสรีภาพ ไม่อย่างนั้นคนมีอำนาจก็จะใส่ข่าวปลอม กรอกหูเราทุกวัน ตอนนี้เป็นเพียงแค่ภาพลวงว่ามีประชาธิปไตยแล้ว ก่อให้เกิดประโยชน์แล้ว แต่ยังไม่ได้เป็นของประชาชนอย่างแท้จริง ดังนั้น อุดมการณ์ของวีรชนที่จากไป อุดมการณ์ของพวกเราที่ยังอยู่ คือเราต้องการประชาธิปไตยที่มีทั้งเสรีภาพ และความเสมอภาค
    นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า นับเป็นเวลา 29 ปีที่วีรชนเหล่านี้ได้เสียสละ ทอดร่างลงกลางถนน แล้วก็ได้ให้เรามีประชาธิปไตย สิทธิเสรีภาพมาในวันนี้เป็นเรื่องที่ลืมไม่ได้ ไม่ใช่เพียงแค่การมารำลึกทุกปี แต่ให้นึกว่าประชาธิปไตยต้องลงมือทำต้องรักษาไว้ให้เดินหน้าต่อไป และอย่าไขว้เขว เชื่อว่าปี 2565 ซึ่งครบรอบ 30 ปี จะก้าวหน้าไปอีกก้าวอย่างแน่นอน และจะเป็นปีที่มีคนมาร่วมงานรำลึกมากที่สุด มีพวกเราจำนวนไม่น้อยไขว้เขว ไปใช้วิธีทางที่ไม่ใช่ประชาธิปไตยในการแก้ปัญหา ไปชวนคณะปฏิวัติ มาปฏิวัติบ้าง ไปล้อมหน่วยเลือกตั้งบ้าง ไม่เคารพความเห็นต่างกันบ้าง ใช้ความเกลียดชังกับผู้ที่เห็นต่างกันบ้าง
    “จากนี้ไปประชาธิปไตยเดินหน้าแน่นอน หากใช้วิถีทางประชาธิปไตย ในการแก้ปัญหา 7 ปีผ่านไปหลังปี 2557 จากการยึดอำนาจที่ว่าจะปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง เราก็เห็นแล้วว่ามันไม่เกิดอะไรขึ้นเลย อนุสาวรีย์ตั้งขึ้นมาด้วย 2 เหตุผล เหตุผลแรกคือเราไม่ควรตายกันอีก เพราะความขัดแย้งทางการเมือง จากนี้ไปต้องใช้วิถีทางประชาธิปไตย เหตุผลที่ 2 ประชาธิปไตยคือการปกครองตนเองของประชาชน ซึ่งสำเร็จได้ ถ้าประชาชนปกครองตนเองกันเป็น”นายปริญญากล่าว
    ขณะที่นายพิภพ ธงไชย ที่ปรึกษาประธานญาติวีรชนพฤษภา 35 และอดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า เคยพาญาติวีรชนพฤษภา 35 ไปงานที่กวางจู เกาหลีใต้ เมื่อสมัยครบรอบ 10 ปี ผิดกันฟ้ากับดินเลย มันทำให้เห็นว่าการที่่่รัฐบาล เอาใจใส่กับขบวนการต่อสู้ของประชาชน มันทำให้เกิดประชาธิปไตยโดยรวมได้จริงๆ กรณีเกาหลีใต้ เป็นกรณีตัวอย่างได้สำคัญ เพราะฉะนั้นการที่รัฐบาลไหนก็ตามที่อ้างว่าเป็นรัฐบาลประชาธิปไตย แล้วไม่เอาใจใส่การต่อสู้ของประชาชนเรื่องสิทธิเสรีภาพและความเป็นธรรม โอกาสยากที่จะเกิดประชาธิปไตยที่ยั่งยืนเป็นเรื่องน่าเศร้าว่าระบอบประชาธิปไตยของเมืองไทยเติบโตช้า เพราะผ่านการต่อสู้อีกนาน ที่ยกตัวอย่างเกาหลีใต้ ก็จะเห็นได้ว่าหลังจากที่เขาเคยล้าหลังในเรื่องระบบเผด็จการ เหมือนระบบเผด็จการทหารของไทย วันนี้เขาเปลี่ยนเป็นประชาธิปไตย เศรษฐกิจก็ไปได้
    "วันนี้ประธานญาติวีรชนพฤษภา 35 ได้นำการต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตยในการต่อสู้กับรัฐบาลปัจจุบัน ก็ขอให้ประสบความสำเร็จที่จะเอาชนะรัฐบาลประยุทธ์ได้ ขอให้ญาติทุกท่านมีความมั่นคงในชีวิต แต่ก็อย่าไปท้อถอย มีลูกหลานก็ต้องสนับสนุนให้ออกมาต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย" นายพิภพกล่าว
    ทางด้านนายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 2535 ออกแถลงการณ์ว่า ในช่วง 29 ปีเหตุการณ์พฤษภาทมิฬที่ผ่านมา ไม่มีการเรียนรู้จากประวัติศาสตร์อย่างเป็นรูปธรรม การสูญเสียของประชาชน ประเทศย่ำอยู่กับที่ และถอยหลังมากกว่าเดิม เพราะโครงสร้างอำนาจเผด็จการปรับตัวเป็นรัฐพันลึก ฝ่ายประชาธิปไตยประชาชนบางส่วนสมาทานกับระบอบอำนาจนิยมและจารีตนิยม ลดตัวลงเป็นทาสผู้ไม่ยอมปลดปล่อย เป็นเครื่องมือรับใช้นายทุน ขุนศึกศักดินา การเมืองในระบอบรัฐสภาไม่สามารถต้านทานโครงสร้างอำนาจเผด็จการได้ กลายเป็นกลไกแสวงหาอำนาจและผลประโยชน์ ฝ่ายบริหาร-นิติบัญญัติ-ตุลาการ กลายเป็นฐานค้ำโครงสร้างอำนาจเผด็จการ รัฐสภาจึงเต็มไปด้วยผู้มีอิทธิพลในแต่ละท้องถิ่น ขณะที่รัฐมนตรีก็คือหัวหน้าที่สามารถตั้งกลุ่มรวมก๊วน ส.ส.ให้ได้จำนวนไปต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีมานั่ง ไม่แปลกที่จะมีรัฐมนตรีที่ต้องคดียาเสพติดนั่งชูหน้าชูตา และถูกยกเครดิตให้เป็นเส้นเลือดใหญ่รัฐบาล เป็นการเมืองน้ำเน่าที่วนอยู่ที่เดิม
    นายอดุลย์กล่าวว่า ขอไม่ทนอีกต่อไป จะปลดล็อกเดินลงถนนร่วมกับลูกหลานเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศ ตนขอยืนอยู่คนละฝั่งกับโครงสร้างอำนาจจารีตนิยม คนละฝั่งกับนักการเมืองและกลุ่มคนที่รับใช้ระบอบประยุทธ์ โดยขออยู่เคียงข้างลูกหลาน เยาวชนคนรุ่นใหม่ที่พร้อมจะออกมาปฏิรูปประเทศและเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ต้องลาออกจากตำแหน่ง เพราะยิ่งอยู่ยิ่งทำให้ประเทศเสื่อมถอย ยิ่งทำให้ประเทศหายนะ วันนี้จะขอร่วมขับเคลื่อนเป็นพลังคู่ขนาน หรือร่วมเป็นพลังหนึ่งเดียวกับลูกหลาน และพร้อมลงถนนในทุกสถานการณ์ เพื่อส่งต่อประเทศที่มีอนาคตให้กับลูกหลานต่อไป และสนับสนุนรัฐบาลเพื่อการฟื้นฟูประเทศเพื่อตัดวงจรระบอบประยุทธ์ ก็คือการมีรัฐบาลเพื่อการฟื้นฟูประเทศ ยืนยันว่า  กรุงศรีอยุธยา ราชธานีไทย ถึงเคยแตกแหลกไป ก็ไม่สิ้นคนดี สามารถที่จะหานายกฯ ที่เป็นคนดีได้อย่างแน่นอน
    นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศให้การแก้ไขปัญหาการทุจริตเป็นวาระแห่งชาติว่า  แท้จริงแล้ววาระแห่งชาติที่สำคัญที่สุดในเวลานี้คือการรื้อถอนระบอบประยุทธ์ โดยเร็วที่สุดต่างหาก ที่เป็นศูนย์กลางของปัญหา ซึ่งหมายถึงกระบวนการทั้งหลายที่ทำให้ได้มาซึ่งคนแบบประยุทธ์และคณะ เราจะต้องยุติกลไก ส.ว.ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นที่ประจักษ์แล้วว่าการสืบทอดมรดกคณะรัฐประหารผ่านการวางกับดักไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับมีชัยนั้น นำมาซึ่งผู้นำประเทศที่บ้าอำนาจ แต่ไร้ความสามารถที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"