หนีเสือปะตะกวด!


เพิ่มเพื่อน    

   วันนี้มองแง่ร้ายสักวัน

            แง่ร้ายที่ว่าอาจเป็นจริงในระยะอันใกล้นี้ ถ้าใครสักคนการ์ดตกแล้วนำเชื้อเข้ามา

            ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กว่า

                 “วัคซีน และ คงวินัย รักษาระยะห่าง คนไทยได้วัคซีนครบ ๒ เข็มแล้วก็ตามอย่ามั่นใจ สายพันธุ์เพี้ยน อินเดีย  แอฟริกา ไฟเซอร์ โมเดอร์นา ครบ ๒ เข็มในสิงคโปร์ ยังติดเชื้อได้”

            คงไม่ต้องบรรยายหากโควิดสายพันธุ์อินเดีย แอฟริกาใต้ เข้ามาในประเทศไทย ที่ฉีดวัคซีนไปแล้วก็อาจเอาไม่อยู่

            บางทีอาจต้องนับหนึ่งใหม่

            ฉะนั้น การป้องกันโควิดสายพันธุ์ต่างๆ เป็นเรื่องของทุกคน

            รัฐบาล ราชการ เอกชน ประชาชน ล้วนต้องรับผิดชอบด้วยกันทั้งสิ้น

            มันไม่ใช่เรื่องของคนใดคนหนึ่งอีกแล้ว

            ใครที่มองว่ารัฐบาลนี้เลวร้ายเกินพอแล้ว อยู่มา ๗ ปีแล้ว ชาติล่มจมพอแล้ว มันก็จริงบางเรื่องรัฐบาลสอบตก  รัฐมนตรีบางคนมีแผลเหวอะหวะเต็มไปหมด 

            ปัญหาคอร์รัปชันก็ยังอยู่

            ถ้าบอกว่าควรจะย้ายก้นออกไปได้แล้ว

            ก็ต้องถามว่าแล้วไงต่อ

            กระบวนการได้มาซึ่งรัฐบาลใหม่ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ใช้เวลาเท่าไหร่

            คุ้มหรือไม่กับการเปลี่ยนม้ากลางศึก

            รัฐบาลประยุทธ์ ไม่ใช่รัฐบาลที่ดีที่สุด แต่มีอะไรเป็นหลักประกันว่ารัฐบาลใหม่ที่ได้มาจะดีกว่า

            มองแง่ร้าย.....

            ทุกรัฐบาลที่ผ่านมา ไม่มีรัฐบาลไหนปลอดจากคอร์รัปชัน และไม่มีรัฐบาลไหนแก้ปัญหาคอร์รัปชันอย่างจริงจัง

            ทุกรัฐบาลล้วนถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจเรื่องคอร์รัปชัน

            แม้กระทั่งรัฐบาลประยุทธ์ก็สอบตกเรื่องคอร์รัปชัน

            แต่เมื่ออยากเปลี่ยนรัฐบาล ควรจะมีข้อเสนอที่เป็นไปได้ว่า รัฐบาลใหม่จะเป็นรัฐบาลปลอดคอร์รัปชันอย่างที่ทุกคนต้องการได้อย่างไร

            อย่าเอาแต่บอกว่าทุกคนต้องร่วมมือกัน

            ที่ผ่านมาก็พูดแบบนี้ทั้งนั้น แล้วผลเป็นไง

            สมการการเมืองวันนี้ เปลี่ยนขั้วอำนาจเป็นพรรคเพื่อไทยจะปลอดคอร์รัปชันหรือไม่?

            หรือหนีเสือปะตะกวด!

            การเสนอเปลี่ยนรัฐบาลในวันนี้ของ

            ด้วยความเคารพ! อย่างข้อเสนอของ กลุ่มประชาชนคนไทย ฟังดูแล้วแม้จะเห็นด้วยหลายเรื่อง แต่ด้วยสถานการณ์เช่นนี้แทบเป็นไปไม่ได้เลย

            ตั้ง "รัฐบาลสร้างชาติ" ต้องทำอย่างไร?   

            ในทางปฏิบัติความเป็นจริงของการเมืองไทย มองไม่ออกจริงๆ ว่า จะเป็นไปได้อย่างไร 

            ครับ...เท่าที่ดูข้อเสนอ รัฐบาลสร้างชาติมีภารกิจ

            ๑.แก้ปัญหาไวรัสโควิดให้เป็นรูปธรรม สร้างการมีส่วนร่วมให้มากกว่านี้ หยุดการคอร์รัปชัน และกระจายวัคซีนทั่วถึง

            ๒.รัฐบาลสร้างชาติ ต้องปฏิรูปประเทศไทย มีกรอบเวลาที่ชัดเจน

            ๓.ต้องสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นให้ได้ จะเกิดได้  พล.อ.ประยุทธ์ต้องเสียสละลาออก ให้เกิดรัฐบาลสร้างชาติขึ้นมา

            ถ้าไม่ใช่สถานการณ์โรคระบาดที่รุนแรงไปทั่วโลกแบบนี้ การเปลี่ยนม้ากลางศึกถือเป็นเรื่องธรรมดาทางการเมือง

            เปลี่ยนแล้วจะได้รัฐบาลที่ดีกว่าหรือเลวลง ผลกระทบในด้านอื่นๆ แทบไม่มีผลอะไร เพราะในข้อเท็จจริง เราเปลี่ยนรัฐบาล เปลี่ยนขั้วมาหลายครั้ง

            ทุกวันนี้ก็ยังทะเลาะกันอยู่

            ทะเลาะกับฝ่ายตรงข้าม ทะเลาะกันเอง เราผ่านมาหมดแล้ว

            พล.อ.ประยุทธ์ไป เรื่องพวกนี้จะยุติลงอย่างนั้นหรือ

            ก็อยากให้เก็บไปคิด

            การสร้างความสมานฉันท์ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในยามปกติยังทะเลาะกันไม่จบ ขณะนี้เราอยู่ในวิกฤติโรคระบาด สิ่งที่ต้องทำก่อนหลังคืออะไรกันแน่

            ไม่เฉพาะไทยประเทศเดียวที่มีปัญหา ทั่วโลกต่างมีปัญหาในวิกฤติเดียวกันนี้ด้วยกันทั้งนั้น

            ทางหลุดพ้นคือไล่รัฐบาล ไม่มีทางอื่นแล้วจริงๆ หรือ

            อาทิตย์ก่อน สถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น ของอเมริกา  รายงานว่าอัตราการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-๑๙ ในกลุ่มคนผิวดำ คนสเปน และคนเอเชียนั้นตัวเลขต่ำกว่าคนผิวขาว

            จำนวนผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสยังมีสัดส่วนน้อยกว่าตัวเลขประชากรกลุ่มดังกล่าวที่อาศัยอยู่ในสหรัฐฯ ทั้งหมด

            กลุ่มคนผิวดำ ซึ่งคิดเป็นร้อยละ ๑๒.๔ ของประชากรสหรัฐฯ ครองสัดส่วนร้อยละ ๘.๕ ของผู้ฉีดวัคซีนครบโดส

            ส่วนคนสเปน ซึ่งคิดเป็นร้อยละ ๑๗ ของประชากรในประเทศ ครองสัดส่วนร้อยละ ๑๑ ของผู้ฉีดวัคซีนครบโดส

            อย่างไรก็ดี ช่องว่างระหว่างจำนวนประชากรและจำนวนผู้ฉีดวัคซีนครบโดสในกลุ่มคนเอเชียมีน้อยกว่า โดยมีผู้ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วร้อยละ ๕.๓ เมื่อเทียบกับจำนวนประชากรที่ฉีดวัคซีนครบโดสทั้งหมดซึ่งอยู่ที่ร้อยละ ๕.๘

            สถิติระบุเพิ่มเติมว่ากลุ่มคนผิวขาว ซึ่งคิดเป็นร้อยละ  ๖๑.๒ ของประชากรในสหรัฐฯ ครองสัดส่วนถึงร้อยละ

 ๖๕.๘ ของผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสทั้งหมด

            เห็นอะไรมั้ยครับ

            ประเทศชั้นยอดยังมีการจัดสรรวัคซีนแบบเหลื่อมล้ำ

            ถามว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นในไทยหรือไม่

            อย่างที่เขียนถึงหลายครั้ง อยากให้รออีก ๓-๔ เดือน ดูการฉีดวัคซีนในไทย แล้วเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ  แล้วมาคุยกันอีกทีว่า ควรจะเปลี่ยนม้ากลางศึกหรือไม่

            ถึงวันนั้นม้าขาเป๋ มันก็ไร้ประโยชน์

            สมควรต้องเปลี่ยน

            แต่วันนี้สิ่งที่ทุกคนต้องทำคือ ดูแลตัวเองให้รอดจากโควิด

            การรวมกลุ่มไม่ว่าจะเพื่ออะไรควรจะงดชั่วคราว

            เพราะหากพลาดขึ้นมา คำขอโทษ ไม่มีความหมายอะไรเลย

            เอาไว้โควิดหมดพิษสง ถึงตอนนั้นถ้าลุงตู่ไม่ได้เรื่องจริงๆ ล้มเหลวหมดทุกอย่าง สร้างแต่ความเสียหายให้ประเทศ

            จะช่วยไล่อีกแรง.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"