“ออมสิน” ดีเดย์ 2 มิ.ย. เปิดขายสลากพิเศษ 5 ปี รับฝากหน่วยละ 100 บาท วงเงินรวม 6 หมื่นล้านบาท ชูผลตอบแทนสุดคุ้มถึง 3 ต่อ ต่อที่ 1 ฝากครบ 5 ปี ได้ดอกเบี้ยหน่วยละ 4 บาท ต่อที่ 2 ลุ้นถูกรางวัลทุกวันที่ 1 ของเดือน จำนวน 60 ครั้ง และต่อที่ 3 ลุ้นรับรถยนต์ รถยนต์ Mercedes-Benz รุ่น E 350 e Avantgarde

30 พ.ค. 61 - นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารออมสินเตรียมออกสลากออมสินพิเศษ 5 ปี งวดที่ 509 เปิดรับฝากตั้งแต่วันที่ 2 มิ.ย.2561 โดยเปิดรับฝากหน่วยละ 100 บาท ให้ผลตอบแทนให้แก่ผู้ฝากถึง 3 ต่อ สำหรับต่อที่ 1 ฝากครบ 5 ปี ได้ดอกเบี้ยหน่วยละ 4 บาท ฝากครบ 4 ปี แต่ไม่ครบ 5 ปี ได้ดอกเบี้ยหน่วยละ 2.50 บาท ฝากครบ 3 ปี แต่ไม่ครบ 4 ปี ได้ดอกเบี้ยหน่วยละ 1.50 บาท ฝากครบ 2 ปี แต่ไม่ครบ 3 ปี ได้ดอกเบี้ยหน่วยละ 0.75 บาท ฝากครบ 1 ปี แต่ไม่ครบ 2 ปี ได้ดอกเบี้ยหน่วยละ 0.25 บาท และฝากครบ 3 เดือนแต่ไม่ถึง 1 ปี ไม่ได้รับดอกเบี้ย 

สำหรับผลตอบแทนต่อที่ 2 ผู้ฝากมีสิทธิ์ลุ้นถูกรางวัลจากการออกรางวัลเลขสลากทุกวันที่ 1 ของเดือน เป็นเวลา 60 ครั้ง ตลอดระยะเวลาการฝาก โดยมีรางวัลสูงสุด รางวัลที่ 1 มูลค่าเงินรางวัล 5 ล้านบาท จำนวน 3 รางวัล และ ต่อที่ 3 มอบสิทธิ์ลุ้นรับรางวัลพิเศษในแคมเปญ “ออมสินสายเปย์ แจกรถทั้งปี รวยล้านทุกเดือน” ซึ่งจะจับรางวัลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.2561 – 1 มิ.ย.2562 รวมจำนวนทั้งสิ้น 12 ครั้ง จำนวนรางวัล 108 รางวัล มูลค่าร่วม 15 ล้านบาท มีรางวัลสูงสุด คือ รถยนต์ Mercedes-Benz รุ่น E 350 e Avantgarde จำนวน 1 รางวัล มูลค่า 3.58 ล้านบาท 

“สลากออมสินพิเศษ 5 ปี เป็นสลากฯ ที่เคยออกมาแล้วเมื่อ 7 ปีก่อน และครบกำหนดเวลาไปแล้วเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ไม่ได้มีการออกใหม่ เพราะมีต้นทุนแพง ซึ่งในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสดีให้กับลูกค้า ซื้อสลากอายุ 5 ปีได้อีกครั้ง ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าตลาด คืนกำไรให้กับลูกค้า โดยธนาคารเตรียมวงเงินจำหน่ายสลากในครั้งนี้ไว้ที่ 6 หมื่นล้านบาท คาดว่าเมื่อนำมาร่วมกับแคมเปญจับแจกรถยนต์แล้ว จะมีผู้สนใจมากและจำหน่ายได้หมดภายใน 1 เดือน” นายชาติชาย กล่าว

โดยปัจจุบันธนาคารมีเงินฝากรวม 2.26 ล้านล้านบาท ในจำนวนนี้กว่า 47% หรือ 9 แสนล้านบาท เป็นเงินฝากจากสลากออมสิน ซึ่งหากจำหน่ายสลากรอบใหม่หมด ทำให้ธนาคารมียอดเงินฝากจากสลากใกล้ 1 ล้านล้านบาท

ทั้งนี้ จากแผนการระดมทุนเงินฝากจากสลากออมสินดังกล่าว จะนำไปใช้เพื่อรองรับมาตรการสินเชื่อจากภาครัฐ รวมทั้งโครงการที่เกิดขึ้นในอนาคต เพราะเป็นการระดมเงินฝากระยะยาว ให้สอดคล้องกับแผนการปล่อยกู้ระยะยาวด้วย เป็นการปิดความเสี่ยงในเรื่องต้นทุนของธนาคาร