ชาวชุมชนช่วยกันป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19 ขณะที่หน่วยงานของรัฐ เช่น รฟท.ยังเดินหน้าไล่รื้อชุมชนริมทางรถไฟในจังหวัดนครราชสีมาท่ามกลางความยากลำบาก เพราะตกงาน ไม่มีรายได้ในช่วงโควิด
เครือข่ายองค์กรชุมชน/ เครือข่ายองค์กรชุมชนทั่วประเทศออกแถลงการณ์ถึงรัฐบาลในสถานการณ์โควิด 7 ข้อ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดและทำให้ชุมชนฟื้นตัวสู่ภาวะปกติ เช่น ให้หยุดการไล่รื้อบ้านเรือนเพื่อจัดทำโครงการของรัฐ ให้มีผู้แทนชุมชนเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อในระดับจังหวัด เนื่องจากมาตรการหรือคำสั่งของรัฐมีผลกระทบต่อชีวิตประชาชน หยุดการผลักดันร่างกฎหมายที่กำจัดสิทธิของประชาชนทุกฉบับ ไม่เห็นด้วยกับการรวมศูนย์บริหารจัดการประเทศ ควรกระจายอำนาจไปยังท้องถิ่นและประชาชน กระจายการจัดหาวัคซีนไปยังองค์กรปกครองท้องถิ่นและภาคเอกชน ฯลฯ
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ ส่งผลกระทบต่อประชาชนทั้งประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มประชาชนที่มีรายได้น้อย ไม่มีความมั่นคงในที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะประชาชนที่ปลูกสร้างบ้านเรือนในที่ดินของรัฐ เช่น ที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้รับผลกระทบเนื่องจากการพัฒนาเส้นทางรถไฟ โดยขณะนี้ รฟท.มีคำสั่งให้ชุมชนริมทางรถไฟในเขตอำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 8 ชุมชน ประมาณ 300 ครัวเรือนให้ย้ายออกจากที่ดิน รฟท. ขณะที่ชาวชุมชนยังต้องเผชิญกับภาวะโควิด ตกงาน ไม่มีรายได้ ฯลฯ เครือข่ายองค์กรชุมชนจึงออกแถลงการณ์ดังนี้
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ทวีความรุนแรงและส่งผลกระทบกับชุมชนกว้างขวางทั่วประเทศนั้น เครือข่ายองค์กรชุมชนซึ่งทำงานอยู่ทั่วประเทศ มีองค์กรสมาชิกมากกว่า 15,000 องค์กร มีข้อเสนอในเชิงนโยบายต่อรัฐบาลเพื่อคลี่คลายความเดือดร้อนของประชาชนดังนี้
1.รัฐบาลต้องสั่งการให้ทุกหน่วยงานหยุดการไล่รื้อที่อยู่อาศัยของชาวบ้านเพื่อจัดทำโครงการขนาดใหญ่ทุกโครงการทันที เพราะปัจจุบันยังมีหลายหน่วยงานที่ยังไล่รื้อชาวบ้านอยู่ แม้ว่าชาวบ้านจะเดือดร้อนเพราะโควิดอย่างแสนสาหัสอยู่แล้วก็ตาม ควรมีการปรึกษาหารือหาทางออกที่เหมาะสม โดยชุมชนไม่ต้องอพยพโยกย้ายท่ามกลางสภาวะการณ์ที่ยากลำบากนี้
2.คณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อระดับจังหวัดและกรุงเทพมหานครซึ่งมีหน้าที่กำหนดมาตรการการควบคุมโรคทั่วประเทศในปัจจุบันนั้น ไม่มีผู้แทนขององค์กรชุมชนและประชาชนอยู่ในคณะกรรมการเลย ในขณะที่มาตรการทุกมาตรการที่กำหนดออกมานั้นมีผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของประชาชนอย่างกว้างขวาง เครือข่ายองค์กรชุมชนจึงเสนอให้รัฐบาลกำหนดให้มีผู้แทนของผู้นำองค์กรชุมชน เช่น สภาองค์กรชุมชน หรือผู้นำชุมชนอื่นเป็นกรรมการในคณะกรรมการดังกล่าวในทุกจังหวัด รวมทั้งกรุงเทพมหานคร เพื่อให้ข้อเสนอแนะต่อมาตรการต่างๆ ที่หน่วยงานของรัฐกำหนดขึ้นและช่วยสื่อสารมาตรการเหล่านั้นกับเครือข่ายชุมชนในจังหวัดต่างๆ
3.รัฐบาลต้องเปิดเผยข้อมูลผู้ติดเชื้อในพื้นที่ควบคุมเฉพาะ โดยเฉพาะเรือนจำและค่ายทหารต่างๆ ทั้งข้อมูลในภาพรวมและต้องแจ้งข้อมูลให้ญาติของผู้ติดเชื้อทราบในทุกกรณี
4.ในสภาวะปัจจุบันที่ประชาชนเดือดร้อนจากโรคระบาดอย่างหนักนี้ รัฐบาลต้องหยุดการผลักดันกฎหมายที่ละเมิดสิทธิ์ จำกัดสิทธิ์ของประชาชนทุกฉบับ เช่น ร่าง พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ ร่าง พ.ร.บ. ว่าด้วยการดำเนินงานขององค์กรที่ไม่แสวงหารายได้หรือกำไรมาแบ่งปันกัน เป็นต้น
5.การบริหารจัดการสถานการณ์โรคระบาดในช่วงปี 2563 จนถึงปัจจุบันนั้น มีบทเรียนสำคัญในสายตาของประชาชนคือ ยิ่งรวมศูนย์การบริหารจัดการประเทศมากเท่าไหร่ การจัดการปัญหายิ่งล่าช้าและไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงในพื้นที่ รัฐบาลควรถือโอกาสนี้ปฏิรูประบบการบริหารจัดการประเทศทุกระบบให้กระจายอำนาจการบริหารจัดการไปยังท้องถิ่นและประชาชนให้มากที่สุด จึงจะแก้ปัญหาวิกฤติและปัญหาที่หมักหมมมายาวนานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
6.เครือข่ายองค์กรชุมชนเห็นด้วยอย่างยิ่งกับการฉีดวัคซีนให้ประชาชนทั่งประเทศและจะช่วยรณรงค์ให้ประชาชนไปรับการฉีดวัคซีน แต่รัฐบาลต้องกระจายการจัดหาวัคซีนไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคเอกชน ซึ่งจะทำให้สามารถจัดหาวัคซีนมาบริการประชาชนได้รวดเร็วยิ่งขึ้นหลายเท่าตัว เพราะปัจจุบันรัฐบาลสามารถฉีดวัคซีนได้เพียงร้อยละ 2 ของประชากรทั้งหมดเท่านั้น และรัฐบาลต้องสร้างความเชื่อมั่นของประชาชนต่อการฉีดวัคซีนโดยให้ข้อมูลที่เป็นจริงรอบด้านและเพิ่มชนิดของวัคซีนให้หลากหลายขึ้น
7.ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับมาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลแถลงให้ประชาชนทราบ ต้องไม่ขัดแย้งกันระหว่างบุคคลในระดับนโยบาย และไม่ขัดแย้งกันระหว่างหน่วยงานของรัฐทั้งระดับชาติและระดับจังหวัด ซึ่งก่อให้เกิดความสับสนในหมู่ประชาชน
เครือข่ายองค์กรชุมชนทั่วประเทศซึ่งมีผู้นำชุมชนหลายล้านคน ได้ทำงานการป้องกันและลดผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสร่วมกับหน่วยงานต่างๆ มาตั้งแต่ปี2563 เห็นว่าถ้ารัฐบาลแก้ปัญหาระดับนโยบายตามข้อเสนอดังกล่าวได้ ผลกระทบต่อของการระบาดจะลดลง และชุมชน ประชาชนจะสามารถฟื้นตัวมาสู่ภาวะปกติอย่างรวดเร็วกว่าเดิม
16 พฤษภาคม 2564
คณะประสานงานเครือข่ายองค์กรชุมชน (คปอ.)
เครือข่ายสภาองค์กรชุมชน
เครือข่ายกองทุนสวัสดิการชุมชน
เครือข่ายที่ดินและที่อยู่อาศัยเมืองและชนบท
แม้เครือข่ายองค์กรชุมชนทั่วประเทศจะออกแถลงการณ์ดังกล่าว แต่ก็ยังรณรงค์ให้สมาชิกทั่วประเทศที่มีกว่า 15,000 องค์กรร่วมกันฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ “ฉีดวัคซีน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ”
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |