15 พ.ค.64 - ที่อาคารพญาไทพลาซ่า โถงอาคารชั้น 1 นายนิติธร ล้ำเหลือ ในฐานะที่ปรึกษากลุ่มประชาชนคนไทย (ปท.), นายปรีดา เตียสุวรรณ์ นักธุรกิจเพื่อสังคม และนายพิชิต ไชยมงคล ผู้ประสานงานกลุ่มปท. ร่วมกันแถลงข่าวเรื่อง “ขอให้รัฐบาลเสียสละลาออก” โดยนายพิชิต กล่าวว่า เรายืนยันเดินหน้าการปฏิรูปประเทศไทยเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ผูกพันให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำเนินการ ตลอดเวลานั้นชัดเจนไม่คืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรมในการปฏิรูปสักข้อ โดยเฉพาะตำรวจและการเมือง ถึงเวลาที่ พล.อ.ประยุทธ์ เสียสละตัวเอง เพื่อให้เกิดรัฐบาลสร้างชาติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 272 (2) ภายใต้กลไกรัฐสภา
นายพิชิต กล่าวถึงรัฐบาลสร้างชาติว่า จะมีภารกิจ 1.แก้ปัญหาไวรัสโควิดให้เป็นรูปธรรม สร้างการมีส่วนร่วมให้มากกว่านี้ หยุดการคอร์รัปชั่น และกระจายวัคซีนทั่วถึง 2.รัฐบาลสร้างชาติ ต้องปฏิรูปประเทศไทย มีกรอบเวลาที่ชัดเจน และ 3.ต้องสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นให้ได้ จะเกิดได้ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องเสียสละลาออก ให้เกิดรัฐบาลสร้างชาติขึ้นมา ทั้งนี้ ในวันอังคารหน้า (18 พ.ค.) ตัวแทนกลุ่มจะเดินทางไปยื่นหนังสือที่ทำเนียบรัฐบาล ให้นายกฯ รับทราบเจตนารมณ์
ช่วงหนึ่ง นายพิชิตอ่านแถลงการณ์ มีเนื้อหาสรุปได้ว่า 7 ปีที่ผ่านมา รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ สืบทอดอำนาจจาก คสช. พิสูจน์ชัดเจนยึดอำนาจเพื่อตัวเองและพวกพ้อง ไม่ตอบสนองการปฏิรูปทุกด้าน ออกแบบรัฐธรรมนูญสืบทอดอำนาจเขียนให้ตัวเองได้เปรียบ ผิดสัญญาประชาคมที่ให้ต่อรัฐสภา ประชาชนคนไทยต้องทนเห็นการใช้อำนาจฉ้อฉล ตระบัดสัตย์คำสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน ที่สำคัญเกิดการก้าวล่วงสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แทนที่รัฐบาลจะปกป้องอย่างแข็งขัน กลับกลายเป็นนำสถาบันมาอ้างเป็นเกราะกำบังพฤติกรรมชั่วร้ายทางการเมือง พล.อ.ประยุทธ์ แสดงออกราวกับว่าปัญหาเป็นความแตกแยกของประชาชน ไม่ใช่เรื่องของรัฐบาล ทั้งที่ต้นตอของปัญหาเกิดจากรัฐบาล ขอเรียกร้องให้ลาออก เปิดโอกาสให้สภาเลือกนายกฯ ตามมาตรา 272 (2) เพื่อแก้ปัญหาโควิด เดินหน้าปฏิรูปประเทศ และสร้างความปรองดองสมานฉันท์
ด้าน นายปรีดา กล่าวว่า เราต้องการรัฐธรรมนูญปฏิรูปฉบับสุดท้ายของประเทศ เราทำเรื่องการปฏิรูปมา 15 ปี โดยสมัชชาปฏิรูปที่นำโดยนายประเวศ วะสี และกรรมการปฏิรูปที่นำโดยนายอานันท์ ปันยารชุน มีข้อเสนอเหมือนกันคือประเทศไทยมีปัญหาความเหลื่อมล้ำ ถ้าไม่แก้ไขจะเกิดวิกฤติแตกแยก เราบอกทางออกชัดเจนต้องกระจายอำนาจ แต่ไม่เคยถูกนำมาปฏิบัติ รัฐบาลเสนอวิสัยทัศน์ 20 ปีของแต่ละกระทรวงไม่ใช่การปฏิรูป การปฏิรูปต้องมาคุยกัน 7 ปี การปฏิรูปไม่ก้าวหน้า เรามีคนดีอย่างผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ถ้ามาอยู่ในคณะปฏิรูปเราต้องการ ไม่ใช่คนมีคดีแป้งเป็นรัฐมนตรี นายณรงค์ศักดิ์มีผลงานชัดเจน กล้าหาญ แต่ถูกเตะไปจังหวัดนู้นจังหวัดนี้
นายปรีดา กล่าวอีกว่า การแก้ปัญหาประเทศต้องได้กลุ่มคนดีรักชาติ มองเพื่อประชาชน สังคม ประเทศชาติ ขณะที่เศรษฐกิจถูกควบคุมไม่กี่สกุล การกระจายรายได้แย่สุดในโลก ทั้งที่เราน่าจะมีความสมบูรณ์ร่วมกัน การปกครองเอื้อผู้มีอำนาจเสวยกันในกลุ่มเล็กๆ ไม่ดีขึ้น สวนทางกันหมด ข้อเสนอไม่ถูกสนองเลย เราต้องเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ด้วยคนมีจิตวิญญาณแก้ปัญหาประเทศอย่างแท้จริง ประเทศกำลังเข้าสู่สังคมสูงวัย ถ้าไม่เขียนรัฐธรรมนูญใหม่เอื้อให้ประเทศปฏิรูปตัวเอง สร้างผลิตผลช่วยดูแลผู้มีอายุ ประเทศจะล้มเหลว
ส่วน นายนิติธร กล่าวว่า ตนประเมินการทำงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ 7 ปี ใช้รัฐธรรมนูญประเมิน ตามคำปรารภชี้เจตนารมณ์รัฐธรรมนูญแก้ปัญหาที่ปรากฏ คือ 1.ผู้ไม่นำพานับถือกฎเกณฑ์ปกครองบ้านเมือง 2.ทุจริตฉ้อฉลบิดเบือนอำนาจ 3.ขาดความตระหนักสำนึกรับผิดชอบต่อประเทศชาติ ประชาชน ทำให้การบังคับใช้กฎหมายไม่เป็นผล รัฐบาลนี้มีตัวอย่างกรณีนาฬิกายืมเพื่อน มีการล่วงละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์มากที่สุด ประชาชนขัดแย้งแตกแยกต้องออกมาปกป้องสถาบันฯ ด้วยตัวเอง รัฐบาลเพิกเฉยไม่สามารถจัดการอะไรได้
นายนิติธร กล่าวต่อไปว่า กรณี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ปัญหาอยู่ที่จริยธรรม นายกฯ ต้องสร้างระบบคุณธรรม เป็นตัวอย่างจริยธรรมที่ดี เรื่องจริงคือมีคำพิพากษาศาลออสเตรเลีย และศาลรัฐธรรมนูญเป็นระบบไต่สวนต้องค้นหาเอกสาร ไม่ใช่หน้าที่ผู้ร้องซึ่งมีข้อจำกัดในการเข้าถึงข้อมูล และปัญหาโควิด รัฐบาลไม่นำพาต่อการบริหารจัดการป้องกันเชื้อ มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง ทำให้เกิดการกระจายของเชื้อ บริหารผิดมาโดยตลอด เห็นเป็นประจักษ์ชัด รัฐธรรมนูญให้ปฏิรูปการศึกษา การบังคับใช้กฎหมาย เสริมสร้างระบบคุณธรรม ไม่เกิดขึ้นเลย รัฐบาลไม่สามารถนำพาประเทศพ้นวิกฤติได้ จึงเรียกร้องประชาชนทุกคนทุกฝ่ายมองความจริง สร้างรัฐบาลสร้างชาติตามมาตรา 272 (2)
ผู้สื่อข่าวถามถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มจะร่วมกับกลุ่มไทยไม่ทนหรือไม่ และยกระดับการเคลื่อนไหวอย่างไร นายพิชิต ไชยมงคล ระบุว่า คงไม่สามารถตอบได้ ต่างคนต่างดำเนินการ ไม่มีการพูดคุยกัน ข้อเรียกร้องนายกฯ ลาออกตรงกัน แต่เราเสนอรัฐบาลสร้างชาติ มีภารกิจชัดเจน แตกต่างกัน การเคลื่อนไหวยังประเมินสถานการณ์กันอยู่ ในวันที่ 22 พ.ค. นี้ อาจจัดเสวนาทางวิชาการ 7 ปี ความล้มเหลวของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ที่ ม.รังสิต ซึ่งนายสุริยะใส กตะศิลา รับเป็นเจ้าภาพ
เมื่อถามถึงกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส. ยังยืนยันสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ นายนิติธร ล้ำเหลือ กล่าวว่า เป็นเรื่องของนายสุเทพ ไม่ได้คุยกัน ตนไม่ค่อยคุยกับใคร ไม่สร้างเครือข่าย ทำหน้าที่เมื่อประเทศวิกฤติ รัฐบาลไม่นำพา นายสุเทพจะเชียร์ พล.อ.ประยุทธ์ ก็เชียร์ไป แต่ถ้าประเทศเสียหาย นายสุเทพจะรับผิดชอบร่วมกับ พล.อ.ประยุทธ์ หรือเปล่า รัฐบาลอยู่บนความแตกแยก อยู่บนวิกฤติโควิด และอยู่ด้วยการปล่อยให้ละเมิดสถาบันฯ ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ ไป สถาบันฯ จะสง่างามมากขึ้น
ถามถึงการเสนอนายกฯ ตามมาตรา 272 (2) คือนายกฯ คนนอก คิดว่าใครเหมาะสม นายนิติธร กล่าวว่า คนที่มีคุณสมบัติครบตามรัฐธรรมนูญ สอดคล้องมาตรฐานจริยธรรม เห็นแก่ประเทศชาติประชาชนมากกว่าพวกพ้อง มีวิสัยทัศน์มองความเป็นจริงให้ชัดเจน ใครก็ได้ ไม่เอ่ยชื่อชี้นำใคร ถ้าเกิดขึ้นจริงจะให้ประชาชนโหวต อยากให้ใครเป็นนายกฯ ให้ประชาชนเข้าถึงนายกฯ ได้อย่างแท้จริง
ทิ้งท้าย นายนิติธร ระบุด้วยว่า องค์กรอิสระต่างๆ โดยเฉพาะด้านการตรวจสอบที่ได้รับแต่งตั้งในรัฐบาล คสช. สิทธิพิเศษที่ได้รับจากอำนาจรัฐประหาร ต้องวางลงและควรลาออก มิเช่นนั้นไม่สามารถตรวจสอบได้อย่างเต็มที่ และบอร์ดรัฐวิสาหกิจที่ได้รับผลพวงจากรัฐประหารควรลาออก ปล่อยให้คนดีมีฝีมือเข้าไปตรวจสอบจึงจะเป็นไปได้จริง
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |