สสจ.บุรีรัมย์แจงคำสั่งบังคับฉีดวัคซีน เน้นใช้กลุ่มเสี่ยงแพร่เชื้อโควิดหวังสร้างภูมิคุ้มกันหมู่


เพิ่มเพื่อน    

 

 14พ.ค.64-นายแพทย์พิเชษฐ พืชขุนทด  นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์  ได้ออกมาชี้แจงกรณีที่ คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดบุรีรัมย์ ออกคำสั่งที่ 13/2564 ลงวันที่ 13 พ.ค.2564 เรื่อง การป้องกันการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) พ.ศ.2564 ซึ่งเนื้อหาสำคัญของประกาศฉบับนี้ คือ ประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่เข้าข่ายแพร่เชื้อหรือรับเชื้อต้องฉีดวัคซีนโควิด-19 ซึ่งหากฝ่าฝืนคำสั่งต้องระวังโทษทั้งจำ ทั้งปรับ โดยใจความสำคัญของคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อดังกล่าว คือ  

  1.เพื่อประโยชน์ในการป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ ให้ประชาชนทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ที่มีภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่หรือบุคคลที่มาปฏิบัติงานในจังหวัดบุรีรัมย์ และหรือพักอาศัยในจังหวัดบุรีรัมย์ ทำการประเมินตนเองตามแบบประเมินความเสียงโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 จังหวัดบุรีรัมย์ ที่กำหนดตามเอกสารแนบท้ายาคำสั่งนี้ ต่ออาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)ในชุมชน/หมู่บ้าน ที่ท่านพักอาศัยอยู่   โดยกระบวนการ อสม.เคาะประตูบ้าน หรือผ่านระบบออนไลน์ ในฐานข้อมูลกลางจังหวัดบุรีรัมย์ สำหรับบริการวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือผ่านศูนย์ประสานงานรับบริการวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ของโรงพยาบาล/โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลใกล้บ้าน เกี่ยวกับความเสียงการติดเชื้อฯ ตั้งแต่วันที่ 13 พ.ค.2564 ถึงวันที่ 31 พ.ค. 2564 เพื่อให้เจ้าหน้าที่สาธารสุขในพื้นที่จัดกลุ่มการให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อฯ

 2.ในกรณีที่เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ เจ้าหน้าที่สาธารสุขตรวจพบหรืออาจตรวจพบว่าบุคคลในหรือบุคคลดังกล่าวในข้อ 1 เป็นผู้ที่มีความเสี่ยง อาจมีความเสี่ยงที่จะติดโรคติดเชื้อฯ ให้เจ้าพนักงานนั้นมีอำนาจสั่งให้ผู้ที่มีความเสี่ยง อาจมีความเสี่ยงที่จะติดโรคนั้น ได้รับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคด้วยการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อฯ ตามวัน เวลา และสถานที่ซึ่งเจ้าพนักงานนั้นกำหนด เพื่อป้องกันมิให้โรคคิดต่ออันตรายหรือโรคระบาดแพร่หรืออาจแพร่ออกไป

 3.หากผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งตามข้อ 1 มีโทษตามนัยมาตรา 49 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558  ต้องระวางโทษจำคิกไม่เกินหนึ่งเดือนหรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท และผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งตามข้อ 2 มีโทษตามนัยมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท และอาจมีความผิดตามมาตร 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี ปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ ระบุว่า  คำสั่งดังกล่าวเป็นมติของคณะกรรมการโรคติดต่อ  เป้าหมายหลักก็เพื่อต้องการให้คนบุรีรัมย์ที่อายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ที่พำนัก อาศัย หรือทำงานอยู่ในพื้นที่บุรีรัมย์  ให้ลงทะเบียนแสดงความจำนงตามช่องทางที่จัดทำขึ้น ว่า ต้องการจะฉีดหรือไม่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19  ซึ่งหากไม่ทำการฉีดวัคซีนตามจำนวนที่กำหนดไว้ในเรื่องของภูมิคุ้มกันหมู่ก็จะไม่เกิดขึ้น และการควบคุมการระบาดก็จะไม่มีประสิทธิภาพ  ปัญหาการระบาดก็อาจจะเพิ่มสูงขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มที่ไม่ฉีดวัคซีน ดังนั้นคณะกรรมการโรคติดต่อจึงจำเป็นต้องใช้มาตรการที่เข้มข้นเพื่อระงับยับยั้งการระบาดให้เร็วที่สุด    

ส่วนที่เกิดกระแสดรามาว่าคนที่ไม่ฉีดวัคซีน แล้วจะมีความผิดตามคำสั่งดังกล่าวนั้น ก็ชี้แจงว่า เป็นการเน้นบังคับใช้กับบุคคลที่ผ่านการประเมินจากเจ้าหน้าที่แล้วว่าเป็นบุคคลที่มีความเสี่ยงจะไปแพร่เชื้อกับคนอื่น เช่น คนที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยแต่ไม่ยอมฉีดวัคซีนก็สามารถใช้คำสั่งดังกล่าวได้ แต่หากคนที่เจ้าหน้าที่ประเมินแล้วไม่ได้มีความเสี่ยง ผู้ที่มีโรคประจำตัว หรือมีเหตุผลจำเป็นที่ไม่ต้องการฉีดวัคซีนก็สามารถแจ้งความประสงค์ไม่รับการฉีดได้เช่นกัน         

ขณะที่ พ่อค้าขายปลา ในตลาดสดเทศบาลเมืองบุรีรัมย์  เห็นด้วยที่มีการออกคำสั่งบังคับให้ผู้ที่มีความเสี่ยงฉีดวัคซีน เพราะเชื่อว่าสามารถลดการแพร่กระจายเชื้อและเพื่อความปลอดภัยของคนส่วนรวม ส่วนตัวก็ไปฉีดวัคซีนเข็มแรกมาแล้ว ก็ไม่ได้มีผลข้างเคียงอะไรยังสามารถประกอบอาชีพและใช้ชีวิตตามปกติ


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"