“โกศล” เผยลงพื้นที่ภาคอีสาน 11จังหวัดพบทุจริตอื้อ ตั้งแต่ระดับพื้นๆจนถึงลึกลับซับซ้อน ตะลึง พบ"เงินตกเขียว "เรียกเปอร์เซ็นงบฯ ปีหน้า ทั้งที่ยังไม่ได้รับการจัดสรร บางสพท.เงินหายจากบัญชี 11ล้าน มีการเบิกงบซ้ำซ้อน ยกพระบรมราโชวาท ในหลวงร.9 ใครทุจริต ขอให้มีอันเป็นไป
พล.ท.โกศล ประทุมชาติ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ที่ปรึกษา รมว.ศธ.) กล่าวภายหลังการลงพื้นที่ตรวจราชการ 11 จังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ยโสธร ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ มหาสารคาม นครราชสีมาและชัยภูมิ ว่า จากที่ตนได้ลงพื้นที่ดังกล่าว เมื่อเร็วๆ นี้ พบว่าในพื้นที่มีปัญหาการทุจริตที่มีการร้องเรียนหลายเรื่อง ซึ่งมีทั้งเรื่องเก่าและเรื่องใหม่ เช่น การเรียกเงินทอนจากผู้อำนวยการโรงเรียน เป็นต้น อีกทั้งยังมีสิ่งที่ตนตกใจก็คือ ประเด็นเงินตกเขียว ซึ่งหมายถึงว่ามีการเรียกเงินเปอร์เซ็น ทั้งที่งบประมาณของปีหน้ายังไม่ได้รับการจัดสรรนั้นถือเป็นเรื่องที่น่ากลัว และตนไม่ขอลงรายละเอียดว่าเป็นโครงการไหนอย่างไรบ้าง นอกจากนี้ ตนยังพบบางเขตพื้นที่การศึกษามีเงินขาดบัญชีกว่า 11 ล้านบาท ซึ่งเท่าที่ทราบสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้เข้ามาตรวจสอบแล้ว รวมถึงยังพบบางเขตพื้นที่ก็ยังมีการเบิกงบประมาณที่ซ้ำซ้อนอีกด้วย
“ผมได้เน้นย้ำกับผู้บริหารการศึกษาทุกคนในเรื่องป้องกันและปราบปรามการทุจริต พร้อมทั้งยกพระบรมราโชวาทของในหลวงรัชกาลที่ 9 ว่า ใครทุจริตแม้นิดเดียวขอให้มีอันเป็นไปพูดแบบนี้หยาบคายแต่ก็ขอให้มีอันเป็นไปถ้าหากใครสุจริตขอให้มีอายุร้อยปี ถ้าใครอายุมากแล้วขอให้สุขภาพพลานามัยสมบูรณ์ทำประโยชน์ให้ประเทศชาติได้ "
ที่ปรึกษารมว.ศธ.กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ตนจะสรุปข้อมูลการลงพื้นที่ภาคอีสานทั้งหมดรายงานให้ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศธ. รับทราบ แต่หากกรณีไหนใหญ่ๆเร่งด่วนก็จะรายงานทางวาจาก่อน ซึ่งทุกประเด็นที่ส่อไปในทางทุจริตจะมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง แต่หากประเด็นไหนที่เป็นทุจริตเชิงลึกซับซ้อนก็อาจจะมีการตั้งคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงที่เป็นบุคคลจากภายนอกมีความเชี่ยวชาญเฉพาะเข้ามาร่วมเสริมทีมสืบด้วย เพื่อความรวดเร็วในการสืบสวน