ฉะกุข่าวซุกอาวุธรวบหลวงปู่


เพิ่มเพื่อน    

   ลูกศิษย์นัดรวมตัวเยี่ยม "พุทธะอิสระ"  วันสุดท้าย 30 พ.ค.นี้ "ผบ.เรือนจำ" แจงอาการป่วยไม่น่าห่วง จัดรถเข็น-เพื่อนผู้ต้องขังช่วยพยุง "ทนาย" ข้องใจแจ้งข้อหาอั้งยี่ซ่องโจรซ้ำซ้อน "สมชัย" ชี้คนทำเพื่อบ้านเมืองกำลังถูก กม.กำจัดทีละคน เชื่อหลวงปู่ไม่ใช่รายสุดท้าย "ศรีสุวรรณ" จวก ตร.ปั้นข่าววัดอ้อน้อยซุกอาวุธซ่อนการ์ด กปปส. "หมวดเจี๊ยบ" ข้องใจ "บิ๊กตู่" ขอโทษผู้ต้องหา
    ที่วันอ้อน้อย (ธรรมอิสระ) อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม วันที่ 29 พ.ค. เนื่องในวันวิสาขบูชา ตั้งแต่ช่วงเช้าคณะศิษยานุศิษย์และผู้ศรัทธาอดีตหลวงปู่พุทธะอิสระ หรือนายสุวิทย์ ทองประเสริฐ ผู้ต้องหาคดีอั้งยี่ซ่องโจร ปลอมและใช้พระปรมาภิไธยโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งถูกคุมขังอยู่ภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ต่างยังคงเดินทางมาร่วมทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งจำนวนมาก โดยพระสงฆ์เดินออกจากพระอุโบสถเพื่อรับบิณฑบาต จากนั้นมีการแสดงธรรมเทศนาจากเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย ให้ศิษยานุศิษย์และสาธุชนทั่วไปฟัง
    ทั้งนี้ ลูกศิษย์บางส่วนยังนำข้อความจากอดีตหลวงปู่พุทธะอิสระไปเผยแพร่ให้ลูกศิษย์ที่เดินทางไปทำบุญรับทราบ โดยมีเนื้อหาระบุ "อดีตหลวงปู่พุทธะอิสระด้านสุขภาพมีกำลังใจดี แต่ทางกายภาพปวดหลังมาก ต้องใช้ Walker พยุงเดิน มีคนแนะนำให้ไปโรงพยาบาล แต่อดีตหลวงปู่พุทธะอิสระไม่ไป เพราะเกรงจะถูกนินทาว่าจะเป็นการใช้อภิสิทธิ์ชน พร้อมยืนยันอดีตหลวงปู่พุทธะอิสระไม่ได้ลาสิกขา ถือว่าช่วงนี้ไปธุดงค์ขำๆ เท่านั้น"
    นอกจากนี้ อีกส่วนเป็นข้อความของอดีตหลวงปู่พุทธะอิสระ ที่ฝากถึงลูกศิษย์ไม่ให้ตำหนิการทำงานของเจ้าหน้าที่ เพราะการปราบมารศาสนา จะช่วยผลักดันให้ คสช. ปฏิรูปวงการสงฆ์สำเร็จได้ในไม่ช้า โดยลูกศิษย์ส่วนใหญ่ต่างมีความหวังและรอคอยการกลับมาของอดีตหลวงปู่พุทธะอิสระ
    นายกฤช กระแสร์ทิพย์ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงอาการป่วยของอดีตพระพุทธะอิสระว่า ภายหลังการส่งตัวอดีตพระพุทธะอิสระเข้าตรวจร่างกายและเอกซเรย์อย่างละเอียด แพทย์ได้ใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์ทำกายภาพบำบัดให้กับอดีตพระพุทธะอิสระ เพื่อรักษาอาการหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท จากนั้นได้ให้ยาและส่งตัวกลับเข้าไปคุมขังในแดน 4   
    "อาการป่วยของอดีตพระพุทธะอิสระยังไม่ถึงขั้นต้องย้ายตัวมายังแดนพยาบาลของเรือนจำ หรือส่งออกไปพักรักษาในโรงพยาบาลราชทัณฑ์ แต่อาการปวดหลังจะส่งผลกระทบถึงกิจวัตรประจำวันของผู้ต้องขัง เนื่องจากไม่สามารถลงน้ำหนักที่ขาได้ ทำให้ต้องนั่งรถเข็นหรือให้เพื่อนผู้ต้องขังช่วยพยุง" นายกฤชกล่าว
    ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ กล่าวว่า ในวันที่ 29 พ.ค. เนื่องในวันวิสาขบูชา เรือนจำปิดเยี่ยมญาติและงดทำกิจกรรมทุกอย่างในเรือนจำ โดยนักโทษจะปฏิบัติกิจวัตรประจำวันตามปกติ เนื่องจากในวันหยุดราชการเรือนจำมีกำลังเจ้าหน้าที่ค่อนข้างจำกัด  จึงได้จัดกิจกรรมให้ข้าราชการและผู้ต้องขังได้ทำบุญตักบาตร ฟังธรรม เจริญจิตตภาวนา และปฏิบัติธรรมล่วงหน้าก่อนวันวิสาขบูชา 1 วัน
     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 30 พ.ค.นี้ กลุ่มลูกศิษย์วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม ได้นัดรวมตัวเพื่อเข้าเยี่ยมอดีตพระพุทธะอิสระที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ตั้งแต่เวลา 07.30 น. เนื่องจากอดีตพระพุทธะอิสระต้องการให้เยี่ยมญาติเป็นวันสุดท้าย รวมทั้งจะมีนักการเมืองในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งเคยร่วมเป็นแกนนำย่อย กปปส.เดินทางมาเข้าเยี่ยมด้วย
    ด้านนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความอดีตพระพุทธะอิสระ กล่าวว่า ทีมทนายได้ตั้งข้อสงสัยในข้อหาอั้งยี่ ซ่องโจร ที่ทางเจ้าหน้าที่ได้ฟ้องร้องต่ออดีตพระพุทธะอิสระจะเป็นการฟ้องซ้ำซ้อนหรือไม่ อย่างไร เพราะเนื่องจากในปี 2557 อดีตพระพุทธะอิสระได้ถูกฟ้องร้องในข้อหานี้มาแล้ว ทำให้ทางทนายต้องตั้งข้อสังเกตในข้อหานี้
    "ข้อหาปลอมแปลงพระปรมาภิไธยนั้น ตั้งแต่มีผู้กล่าวหาและร้องทุกข์ว่าอดีตพระพุทธะอิสระได้ปลอมแปลงพระปรมาภิไธยในปี 2560 ตั้งแต่นั้นอดีตพระพุทธะอิสระมอบหมายให้ทนาย เตรียมเอกสารหลักฐาน รวมถึงภาพถ่ายไว้แล้ว" ทนายความอดีตพระพุทธะอิสระกล่าว
เชื่อไม่ใช่รายสุดท้าย
    วันเดียวกัน นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว "สมชัย ศรีสุทธิยากร" เรื่อง "การรักษากฎหมายที่เดินหน้าสู่ความขัดแย้ง" ระบุว่า ภาพการเข้าจับกุมพุทธะอิสระในตอนเช้าตรู่ของวันที่ 24 พฤษภาคม 2561 ตามมาด้วยการวิพากษ์วิจารณ์ทั้งในฝ่ายที่เห็นสมควรและไม่เห็นสมควร จนเกิดกระแสตีกลับ ขนาดนายกรัฐมนตรีต้องออกมาเอ่ยปากขอโทษผ่านสื่อ ผมคงไม่อยู่ในฐานะที่จะบอกว่าใครถูกผิด เพียงแต่กำลังคิดต่อไปว่าเรื่องราวทำนองนี้ยังจะมีอีกหรือไม่ และใครจะเป็นรายต่อๆ ไป
    นายสมชัยระบุว่า ในช่วงสิบปีของความขัดแย้งทางการเมืองไทยอย่างรุนแรงที่ทั้งสองฝ่ายมุ่งเอาชนะในทางการเมืองทุกรูปแบบวิธีการ หากเอากฎหมายเป็นตัวตั้ง ไม่มีใครที่เกี่ยวข้องแล้วไม่ทำผิดกฎหมาย ภาพของการบุกสถานที่ประชุมผู้นำอาเซียนที่ รร.รอยัลคลิฟฯ พัทยา ของกลุ่มเสื้อแดงเป็นความผิด ภาพการรุมล้อมของคนเสื้อแดงทุบรถของนายอภิสิทธิ์ที่กระทรวงมหาดไทยก็เป็นความผิด ภาพการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่บานปลายเป็นการเผาบ้านเผาเมืองในหลายที่ก็เป็นความผิด ภาพการยึดทำเนียบฯ ปิดถนน ของเสื้อเหลืองและ กปปส.ก็เป็นความผิด ภาพการยึดสนามบินสุวรรณภูมิของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็เป็นความผิด ภาพการขัดขวางการเลือกตั้งของกลุ่ม กปปส. จนทำให้การเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ ปี 57 เป็นโมฆะ ก็เป็นความผิด
    "การดำเนินการตามกฎหมาย เป็นสิ่งที่คืบคลานเดินหน้าต่อแบบเงียบๆ ตามสไตล์ของการทำงานแบบราชการ เนิ่นนาน ล่าช้า แต่ไม่หยุด คดีความต่างๆ ทุกคดีอาจใช้เวลารวบรวมพยานหลักฐานเป็นปี ผ่านการพิจารณาจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทีละขั้นทีละตอน โดยเน้นความถูกต้องตามกฎหมายที่มีอยู่ในบ้านเมือง ไม่เร็วแต่ก็ไม่ช่วย อาจช้า แต่ค่อยๆ ขยับจนยากสังเกตเห็น แต่ก็คืบหน้าเหมือนบ่วงที่ค่อยๆ รัดให้แน่นโดยไม่ทันรู้สึกตัว การตัดสินใจในการดำเนินคดีในแต่ละกรณี สิ่งที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทำได้ คือ สรุปตามสิ่งที่อยู่ในกฎหมายไปก่อน และรอผู้ที่มีอำนาจขั้นสูงกว่ามาใช้ความกล้าหาญในการสั่งการในทางที่แตกต่าง" นายสมชัยกล่าว
    อดีต กกต.ผู้นี้ระบุว่า ในทุกขั้นที่ถูกเสนอขึ้นมาการตัดสินใจแบบราชการคือ เห็นชอบและดำเนินการต่อโดยใช้ฐานความคิดทางนิติศาสตร์เป็นหลักเพื่อป้องกันตน มากกว่าจะคำนึงถึงความเหมาะสมหรือประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นต่อบ้านเมือง คดีความทางอาญาและแพ่งจำนวนหลายร้อยคดีที่เกิดขึ้นในช่วงชุมนุมของทั้งสองฝ่าย จึงรอคอยเพียงเมื่อไรจะถึงคิวเชือด  คนเสื้อแดงโดนจำคุกไปแล้วมากมายจากกรณีเผาเมืองและใช้ความรุนแรง พันธมิตรฯ หลายคนถูกฟ้องล้มละลาย ถูกอายัดบัญชีทรัพย์สินจากกรณีปิดสนามบิน ลุงกำนันและ กปปส.จะตามมาในเร็วๆ นี้ ทั้งความทางอาญาและทางแพ่ง วาทกรรมที่พูดก็มีเพียงว่า กรรมใดใครก่อก็ย่อมมีผลกรรมตามมา หรือเลวร้ายกว่านั้นคือ การทับถมจากฝ่ายที่เห็นต่างว่าสมควรแล้ว ใครหนีได้ก็หนี ใครไม่หนีก็ก้มหน้าก้มตารับโทษในคุกด้วยวาทกรรมที่ให้กำลังใจว่า เป็นผู้กล้ายอมรับในโทษทัณฑ์ ไม่หลบหนีเหมือนใครบางคน
    นายสมชัยกล่าวว่า ไม่ปฏิเสธว่าผู้ก่อให้เกิดความเสียหายดังกล่าวนั้นกระทำผิดทั้งทางอาญาและแพ่ง หลายเรื่องหลายกรณีคือความวินาศของบ้านเมืองในแต่ละยุคด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่แต่ละฝ่ายทำล้วนตั้งอยู่บนพื้นฐานความเชื่อทางการเมืองและความปรารถนาในการเปลี่ยนแปลงสังคมการเมืองในช่วงนั้นให้ดีขึ้นในสายตาของพวกเขา แม้ว่าจะถูกมองจากอีกฝ่ายว่าเป็นการงมงายหลงในอุดมการณ์อย่างไม่ลืมหูลืมตา ยอมให้ถูกชักจูงกระทำสิ่งที่ผิดกฎหมายก็ตาม วันนี้ผู้ปกครองบ้านเมืองที่มาจากการยึดอำนาจ ลอยตัวจากสถานการณ์ เนื่องจากตนเองพ้นผิดจากกฎหมายที่ฝ่ายตนร่างให้การกระทำใดๆ ในการรัฐประหารหรือหลังจากนั้นไม่เป็นความผิด แต่กลับนิ่งเฉยในการดูผลการบังคับใช้กฎหมายที่เกิดขึ้นกับกลุ่มคนที่ขัดแย้งกันภายใต้คำพูดว่าทุกอย่างให้เป็นไปตามกฎหมาย
    "ผมกำลังบอกว่า กฎหมายต่างๆ ที่เดินหน้าบังคับใช้ กำลังเข่นฆ่าคนจำนวนมากที่ปรารถนาดีและเสียสละต่อบ้านเมือง คนที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกับการชุมนุม คนที่กล้าลุกขึ้นสู้กับอำนาจรัฐในยุคนั้น คนที่ทำเพื่อบ้านเพื่อเมืองทั้งหลายกำลังถูกกฎหมายคืบคลานกำจัดไปทีละคนสองคน หรือนี่คือเกมที่วางไว้ว่า เมื่อถึงเวลาที่ผู้ปกครองในอนาคตขึ้นครองอำนาจและกล้าทำสิ่งที่ไม่ชอบธรรม วันนั้นจะได้ไม่มีใครเลยสักคนที่เหลือจะมาต่อสู้คัดคานเขาอีกแล้ว หากเป็นเช่นนี้จริง บอกได้เลยครับ กรณีพุทธะอิสระยังไม่ใช่กรณีสุดท้ายอย่างแน่นอน" นายสมชัยระบุ
พท.ข้องใจ'บิ๊กตู่'ขอโทษ
    ขณะที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ รอง ผบ.ตร.และโฆษก ตร. ตอบคำถามให้ชัดว่าวัดอ้อน้อยมีการ์ด กปปส.อาศัยอยู่ และมีอาวุธร้ายแรงจำนวนมากหรือไม่
    นายศรีสุวรรณกล่าวว่า ตามที่ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร.และโฆษก ตร. แถลงระบุจากการสำรวจของเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพบพื้นที่บริเวณวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม ซึ่งเป็นสถานที่จำวัดของพระพุทธะอิสระนั้น มีการ์ดของ กปปส.อาศัยอยู่ และพบว่ามีอาวุธร้ายแรงจำนวนมาก ทางเจ้าหน้าที่จึงวางแผนใช้เจ้าหน้าที่ชุดที่มีอาวุธติดตัว นำกำลังเข้าจับกุม โดยอ้างว่าเพื่อป้องกันตัวนั้น
    "จากคลิปวิดีโอที่เผยแพร่ในวันปฏิบัติการของตำรวจ นำกำลังคอมมานโดพร้อมอาวุธสงครามครบมือเข้าจับกุมพระพุทธะอิสระ และต่อมาเมื่อวันที่ 25 พ.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปคบ. และหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่น้ำภาชีและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจค้นภายในวัดดังกล่าวอีกครั้ง พบแต่สัตว์ป่านานาชนิดที่ไม่ผิดกฎหมาย โดยที่ไม่พบอาวุธร้ายแรงจำนวนมากตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด ดังนั้นการออกมาแถลงข่าวดังกล่าว จึงน่าจะมีเจตนาที่จะสร้างข่าวปั้นข้อมูลอันเป็นเท็จต่อสาธารณชน เพื่อให้สังคมหวาดกลัวและเกลียดชังต่อพระพุทธะอิสระหรือวัดอ้อน้อย" นายศรีสุวรรณกล่าว 
    แถลงการณ์ระบุว่า ขอให้ พล.ต.อ.วิระชัยตอบสังคมให้ได้ว่าข้อมูลที่แถลงออกมานั้น ตกลงสถานที่จำวัดของพระพุทธะอิสระนั้นมีการ์ดของ กปปส. อาศัยอยู่ และพบว่ามีอาวุธร้ายแรงจำนวนมากจริงหรือไม่ อย่างไร และถ้ามีจริง ทำไมในวันปฏิบัติการจับกุมพระพุทธะอิสระจึงไม่จับกุมการ์ด กปปส.และตรวจยึดอาวุธร้ายแรงมาด้วย หรือมีเจตนาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ไม่เช่นนั้นท่านและตำรวจที่เข้าจับกุมอาจเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และมาตรา 172 อันทำให้ผู้ที่เคยเป็นการ์ด กปปส.และวัดอ้อน้อยเสียหายได้ด้วย
    ขณะที่ ร.ท.หญิงสุณิสา ทิวากรดำรง อดีตรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ขอโทษอดีตพุทธะอิสระที่ตำรวจใช้กำลังเข้าจับกุมว่า สงสัยอดีตพระพุทธอิสระจะกำความลับของ พล.อ.ประยุทธ์ ไว้เยอะใช่หรือไม่ และคงรู้เบื้องหลังการยึดอำนาจอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์เป็นอย่างดี เลยทำให้ พล.อ. ประยุทธ์ต้องกางปีกปกป้องอดีตพระพุทธะอิสระโดยไม่แคร์สายตาใคร ทั้งๆ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ย่อมรู้อยู่เต็มอกว่า เพราะอะไรอดีตพระพุทธะอิสระจึงถูกดำเนินคดีในครั้งนี้ แต่ พล.อ.ประยุทธ์ก็ยังกล้าพูดจาเย้ยฟ้าท้าดินส่งสัญญาณเข้าไปในคุกให้อดีตพระพุทธะอิสระได้รับรู้ว่าตำรวจในชุดจับกุมครั้งนี้ได้ถูกลงโทษทางวินัยแล้ว 
    "สงสัยว่าอดีตพระพุทธะอิสระและมวลชนยังมีความจำเป็นต่อแผนการสืบทอดอำนาจในอนาคตใช่ไหม แล้วนี่จะเป็นการกดดันการทำงานของเจ้าหน้าที่ ในเมื่อตำรวจทุกคนรับรู้กันทั่วแล้วว่า งานนี้ พล.อ.ประยุทธ์กำลังถือหางอดีตพระพุทธะอิสระ แล้วตำรวจจะกล้าดำเนินคดีอย่างจริงจังหรือ" ร.ท.หญิงสุณิสากล่าว. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"