"ชวน" นัดประชุม 4 ฝ่ายเตรียมพร้อมประชุมร่วมรัฐสภาสิ้นเดือนนี้ จ่อเคาะมาตรการเข้มป้องกันโควิดภายในรัฐสภา "จตุพร" ตีปี๊บเวทีไทยไม่ทนเสาร์-อาทิตย์นี้คึกคัก บิ๊กเนมเพียบ โฆษกเพื่อไทยยกบทเรียน 11 ปีสลายม็อบ นปช.ความเท่าเทียมยังไม่เกิด ต้องทำบ้านเมืองให้น่าอยู่ก่อนกงล้อประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย "ขัตติยา” รำลึก "เสธ.แดง" ถูกยิง พ้อไม่เคยได้รับความยุติธรรม
เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยถึงการเตรียมความพร้อมการประชุมสภาผู้แทนราษฎร และการประชุมร่วมรัฐสภา หลังมีพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมสภาสมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1 ปี 2564 ว่าในวันที่ 14 พ.ค. นายชวน หลีกภัย ในฐานะประธานรัฐสภา พร้อมด้วยรองประธานสภาฯ ได้เชิญผู้แทนคณะรัฐมนตรี, ผู้แทนวิปรัฐบาล, วิปฝ่ายค้าน และผู้แทนวุฒิสภา มาหารือถึงการเตรียมความพร้อมการประชุมสภาฯ ที่จะมีขึ้นในปลายเดือนนี้ เนื่องจากมีกฎหมายที่สำคัญที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ส่งให้สภาพิจารณา ได้แก่ พระราชกำหนด (2 ฉบับ) คือ พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และ พ.ร.ก.ให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบการธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่สภาจะต้องรีบพิจารณาโดยเร็ว และร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 ที่ ครม.จะเสนอมายังสภาในวันที่ 17 พ.ค.นี้ ซึ่งสภาจะต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 105 วัน หรือภายในวันที่ 29 ส.ค.นี้ ก่อนเสนอต่อไปยังวุฒิสภาเพื่อพิจารณาให้ความเห็นภายใน 20 วัน หรือไม่เกิน 18 ก.ย.นี้
นพ.สุกิจกล่าวว่า นายชวนจะสอบถามความเห็นและรับฟังข้อเสนอจากที่ประชุมถึงมาตรการป้องกัน COVID-19 ที่จะต้องเข้มข้น และแจ้งไปยังแต่ละพรรคการเมืองให้ ส.ส.ของพรรคเตรียมพร้อมการทำหน้าที่
มีรายงานว่า ในการประชุมสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ได้มีการพิจารณามาตรการทางสาธารณสุขภายในรัฐสภาที่รุนแรงรัดกุมมากกว่าทุกครั้ง เข้มข้นมากกว่าเดิม เช่น ส.ส.และบุคลากรจะต้องได้รับการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกัน COVID-19 ซึ่งหากใครยังไม่ได้รับวัคซีนก็จะต้องผ่านการตรวจหาเชื้อด้วยการสวอบ เพราะหากเกิดการระบาดภายในรัฐสภา หรือภายในห้องประชุมสภาฯ จะเกิดผลเสียหายต่อประเทศ รวมทั้งจะให้ที่ประชุม 4 ฝ่ายได้พิจารณาจะให้ ส.ส.ที่มีอายุมากกว่า 60 ปีเข้าร่วมการประชุมหรือไม่อย่างไร หรือจะมีวิธีการอื่นๆ เพื่อให้การประชุมสามารถเดินหน้าต่อไปได้ และการจำกัดพื้นที่ผู้ติดตาม ส.ส. เป็นต้น
นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า เนื้อหาของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่พรรคร่วม 3 พรรค คือ พรรคประชาธิปัตย์, พรรคภูมิใจไทยและพรรคชาติไทยพัฒนา เตรียมยื่นญัตติเสนอขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 นั้นมีบางประเด็นที่ยังเห็นไม่ตรงกันขณะนี้ควรพักเรื่องการแก้ไข รธน.ไว้จนกว่ารัฐสภาจะเปิดสมัยประชุม เพราะมีประเด็นวิกฤติของประเทศคือการระบาดของไวรัสโควิด สำหรับเนื้อหาการแก้ไขนั้นตนยังสนับสนุนให้แก้ไขเป็นรายมาตรามากกว่าการตั้ง ส.ส.ร. เพราะมีเงื่อนไขด้านเวลา เชื่อเมื่อสภาเปิดแล้ว และพรรคร่วมได้พิจารณาเนื้อหาอีกครั้ง จะทันต่อการยื่นญัตติขอแก้ไข แม้ขณะนี้จะมีญัตติที่เสนอไว้แล้ว 1 ญัตติ แต่เชื่อว่ารัฐสภาจะรอการพิจารณา เพราะหากเนื้อหามีเพียงฉบับเดียวปัญหาอาจเกิดขึ้นได้ ส่วนขณะนี้ทุกฝ่ายควรพักและวางอาวุธทางการเมืองเพื่อร่วมระดมการพูดคุยช่วยประเทศให้พ้นวิกฤติโรคระบาดก่อน
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. กล่าวว่า เวทีไทยไม่ทนฯ วันที่ 15-16 พ.ค. จะมีความคึกคักยิ่งขึ้น วันเสาร์จะมีภาคเกษตรกร มีอดีตเลขาฯ กองทุนฟื้นฟูเกษตรกร คือ นายนคร ศรีพิพัฒน์ มาร่วม มีนักการเมืองรุ่นใหม่, น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย, น.ส.วรรณวรี ตะล่อมสิน ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล มาร่วม มีนายไพศาล พืชมงคล อดีตที่ปรึกษา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ, นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.การคลัง, นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน, คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ จะมาร่วมอภิปรายในหัวข้อ ภาวะผู้นำกับการฝ่าวิกฤติประเทศไทย ส่วนวันอาทิตย์ 16 พ.ค. มี น.ส.เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และมีการอภิปรายเรื่องทางออกวิกฤติประเทศไทย โดยอดีตประธานสภาฯ 3 คน นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา, ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์, ดร.โภคิน พลกุล มี ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล ดำเนินการอภิปราย
น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันนี้ครบรอบ 11 ปี เหตุสลายการชุมนุม นปช.ขอร่วมรำลึกและสดุดีวีรชนที่เสียชีวิตและยังมีชีวิตอยู่ทุกท่านมา ณ ที่นี้ แม้ผ่านมา 11 ปี ผู้ก่ออาชญากรรมที่เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดโศกนาฏกรรมกลางกรุงยังลอยนวลพ้นผิด ชนชั้นนำยังคงใช้ชีวิตตามปกติ แต่ผ่านมา 11 ปี การเรียกร้องประชาธิปไตยยังคงดำเนินต่อไป ความยุติธรรม ความเสมอภาค และความเท่าเทียมยังไม่เกิดขึ้นจริงในสังคมไทย จึงอยากเรียกร้องให้ผู้มีอำนาจมองให้เห็นถึงรากเหง้าของปัญหาความขัดแย้งแล้วเร่งแก้ไข
เริ่มต้นด้วยการสะสางความจริงการสลายการชุมนุม กฎหมายต้องเป็นใหญ่กว่าคนที่บังคับใช้กฎหมาย เคารพและรับฟังความคิดเห็นที่หลากหลาย และหาทางออกร่วมกัน สร้างประเทศให้น่าอยู่สำหรับคนทุกรุ่น หากผู้มีอำนาจไม่เริ่มทำสิ่งเหล่านี้ กงล้อประวัติศาสตร์แห่งความสูญเสียจะหมุนกลับมาวนซ้ำ นักเรียน นักศึกษา ประชาชนจะยังออกมาชุมนุม และในที่สุดจะเกิดความสูญเสียที่ไม่มีวันจบสิ้น
น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย บุตรสาวของเสธ.แดง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ซึ่งถูกลอบยิงในช่วงค่ำวันที่ 13 พ.ค.2553 โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวถึงคลิปสารคดี ‘คืนความจริง’ ในวาระครบรอบ 11 ปี การต่อสู้ของพี่น้องคนเสื้อแดงในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย จัดทำโดยพรรคเพื่อไทย โดยหนึ่งในซีรีส์คือเรื่องราวของเธอ บอกเล่าเรื่องราววัยเด็กและการต่อสู้ของเสธ.แดง ในมุมลูกสาว และเล่าถึงช่วงวันที่ 10 เม.ย.2553 และช่วงวันที่ 13-19 พ.ค.2553
น.ส.ขัตติยากล่าวว่า สารคดีเรื่องนี้ทำหน้าที่อธิบายการต่อสู้ของพี่น้องคนเสื้อแดง และเป็นหนึ่งในบันทึกประวัติศาสตร์ของวีรชนที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยด้วยปรากฏการณ์ที่คนรุ่นใหม่ลุกขึ้นมาสนใจประวัติศาสตร์การต่อสู้ของพี่น้องเสื้อแดง และการขอโทษถึงกลุ่มคนเสื้อแดงที่ในสาธารณะของแกนนำนักศึกษา คือเป็นสิ่งที่รู้สึกขอบคุณและเป็นการมอบคืนความยุติธรรมให้มากกว่าที่ได้รับจากกระบวนการยุติธรรมในชั้นศาล การที่คุณพ่อเป็นที่จดจำและถูกเรียกว่าทหารของประชาชน มันมีคุณค่าสำหรับเดียร์มากกว่าความยุติธรรมที่เดียร์ไม่เคยได้รับจากการกระบวนการยุติธรรมเสียอีก.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |