(ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร)
ดีต่อใจและสุขภาพต้องยกให้ “น้ำมันมะพร้าว” ที่ใช้กันมานานจากรุ่นสู่รุ่น หรือตั้งแต่หนุ่มยันแก่ก็ว่าได้ และยิ่งผู้สูงอายุที่มีธาตุเจ้าเรือนเป็น “วาตะ” ที่ส่งผลให้ร่างกายเกิดความแห้ง และทำให้ผิวหนังลอกเป็นขุย นอนไม่หลับ ตลอดจนมีอาการท้องผูก น้ำมันจากธรรมชาติดังกล่าวจึงถือเป็นของดีที่หลายครอบครัวต้องมีติดบ้านไว้ ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร หัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรม รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร ให้ข้อมูลเกี่ยวกับน้ำมะพร้าวที่ใช้ทาถูทั้งภายนอก และการบริโภคสู่ภายในร่างกายผ่านรูปแบบของอาหารกะทิไว้น่าสนใจ
(“น้ำมันมะพร้าว” ของดีราคาย่อมเยา ที่ช่วยป้องกันผิวผู้สูงอายุแห้งลอกและเป็นแผลติดเชื้อ)
คุณหมอต้อม-ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ให้ข้อมูลว่า “แม้น้ำมันมะพร้าวจะมีประโยชน์หลายด้าน แต่ก็ยังมีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับการระบุว่าดีต่อหัวใจและระบบหลอดเลือด ซึ่งปัจจุบันก็ยังไม่ได้มีข้อมูลที่ออกมารับรองร้อยเปอร์เซ็นต์ ประกอบกับในน้ำมะพร้าวจะมีไขมันอิ่มตัว ที่บางงานวิจัยบอกว่าเป็นไขมันตัวร้ายที่เพิ่มไขมันให้กับหลอดเลือด แต่ระยะหลังมีข้อมูลใหม่ที่ออกมาระบุว่า ถ้ารับประทาน “น้ำมันมะพร้าวที่อยู่ในรูปแบบของกะทิ” และกินแต่พอดี จะช่วยดูดซับวิตามินที่ละลายได้ดีในน้ำมัน เช่น วิตามินเอ และวิตามินอี ยกตัวอย่างง่ายๆ ว่า สารเบตาแคโรทีนที่อยู่ในผักใบเขียว จะดูดซึมวิตามินเอเข้าสู่ร่างกายได้ดีก็ต้องอาศัยน้ำมันจากกะทิ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงปรุง “เมนูผักต้มราดกะทิ” จิ้มน้ำพริก รับประทานกันในครัวเรือน
(การบริโภคน้ำมันมะพร้าวที่อยู่ในรูปแบบของกะทิ เช่น เมนู “ผักต้มราดกะทิ” จะช่วยย่อยและดูดซึมวิตามินเอที่มีอยู่ในผักใบเขียวไปสู่ร่างกายผู้สูงอายุได้)
นอกจากนี้ อาหารที่มีกะทิเป็นส่วนประกอบอย่าง “ต้มข่าไก่” ที่มีรสชาติไม่เผ็ดมาก และมีเครื่องแกงอย่างหอมแดงและกระเทียม ไม่เพียงลดการกำเริบของธาตุวาตะ หรือความแห้งในร่างกายแล้ว อาหารที่มีส่วนผสมของน้ำมันจากธรรมชาติดังกล่าวยังช่วยทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีอีกด้วย รวมถึง “เมนูขนมจีนซาวน้ำ” ที่ราดกะทิสดเล็กน้อย ตรงนี้ผู้สูงอายุจะได้ทั้งการบริโภคอาหารที่สร้างความอบอุ่นให้ร่างกาย ลดความแห้ง ขณะเดียวกันก็ช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิวอีกด้วย
สุดท้ายมาถึงประโยชน์ของการใช้ “น้ำมันมะพร้าว” ในรูปแบบของการทาถูภายนอก ก็มีความสำคัญกับผู้สูงอายุเช่นกัน เนื่องจากร่างกายของคนวัยนี้จะมีความแห้งนั่นจึงส่งผลให้ผิวแห้ง และเมื่อผิวแห้งมากๆ ก็จะทำให้เกิดอาการแพ้ระคายเคืองได้ง่าย และภาวะผิวแห้งลอกจะทำให้เป็นทางเดินเชื้อโรคที่ดี และอาจทำเกิดการติดเชื้อที่กระแสเลือดได้หากมีแผลที่ผิวหนัง ดังนั้นการบำรุงผิวด้วยน้ำมันจากธรรมชาติก็เป็นเรื่องที่ควรตระหนัก และเป็นทางเลือกในการดูแลสุขภาพที่ดี เพราะเป็นตัวช่วยบำรุงผิวที่ไม่เหนอะหนะ สร้างความชุ่มชื่นได้แบบบางเบา เพราะมาจากธรรมชาติ และยังมีราคาถูก ที่สำคัญหากจะใช้น้ำมันงาทาผิวก็จะทำให้เกิดความรู้สึกเหนียวตัวค่ะ”.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |