WHOระบุโควิดสายพันธุ์อินเดียน่าวิตกระดับโลก แพทย์เตือนอึวัวไม่ช่วย


เพิ่มเพื่อน    

อินเดียมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เฉลี่ยในรอบ 7 วันที่ผ่านมาเป็นสถิติสูงสุด ที่มากกว่า 390,000 ราย องค์การอนามัยโลกจัดให้ไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์อินเดียเป็นสายพันธุ์ที่น่าวิตกกังวลระดับโลก ขณะแพทย์ในอินเดียเตือนการทาตัวด้วยมูลวัวหรือฉี่วัวไม่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันไวรัส

    ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขอินเดียเมื่อวันอังคารที่ 11 พฤษภาคม 2564 อินเดียมีผู้ติดไวรัสโคโรนารายใหม่ในรอบ 24 ชั่วโมง 329,942 คน เสียชีวิตเพิ่มอีก 3,876 คน จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสสะสมของอินเดียอยู่ที่ 22.99 ล้านคน เสียชีวิต 249,992 คน

    รายงานรอยเตอร์กล่าวว่า อินเดียมีอัตราเฉลี่ยผู้ป่วยโควิด-19 เสียชีวิตต่อวันสูงที่สุดในโลกขณะนี้ โดยคิดเป็น 1 รายจากทุก 3 รายที่เสียชีวิตทั่วโลกในแต่ละวัน ขณะเดียวกัน จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เฉลี่ยในรอบ 7 วันที่ผ่านมา ก็สร้างสถิติใหม่ของโลกเช่นกันที่ 390,995 ราย

    เมื่อวันจันทร์ องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า ไวรัสโคโรนากลายพันธุ์สายพันธุ์ที่พบครั้งแรกในอินเดียเมื่อเดือนตุลาคมที่แล้ว ได้รับการจัดว่าเป็น "สายพันธุ์ที่น่าวิตกกังวลระดับโลก" ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับสายพันธุ์อังกฤษ, บราซิล และแอฟริกาใต้ โดยผลการศึกษาเบื้องต้นบางชิ้นแสดงให้เห็นว่าสายพันธุ์ B.1.617 นี้แพร่กระจายได้รวดเร็วขึ้น

    "มีข้อมูลบางอย่างที่บ่งชี้ว่าสายพันธุ์ B.1.617 มีความสามารถในการแพร่เชื้อมากขึ้น" มาเรีย ฟาน เคอร์โคฟ หัวหน้าฝ่ายเทคนิคด้านโควิด-19 ของดับเบิลยูเอชโอ แถลงที่เจนีวา "ด้วยเหตุนี้ เราจึงจัดจำพวกว่า สายพันธุ์นี้เป็นสายพันธุ์ที่น่าวิตกกังวลในระดับโลก"

    เธอกล่าวถึงผลการศึกษาเบื้องต้นหลายชิ้นที่บ่งชี้ว่าสายพันธุ์นี้ลดการออกฤทธิ์ทำลายของแอนติบอดีในการศึกษาที่ห้องแล็บจากตัวอย่างจำนวนน้อย ซึ่งดับเบิลยูเอชโอยืนกรานว่า ยังเร็วเกินไปที่จะตีความว่าสายพันธุ์นี้มีความสามารถต้านทานการป้องกันของวัคซีนได้มากขึ้น

    หลายประเทศทั่วโลกจัดส่งถังออกซิเจนและเครื่องมือทางการแพทย์มาสนับสนุนอินเดียรับมือวิกฤติครั้งนี้ แต่โรงพยาบาลหลายแห่งยังต้องดิ้นรนกับการขาดแคลนอุปกรณ์ช่วยชีวิต เมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่รัฐบาลในรัฐอานธรประเทศ ทางภาคใต้ของอินเดีย กล่าวว่า มีคนไข้เสียชีวิต 11 คนที่โรงพยาบาลรัฐในเมืองติรุปาตีของรัฐนี้ เนื่องจากถังบรรจุออกซิเจนส่งมาไม่ทัน

    เอ็ม หริณารยัน ข้าราชการระดับสูงของอำเภอนี้ กล่าวว่า เกิดปัญหาแรงดันออกซิเจนตกเนื่องจากปริมาณออกซิเจนเหลือน้อย เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายในเวลาแค่ 5 นาที แต่ตอนนี้ออกซิเจนส่งมาถึงเพียงพอใช้แล้ว

    ขณะเดียวกัน แพทย์หลายคนออกมาเตือนประชาชนที่ใช้มูลวัวละเลงทั่วร่างกายโดยเชื่อว่าช่วยป้องกันโควิด-19 ได้ หลังจากพบวิธีการปฏิบัติเช่นนี้ในรัฐคุชราต ทางภาคตะวันตกของประเทศ ซึ่งผู้ที่เชื่อเช่นนี้พากันไปยังสถานที่เลี้ยงวัวสัปดาห์ละครั้ง เพื่อนำมูลและปัสสาวะวัวทางร่างกาย หวังสร้างภูมิคุ้มกันหรือรักษาอาการติดเชื้อโควิด

    "ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่เป็นรูปธรรมว่ามูลวัวหรือปัสสาวะวัวช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโควิด-19 มันอ้างอิงจากความเชื่อล้วนๆ" ดร.เจ. เอ. ชยาลัล ประธานสมาคมแพทย์อินเดียกล่าว  และว่า มีความเสี่ยงต่อสุขภาพจากการละเลงหรือบริโภคสิ่งเหล่านี้ และโรคติดต่ออื่นๆ อาจส่งผ่านจากวัวมายังมนุษย์ได้.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"