11 พ.ค. 2564 รายงานข่าวจากบริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่าในวันพุธวัน 12 พฤษภาคม 2564 เวลา 09.00 น.จะมีการประชุมเจ้าหนี้เพื่อพิจารณาแผนในคดีฟื้นฟูกิจการของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) จากเดิมที่จะจัดขึ้นที่ศูนย์ประชุมธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เป็นการประชุมเจ้าหนี้ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (e-Meeting) นั้นจากเดิมได้มีการเสนอรายชื่อผู้บริหารแผนที่เสนอในแผนฟื้นฟูมีเพียง นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ กับนายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล ล่าสุดนายจักรกฤศฏิ์ ได้ขอถอนตัวในการบริหารแผนครั้งนี้

แหล่งข่าวกล่าวว่าจากการอหารืกันเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมากลายเป็นการร่วมแผนกันระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้ และล่าสุดที่ได้มีการพูดคุยกันระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้ เมื่อวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมาทางเจ้าหนี้ได้ขอแก้แผนโดยการขอเสนอส่งรายชื่อผู้บริหารแผนร่วมมา ทำให้ต้องมีการแก้แผน ดังนั้นแผนที่เห็นฉบับเมื่อวันที่ 2มี.ค.ที่ผ่านมา อาจจะมีการเปลี่ยนแปลง ส่วนตัวผู้บริการแผนสองคนที่ทางการบินไทยเสนอนั้นขณะนี้เหลือเพียง นายปิยสวัสดิ์ คนเดียว ส่วนรายชื่อของบุคคลที่จะเข้ามาร่วมทำแผน 3 คน มาจากกระทรวงการคลัง จำนวน 1 คน และธนาคารกรุงเทพจำนวน  2 คน

แหล่งข่าวกล่าวว่าในการโหวตแผนวันที่ 12 พ.ค.นี้ แผนก็คงได้รับความเห็นชอบ เนื่องจากมีเสียงของกลุ่มเจ้าหนี้ คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 40% ของหนี้ทั้งหมด ที่ให้การสนับสนุนเพราะไม่มีการแฮร์คัต แต่มีการยืดหนี้ไป 6 ปีสำหรับกลุ่มนี้ รวมกับในส่วนของกระทรวงการคลัง ซึ่งก็คงต้องโหวตให้ และเจ้าหนี้การค้า ก็คาดว่าจะทำให้สามารถโหวตแผนผ่านได้

สำหรับเจ้าหนี้สถาบันการเงินที่ไม่มีหลักประกันมูลหนี้รวม 31,228.37 ล้านบาท โดยธนาคารกรุงเทพ 9,344.65 ล้านบาท อันดับ 2 คือ ธนาคารกรุงไทย 6,966.98 ล้านบาท ธนาคารออมสิน 3,826.12 ล้านบาท, ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ 2,149.65 ล้านบาท และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย 2,658.93 ล้านบาท โดยแผนฟื้นฟูขอยืดชำระหนี้ออกไปประมาณ 13 ปี

รายงานข่าวแจ้งว่าสำหรับขั้นตอนการพิจารณาแผนฟื้นฟูกิจการ เป็นขั้นตอนสำคัญตามกฎหมาย การบินไทยจะไม่สามารถดำเนินกระบวนการฟื้นฟูกิจการต่อไปได้ หากไม่ได้รับการสนับสนุนและความเห็นชอบจากเจ้าหนี้ทั้งหลายที่เพียงพอตามจำนวนที่กฎหมายกำหนด การบินไทยขอขอบพระคุณเจ้าหนี้ทุกท่านที่กรุณาสละเวลาพิจารณาและดำเนินการเพื่อลงมติยอมรับแผน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการบินไทยจะได้รับแรงสนับสนุนจากทุกท่านเพื่อก้าวผ่านอุปสรรคครั้งใหญ่ของบริษัทในครั้งนี้ และจะสามารถกลับมาร่วมธุรกิจกับคู่ค้าทั้งหลาย ให้บริการแก่ลูกค้า และประกอบกิจการอย่างแข็งแกร่งได้ต่อไป
ด้านนายชาญศิลป์ ตรีนุชกร รักษาการแทนกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)กล่าวว่า สถานการณ์โควิดทำให้เครื่องบินที่มีเกือบ 100 ลำต้องจอดเป็นจำนวนมาก ซึ่ง 6-7 เดือนที่ผ่านมา การบินไทยก็หนีไม่พ้นที่ต้องขาดทุน ซึ่งรัฐบาลหลายๆ รัฐบาลก็ช่วยสนับสนุน แต่รัฐบาลไทยในวันนี้เงินทองในกระเป๋ามีไม่เยอะ การสนับสนุนอะไรจึงต้องระมัดระวัง ฉะนั้นสิ่งที่การบินไทยต้องทำตอนนี้จึงเป็นโอกาสสุดท้ายแล้ว ซึ่งเราต้องช่วยตัวเองให้มากที่สุด คือต้องทำแผนฟื้นฟูกิจการฯ ที่สอดรับกับอนาคต

อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 2 มี.ค. และจะมีการยื่นที่กรมบังคับคดีเพื่อปรับแก้ไขแผนอีกนิดหน่อย วันที่ 7 พ.ค.โดยหลักใหญ่ๆ คือ การปรับปรุงเรื่องเม็ดเงินใหม่ที่เข้ามาใหม่ และเงื่อนไขต่างๆ ว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งเป็นผลจากการที่ได้หารือกับเจ้าหนี้ และกับภาครัฐ เนื่องจากแต่ละเจ้าหนี้มีกฎระเบียบ มีเงื่อนไข มีมุมมองแตกต่างกัน ประเด็นสำคัญคือเจ้าหนี้ต้องการให้การบินไทยเดินไปข้างหน้า และเจริญเติบโตได้

รายงานข่าวแจ้งว่า ในวันที่ 12 พ.ค.นี้ มีวาระการพิจารณา เช่นการสอบถามเจ้าหนี้เรื่องการแก้ไขแผนฟื้นฟูหรือไม่ นอกจากนี้จะเสนอรายชื่อผู้บริหารแผนเพิ่มเติมจากเจ้าหนี้ รวมทั้งเสนอตั้งคณะกรรมการเจ้าหนี้ที่จะเป็นผู้แทนติดตามการฟื้นฟูกิจการ และวาระการลงคะแนนเห็นชอบแผนฟื้นฟูการบินไทย ทั้งนี้หากในการประชุมวันที่ 12 พ.ค.นี้ ยังไม่แล้วเสร็จอาจจะต้องมีการขยายเวลาออกไปจนกว่าที่ประชุมจะได้ข้อสรุปในครั้งนี้