พอ “เทพไท เสนพงศ์” สิ้นสุดความเป็น ส.ส. ก็มี “อันวาร์ สาและ” ที่เป็น ส.ส.ตัวจี๊ดแห่งพรรคประชาธิปัตย์ เคลื่อนไหวแต่ละที คำว่าเป็นพรรคร่วมรัฐบาลต้องรักษามารยาททางการเมือง “อันวาร์” ไม่ค่อยจะใส่ใจเสียเท่าไหร่   

            ส่วนเบื้องลึกเบื้องหลังในการออกมาเคลื่อนไหวของ “ส.ส.แกะดำ” ผู้นี้ ไม่มีใครทราบว่าเหตุผลที่แท้จริงเป็นเพราะอะไร แต่ถ้าดูกันตามเนื้อผ้า มันดีกับ “ประชาธิปัตย์” ในภาพรวมอยู่ไม่ใช่หรือ ที่มีคนของพรรคแตกแถวอยู่บ้าง

            อย่างน้อยก็ยังมีคนอย่าง “ส.ส.ปัตตานี” ผู้นี้คอยแก้เผ็ดให้พรรค ในยามที่พรรคพลังประชารัฐพยายามล้วงลูกจนไม่เห็นหัวหรือเกรงใจเพื่อนร่วมรัฐบาลเช่นกัน

            ภายในปี 64 “อันวาร์” สร้างวีรกรรมที่ปรากฏเป็นข่าวถึง 3 ครั้ง ครั้งแรกก่อนโหวตในศึกซักฟอกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเมื่อเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา ส่งข้อความในไลน์กลุ่ม ส.ส.ของพรรค เชิญชวนให้ ส.ส.ลงมติโดยยึดหลักถูกเป็นถูก ผิดเป็นผิด โดยตอนท้ายของข้อความดังกล่าวยังหยิบยกคำพูดของหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” ที่เคยประกาศก่อนหน้านี้ว่า ได้ตัดสินใจส่งผู้สมัคร ส.ส.ในการเลือกตั้งซ่อมนครศรีธรรมราชครั้งหลังสุดสู้กับพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งที่ตามมารยาท ถ้ามีการเลือกตั้งซ่อม พรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเองจะถอยให้กับพรรคที่ได้คะแนนเป็นอันดับหนึ่ง

            แต่แล้ว “หัวหน้าประวิตร” กลับประกาศว่ามารยาททางการเมืองนั้นไม่มี เป็นประชาธิปไตย ที่จะต้องแข่งขันการทำประโยชน์เพื่อประชาชน

            ต่อมาครั้งที่สอง จากกรณีคำสั่งนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้รัฐมนตรีรับผิดชอบงานภายใต้แนวคิดการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันระดับพื้นที่จังหวัด โดยสั่งให้ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” รัฐมนตรีในโควตาของพรรคพลังประชารัฐ และเคยนำทัพคว้าชัยเหนือ “ประชาธิปัตย์” ในการเลือกตั้งซ่อมนครศรีฯ มาแล้วนั้น นายกฯ มอบให้ไปดูแลจังหวัดใหญ่ๆ ในภาคใต้ ได้แก่ สงขลา นครศรีธรรมราช และภูเก็ต ขณะที่ให้รัฐมนตรีในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์มอบให้ไปจังหวัดแถบภาคอีสานแทน ซึ่งทุกฝ่ายต่างวิพากษ์วิจารณ์การกระทำของพลังประชารัฐในครั้งนี้ว่าหวังยึดพื้นที่ของพรรคประชาธิปัตย์!!!!

            จึงเป็นเหตุให้ “อันวาร์” หยิบข้อความของสมาชิกพรรคคนหนึ่งเผยแพร่ยังกลุ่มไลน์อดีต ส.ส.และ ส.ส. ซึ่งในข้อความมีใจความสำคัญตอนหนึ่ง...

                “ขอสนับสนุนนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ใช้ความกล้าหาญทางการเมือง แสดงความเห็นอย่างตรงไปตรงมา ไม่ควรเกรงใจใคร ยกเว้นประชาชน และอยากจะบอกกับเพื่อนสมาชิกพรรคทุกคนว่า พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองเก่าแก่ ที่มีประวัติการต่อสู้ทางการเมืองมายาวนานถึง 75 ปี พรรคต้องมีศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิของความเป็นพรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์ และไม่ควรเกรงกลัว หรือสยบต่ออำนาจที่ไม่ชอบธรรมใดๆ ทั้งสิ้น เพราะความกลัวทำให้เสื่อม”

            ล่าสุดเป็นครั้งที่สาม “ส.ส.ปัตตานี” ออกเป็นหนังสือถึงผู้บริหารพรรคและสมาชิกพรรค ขอให้ถอนตัวออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล โดยอ้างถึงกระแสสังคมไม่ยอมรับ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” เป็นรัฐมนตรีอีกต่อไป เพราะหลักฐานทนโท่ฟ้องสายตาคนทั้งโลก “ธรรมนัส” เคยต้องคำพิพากษาในต่างประเทศ ความผิดคดียาเสพติด แต่ยังได้เป็นรัฐมนตรีของประเทศไทย

            งานนี้ “อันวาร์” โทษ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่รู้อยู่แก่ใจว่าเบื้องหลัง ร.อ.ธรรมนัส เป็นอย่างไร แต่ไม่สนใจ กลับแต่งตั้ง “ธรรมนัส” เป็นรัฐมนตรี!!! อีก

            ประมวลเหตุการณ์ทั้งหมดของ “อันวาร์” ตั้งแต่ก่อนหน้านี้จนถึงปี 64 บางฝ่ายเกิดความเคลือบแคลงพรรคประชาธิปัตย์ ว่าจริงใจหรือเล่นเกมการเมืองแบบแยกกันเดินร่วมกันตี ตอบได้เลยว่าไม่มีใครรู้ แต่ถ้าให้ดูจากการกระทำ เช่น สมัยพรรคตัดสินใจจะร่วมเป็นรัฐบาลหรือไม่ มติออกมาให้ร่วมรัฐบาล 61 ต่อ 16 เสียง หรือแม้แต่ขอมติพรรคโหวตไว้วางใจ “ธรรมนัส” หรือไม่ ในศึกซักฟอกเมื่อปี 63 ปรากฏว่ามติของพรรคประชาธิปัตย์ไว้วางใจ “ธรรมนัส” 24 ต่อ 17 แสดงให้เห็นว่าทุกเรื่องในประชาธิปัตย์ไม่มีคำว่า “แถวตรง” เพราะว่ากันด้วย “เสียงข้างมาก” และ “เสียงข้างน้อย”

                ฉะนั้น เรื่องราวที่เกิดขึ้นมาจากความพยายามขุดของ “เสียงข้างน้อย” ไม่มีผลอะไรต่อภาพรวมหรือเสียงข้างมากของพรรค สรุปเดินหน้ามุ่งมั่นทำงาน สร้างศรัทธากับพี่น้องประชาชน เรียกคะแนนนิยมกลับพรรคต่อไป.