10 พ.ค. 64 - พุทธะอิสระ อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า "เรามาลองตามดูแผนล้มมหาเถรของกลุ่มปฏิสังขรณ์ใหม่กันดูหน่อย
คณะปฏิสังขรณ์การพระศาสนาใหม่ มีผู้ก่อตั้งทั้งนักบวช และฆราวาส ๓ นิ้ว
ข้อเรียกร้องที่ ๑
คณะปฏิสังขรณ์การพระศาสนาใหม่เป็นการรื้อฟื้นคณะปฏิสังขรณ์การพระศาสนาในปี ๒๔๗๗ เพื่อปฏิรูป พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ให้สอดคล้องกับระบอบประชาธิปไตย ยกเลิกการรวมศูนย์อำนาจของรัฐ
วิจารณ์ให้เข้าใจตรงกันว่า พระธรรมวินัย ที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้
วันนี้พวกนักบวชวัยละอ่อน และกลุ่ม ๓ นิ้ว ต้องการปฏิรูปให้สอดคล้องกับหลักประชาธิปไตย นี่มันบ้ากันไปใหญ่แล้ว
ดูท่านักบวชยุคนี้ เขาบูชาคำว่าประชาธิปไตยสำคัญกว่าพระธรรมวินัยจริงๆ
คำว่าการพระศาสนาหรือธุระมีแค่ ๒ อย่าง คือ คันถธุระ กับ วิปัสสนาธุระ ที่พระบรมศาสดาทรงบัญญัติ หากยึดเอาความกระสันของพวกกลุ่มคณะปฏิสังขรณ์นี้ คงต้องเพิ่มประชาธิปไตยธุระ เข้าไปอีกข้อ ...เวรกรรม เวรกรรม
ส่วนประเด็นปฏิรูป พ.ร.บ.คณะสงฆ์นั้น พุทธะอิสระ เห็นด้วย แต่ไม่ใช่เพื่อประชาธิปไตย ต้องปฏิรูป พ.ร.บ.คณะสงฆ์ให้สอดคล้องต่อหลักพระธรรมวินัย เช่นนี้จึงจะถือว่า เป็นการอุปถัมภ์ค้ำชูพระพุทธศาสนา
ไม่ใช่ไปเอาลัทธิคลั่งประชาธิปไตยแบบฝรั่งล่าอาณานิคม มาครอบงำหลักการพระพุทธศาสนา อย่างที่พวกคนกลุ่มนี้กระสัน
เพราะพระธรรมวินัยที่องค์พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงบัญญัติ ก็ถือว่า ให้สิทธิ์แก่ผู้สมัครใจเข้ามาบวชอย่างเสมอภาคกันอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติ สติปัญญา และความสามารถของแต่ละคนที่เข้ามาบวช
ไม่ใช่บวชเข้ามายังไม่ทันไร ไม่มีคุณธรรมอะไร ก็พยายามตีเสมอผู้มีศีล มีธรรมมากกว่าตน
เช่นนี้มันพวกเผ่าพันธุ์ ‘มหากปิละ’ ปลาทองปากเหม็นชัดๆ
ส่วนประเด็นที่ว่าให้ยกเลิกการรวมศูนย์อำนาจรัฐ ก็ไม่ยาก อย่างนั้นก็ไม่ต้องให้รัฐยกฐานะนักบวชให้พิเศษกว่าประชาชนทั่วไป นักบวชทุกคนต้องเสียภาษีรายได้ทุกรูป เพราะอยากเสมอภาคเท่าเทียมกับประชาชนทั่วไป ก็ไม่ควรจะได้รับสิทธิพิเศษใดๆ มากกว่าประชาชนอื่นๆ
เอางี้ไหม?
หรือสิทธิพิเศษกูก็จะเอา การอุปถัมภ์ค้ำชูจากรัฐก็จะเอา ภาษีกูก็ไม่ต้องเสีย ข้อยกเว้นอื่นที่เป็นประโยชน์ซึ่งประชาชนทั่วไปไม่ได้ กูจะต้องได้
อีแบบนี้ก็ไปหาแผ่นดินอยู่ใหม่เด้อ นางเด้อ เพราะแผ่นดินนี้เขาอุปถัมภ์บำรุงพระศาสนาด้วยความยกย่อง เทิดทูน บูชา จึงยกสถานะของภิกษุให้สูงกว่าประชาชนทั่วไป
แม้แต่ในราชพิธีหรือพระราชพิธี พระภิกษุไม่ว่าจะสูง จะต่ำ แม้บวชได้วันเดียว ยังต้องนั่งสูงกว่าชาวบ้าน ไม่เว้นแม้แต่พระราชามหากษัตริย์ ยังต้องยกมือไหว้
ได้แค่นี้จากแผ่นดินยังไม่พอใจ คงต้องการสิทธิ์ที่จะให้ชาวบ้าน และนักบวชเข้าสวมกอด จับมือ เชกแฮนด์กันละกระมั้ง
ข้อเรียกร้องที่ ๒
โครงสร้างการปกครองคณะสงฆ์แบ่งเป็น ๓ อำนาจ ประกอบด้วย สังฆนายก สังฆสภา และคณะวินัยธร โดยมาจากการเลือกตั้งกันเองในหมู่สงฆ์ โดยแต่ละนิกายสามารถจัดตั้งตามโครงสร้างนี้ของตนเองได้
วิจารณ์ความข้อนี้ พุทธะอิสระ ก็เห็นด้วยนะ
แต่ก็ต้องระวังว่าจะทำให้เกิดความแตกแยก แตกสามัคคี และหากมองให้ลึก ในมุมของนักปกครอง มันจะสร้างปัญหาแก่สังคมโดยรวมมากกว่า ที่สังคมจะได้ประโยชน์
รวมความว่า หากคิดจะบวชหรือมีชีวิตอยู่เพื่อหมู่สัตว์ ควรจะต้องตรึกตรองดูให้รอบด้านว่า การแยกอำนาจกระจายไปตามภูมิภาค มันจะทำให้หมู่สงฆ์งดงามเป็นปึกแผ่นเป็นเอกภาพอย่างที่เป็นอยู่หรือไม่
เพราะถ้าเมื่อใดหมู่สงฆ์แตกแยกกัน นั่นก็เท่ากับศาสนิกชนของภิกษุแต่ละรูปแต่ละคณะ ก็ต้องแตกแยกกัน
แล้วความมั่นคงของชาติ ของแผ่นดินมันจะมีไหม
คิดสิคิด อย่าเอาความกระสันยึดตัณหาของตนเป็นที่ตั้ง โดยไม่รับผิดชอบต่อส่วนรวม อย่าลืมมนุษย์เป็นสัตว์สังคมนะ หรือ ผู้คนคิดจะแยกมันไม่ใช่มนุษย์
วันนี้ขอวิจารณ์แผนของพวกคณะปฏิสังขรณ์แค่ ๒ ข้อนี้ก่อน คราวหน้าจะมาวิจารณ์เพิ่มเติมอีกนะจ๊ะ".
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |