จนถึงขณะนี้พบว่า แกนนำ-แนวร่วมที่เคลื่อนไหวกับม็อบสามนิ้วที่ถูกดำเนินคดีและยื่นฟ้องในข้อหาความผิดต่างๆ เช่น ผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และมาตรา 116-ฝ่าฝืน พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน หลายคนทยอยได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวกันแล้ว
ไล่เรียงตามลำดับเวลา ก็มีเช่น ปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม หรือหมอลำแบงค์ ได้รับการปล่อยตัวเมื่อวันที่ 9 เม.ย. จากนั้นวันที่ 23 เม.ย. ศาลอาญาให้ประกันตัวสมยศ พฤกษาเกษมสุข และจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน ถัดมาเป็นคิวของ “ปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้ หัวหน้ากลุ่มการ์ดวีโว่” ที่ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ให้ประกันตัวเมื่อวันที่ 5 พ.ค. จากนั้นวันรุ่งขึ้น วันที่ 6 พ.ค. ศาลอาญาให้ปล่อยตัว “รุ้ง” ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ตามด้วยวันที่ 7 พ.ค. ศาลอาญาธนบุรีให้ปล่อยตัวชั่วคราว น.ส.วรรณวลี ธรรมสัตยา หรือตี้ พะเยา และเมื่อวันเสาร์ที่ 8 พ.ค. ศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำสั่งให้ประกันตัว “ฟ้า” พรหมศร วีระธรรมจารี แกนนำกลุ่มราษฎรมูเตลู แต่จะได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำพิเศษธัญบุรีในวันที่11 พ.ค.นี้
ขณะเดียวกันก็มีแนวร่วมบางคนที่เพิ่งถูกอัยการยื่นฟ้องต่อศาลและยังไม่ได้รับการประกันตัว เช่น กรณีเมื่อวันที่ 6 พ.ค. อัยการยื่นฟ้องสิรภพ พุ่มพึ่งพุทธ นักศึกษามหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ-แกนนำกลุ่ม มศว คนรุ่นเปลี่ยน ในความผิดมาตรา 112 จากการปราศรัยในการชุมนุมที่สี่แยกราชประสงค์ และหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 18 พ.ย.63
ทั้งนี้ นัดหมายสำคัญของศาลในการพิจารณาคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวแกนนำม็อบสามนิ้ว ก็คือวันอังคารที่ 11 พ.ค.นี้ ที่ศาลอาญาจะไต่สวนคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน-ภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ และไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือแอมมี่ ในวันอังคารที่ 11 พ.ค.นี้ ซึ่งมีโอกาสไม่น้อยที่ทั้งหมดอาจจะได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวในวันดังกล่าว แต่ที่ต้องลุ้นหน่อยก็คือ แอมมี่ เนื่องจากเจ้าตัวถูกตำรวจจับกุมขณะหลบหนีหมายจับ ไม่ได้เข้ามอบตัวเอง ในคดี ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ข้อหาวางเพลิงเผาทรัพย์ บริเวณหน้าเรือนจำคลองเปรม ส่วน อานนท์ นำภา พี่ใหญ่ของแกนนำม็อบสามนิ้ว ตอนนี้อยู่ระหว่างการรักษาตัวหลังพบการติดเชื้อโควิด จนถูกส่งไปโรงพยาบาลราชทัณฑ์ จึงยังไม่เข้าขั้นตอนการยื่นประกันตัว
พบว่าเกือบทั้งหมดที่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวต่างได้แถลงต่อศาลว่า จะปฏิบัติตามเงื่อนไขการขอปล่อยชั่วคราวที่ทนายความยื่นคำร้อง ไม่ว่าจะเป็น จะไม่กระทำการที่เสื่อมเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่เดินทางออกนอกประเทศ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาลก่อน และจะเดินทางมาศาลทุกครั้งตามที่ศาลได้นัด รวมถึงการติดกำไลอิเล็กทรอนิกส์
จึงน่ารอติดตามว่าเมื่อแกนนำแต่ละคนได้รับการปล่อยตัวออกมาหมดแล้ว การเคลื่อนไหวทางการเมือง-การทำกิจกรรมต่างๆ ต่อจากนี้ แกนนำม็อบสามนิ้วจะมีท่าทีอย่างไร ภายใต้เงื่อนไขที่ไม่สามารถแตะเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ได้ ทั้งการแสดงความเห็นผ่านการเคลื่อนไหวต่างๆ รวมถึงแสดงความเห็นในโซเชียลมีเดีย เหมือนเช่นก่อนหน้านี้ ไม่เช่นนั้นอาจเสี่ยงถูกยื่นถอนประกันตัวต่อศาลได้
หลังจากแกนนำทยอยออกมาจากเรือนจำกันแล้ว การสู้คดีต่อจากนี้ โดยเฉพาะคดีที่ถูกฟ้องเอาผิดมาตรา 112 ทาง “กฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน-หัวหน้าทีมทนายความแกนนำม็อบคณะราษฎร 63” บอกไว้ว่า ที่ผ่านมาพวกแกนนำ โดยเฉพาะกลุ่มนักศึกษาเขาต้องการต่อสู้เพื่อปฏิรูปให้มันดีขึ้น ความหนักใจก็มีอยู่แล้ว เพราะเรากำลังทะเลาะกับระบบ การทำงานของเราก็อาจมีอุปสรรคเยอะ การต่อสู้ของทีมทนายแต่ละครั้งจะมีความหนักใจแต่ละคราวไม่เหมือนกัน อย่างช่วงก่อนหน้านี้ก็กลุ้มใจว่า เพนกวิน-รุ้ง จะเป็นอะไรไปหรือไม่ คนที่อยู่ในเรือนจำจะติดโควิดหรือไม่ ติดแล้วจะรักษาอย่างไร คือเราอยากเอาเขาออกมาจากคุกโดยที่ยังมีชีวิตอยู่ ส่วนเรื่องทางคดีและชะตากรรมของแต่ละคนจะเป็นอย่างไรต่อจากนี้ คงไม่ขอประเมิน เพราะมีหน้าที่อย่างเดียวคือสู้คดีตามหลัก ให้พวกเขาถูกตัดสินโดยยุติธรรม ถ้าศาลตัดสินมาว่าเขาผิดโดยกระบวนการยุติธรรมที่รับได้ เช่น เปิดโอกาสให้ต่อสู้คดีอย่างเป็นธรรม หากตัดสินว่าผิดก็ขอยอมรับในคำพิพากษานั้นโดยสนิทใจ
ส่วนเรื่องการเอาผิดในข้อหามาตรา 112 ในช่วงที่ผ่านมากับแกนนำม็อบ-นักเคลื่อนไหวทางการเมือง "กฤษฎางค์" มองว่า เรื่องมาตรา 112 ขอแยกเป็นสองส่วน คือการดำเนินคดีมาตรา 112 กับความชอบด้วยกฎหมายของมาตรา 112 เรื่องแรกการดำเนินคดีด้วยข้อหามาตรา 112 ทุกวันนี้ที่มีคนถูกดำเนินคดีร่วม 70-80 คน มีเด็กยังไม่บรรลุนิติภาวะโดนดำเนินคดี 7-8 คน บอกได้เลยว่าการดำเนินคดีมาตรา 112 ในปัจจุบันนี้เป็นการใช้อำนาจทางการเมืองเพื่อโยนคนเหล่านี้ไปสู่คุกตะราง เพื่อให้เขาหยุดพูด เพราะเขามีความเห็นไม่ตรง ทั้งที่พลเอกประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี เคยบอกก่อนหน้านี้ว่าจะไม่ดำเนินคดีมาตรา 112 ก็ไม่มีใครโดนดำเนินคดีมาตรา 112 แต่พอช่วงเดือน พ.ย.ปี 2563 พลเอกประยุทธ์บอกจะใช้กฎหมายทุกมาตรา ที่ก็คือมี 112 ตำรวจก็ไปขุดเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตทั้งหมด บางทีก็หลายปีมาแล้ว เช่น มีเด็กที่เชียงราย ก็ไปขุดเอาเรื่องเมื่อ 3 ปีที่แล้วมาดำเนินคดี เห็นได้ว่าการดำเนินคดีมาตรา 112 เป็นการดำเนินคดีเพื่อผลทางการเมือง โดยหารู้ไม่ว่าจะเป็นภัยอันตรายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ที่เรารัก เพราะการเอาสถาบันมาใช้ในการแกล้งคน มันเป็นสิ่งที่รับไม่ได้
“ทนายความแกนนำม็อบคณะราษฎร” กล่าวด้วยว่า สำหรับมาตรา 112 หากถามว่าควรต้องปรับปรุงแก้ไขหรือไม่ ก็เห็นด้วยว่าควรต้องแก้ไข เช่น เรื่องโทษของคดีมาตรา 112 ไม่ควรถูกบัญญัติอยู่ในความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร เพราะเป็นเรื่องของการหมิ่นประมาท ดูหมิ่นประมุขของรัฐ อีกทั้งการกำหนดอัตราโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 15 ปี สูงเกินไป รวมถึงควรแก้ไขเรื่องกลไกการแจ้งความดำเนินคดี
“กฎหมายฉบับนี้หากนำมาใช้มันก็สะเทือน ในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านเคยตรัสไว้นานแล้วว่าไม่อยากให้มีการใช้มาตรา 112 ดำเนินคดี และเมื่อดำเนินคดีไป ที่เสียหายก็คือสถาบัน” ทนายความแกนนำม็อบสามนิ้วพูดน้ำเสียงจริงจัง.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |