8 พ.ค.64 - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวัน พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ พระนักเคลื่อนไหวในโลกโซเชียล โพสต์เฟซบุ๊กอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบโต้โจมตีนายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือ "พุทธะอิสระ" อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม จากกรณีเพจเดอะ พิซซ่า เมตตาดี เผยแพร่เอกสารสหกรณ์ออมทรัพย์ครูสมุทรปราการ จำกัด ซึ่งเปิดเผยรายละเอียดโครงการอบรมสัมมนาประจำปี 2562 โดยมีค่าวิทยากรบรรยายธรรมสำหรับพระมหาไพรวัลย์จำนวน 40,000 บาท ซึ่งพระมหาไพรวัลย์ชี้แจงว่า ได้รับเงินไม่ถึง 4 หมื่นพร้อมกับแจ้งความผู้กล่าวหาทำให้เสียหาย จากนั้น พุทธะอิสระ ได้วิจารณ์ถึงพฤติกรรมพระมหาไพรวัลย์ จนกระทั่งมีการตอบโต้กันไปมาอย่างดุเดือดนั้น
ล่าสุด พระมหาไพรวัลย์ โพสต์เฟซบุ๊กว่า อาตมามีคนที่นับถือซึ่งเห็นต่างทั้งในทางการเมืองและทางศาสนาหลายคนนะ เคยร่วมจำวัดร่วมบิณฑบาตกับนักบวชอย่างท่านอาจารย์สมณะจันทร์ แห่งสันติอโศก เคยร่วมเสวนากับนักวิชาการอย่างอาจารย์มโน เลาหวนิช (เมื่อไม่กี่วันนี้ยังสนทนากันอยู่) คนเหล่านี้แม้จะเห็นต่างกับอาตมาในหลายๆ เรื่อง ทั้งในทางศาสนาและในทางการเมือง แต่ถึงอย่างนั้น พวกเราก็ยังสามารถสนทนากันได้ แลกเปลี่ยนกันได้ นับถือกันได้
คนเหล่านี้ ถ้าเทียบกับตาแก่สุวิทย์นี่ ห่างกันราวนรกกับสวรรค์ เพราะคนพวกนี้ ส่วนใหญ่เป็นบัณฑิต คือท่านพร้อมจะรับฟังและแลกเปลี่ยนกับคนที่เห็นต่างอย่างมิตร
ที่สำคัญท่านเหล่านี้ไม่มีนิสัยอย่างเด็กอมมือเที่ยวไล่คนนั้นคนนี้ออกนอกประเทศ หรือกล่าวหาใครว่าเป็นแกนนำแกนร่วมล้มล้าง.... บลาบลาบลา เหมือนตาแก่สุวิทย์นี่ด้วย
พระมหาไพรวัลย์ โพสต์อีกว่า อาตมาว่าอาตมาจะจบแล้ว แต่คนแก่หัวหงอกอย่างตาสุวิทย์นี่ไม่ยอมจบไม่ยอมเลิกเสียที ใช้คำพูดว่า อาตมาเป็นเด็กไม่รู้จักโต แต่คนแก่อย่างตัวเองกลับปล่อยให้ลูกศิษย์ปั่นหัวเหมือนคนไม่มีสติปัญญาอยู่ได้ เสียดายนะที่อุตส่าห์บวชมาตั้งนานนม แต่ผ้าเหลืองกลับไม่ช่วยให้ฉลาดขึ้นมาเลย
ครั้งก่อนกล่าวหาว่า อาตมาบูลลี่ วันนี้ยังมาบอกว่า อาตมาหิวแสงอีก อาตมาเชื่อแล้วจริงๆ วัดอ้อน้อยไม่มีกระจกให้ตาแก่สุวิทย์ส่องหน้าตัวเอง ถ้าพระแบบอาตมาหิวแสง แล้วคนแก่แบบคุณที่เขียนถึงอาตมาไม่เลิกนี่เรียกว่าอะไร #ไหนลองตอบมาซิ #ขายขำ
สันดานอันหนึ่งที่ไม่มีวันเปลี่ยนได้และคงเปลี่ยนไม่ได้จนตายของตาแก่สุวิทย์ ผู้แม้จะผ่านการกินนอนดัดนิสัยในเรือนจำมาแล้ว นั่นก็คือสันดานของการคิดร้ายป้ายสีและการมองคนอื่นที่เห็นต่างจากตัวเองแบบเหมารวมแบ่งข้าง
คนที่ติดนิสัยบูลลี่คนอื่น ไม่ใช่อาตมา แต่น่าจะเป็นคนแก่ที่ทำตัวไม่รู้จักโตแบบตาสุวิทย์ต่างหาก คนแก่ไม่รู้จักโต ที่ให้สัมภาษณ์พาดพิงโคตรเง่าคนอื่น หรือไล่คนอื่นออกนอกประเทศ เพียงเพราะคิดเห็นไม่เหมือนตนเอง นี่แหล่ะที่สะท้อนวุฒิภาวะแบบเด็กที่ไม่รู้จักโตของตาสุวิทย์
ตาแก่สุวิทย์ให้ร้ายอาตมาอย่างหน้าด้านๆ ว่า อาตมาเป็นแกนร่วมคณะปฎิสังขรณ์การพระศาสนาใหม่ ทั้งที่อาตมาไม่เคยเข้าร่วมการประชุม หรือรับรู้และมีส่วนในการจัดตั้งกลุ่มนี้ขึ้นมาเลย
เพียงการถ่ายรูปรับธงธรรมจักรแครอทเมื่อครั้งเข้าขอสัมภาษณ์ครูใหญ่ในงานวิจัยของมหาจุฬา และเพียงการรับเป็นวิทยากรในการเสวนาในรายการคลับเฮาส์ แค่นี้ก็ถูกตาแก่สุวิทย์ป้ายสีทันทีว่าเป็นแกนนำร่วม เป็นพวกเดียวกัน โง่ซ้ำซาก อาตมาอยากจะกล่าวว่า ที่บ้านเมืองเราไม่สามารถมีความสมานฉันท์ หรือเปิดกว้างในการรับฟังความเห็นของคนอื่น นั่นเป็นเพราะว่า บ้านเมืองเรามีคนที่มีสติปัญญาเท่าหางแมวอย่างตาแก่สุวิทย์อยู่มากนั้นเอง
เอะอะก็ล้มล้าง เอะอะก็ล้างล้ม 555 คนแก่แบบคุณนี่มันไม่เหลือสติปัญญาอะไรที่จะโต้แย้งกับคนอื่นด้วยเหตุผลมากกว่านี้ได้แล้วใช่ไหม? เรื่องสำนักพุทธ เรื่องมหาเถรก็เหมือนกัน คือคุณหน้าหนาจนลืมไปหมดแล้วจริงๆ หรอว่าในยุคก่อน คุณเคยพูดถึงองค์กรนี้ไว้อย่างไรบ้าง ทำไมฮะ เข้าไปอยู่ในคุกไม่กี่ปี สมองเสื่อมไปแล้วใช่ไหม ?
รีบหาหลักฐานมานะ ที่กล่าวหาอาตมาว่าเป็นแกนร่วมของคณะปฎิสังขรณ์การพระศาสนาใหม่ รู้แหล่ะ ว่าคนแก่แบบคุณมันมีจิตสันดานให้ร้ายคนอื่นแบบนี้มาตลอดชีวิต แต่ขอร้องเถอะ อายุก็เรียกได้ว่าใกล้แง้มฝาโลงอยู่เต็มทีแล้ว ช่วยทำตัวให้มีค่ากว่านี้หน่อยเถอะ
ปล. ก่อนจะถลกหนังกำพร้าคนอื่น ช่วยเอากระดาษทราย ขัดหน้าตัวเองก่อนนะ ลองขัดดูซิ ว่ายังมีความรู้สึกมากน้อยแค่ไหน
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |