ชูกองทุนน้ำมัน ปตท.ขู่โซเชียล กระทบดีลเลอร์


เพิ่มเพื่อน    

  "ประยุทธ์" สวนกลับ ถ้ายกเลิกกองทุนน้ำมันตามที่นายกฯ หนูไม่รู้เคยพูดไว้คงไม่มีเงินพยุงราคาในวันนี้ ด้านซีอีโอ ปตท.เดินหน้าเอาผิดคนปล่อยข้อมูลเท็จในโซเชียลฯ ยันราคาขายปลีกน้ำมันต่ำกว่าปั๊มต่างชาติ ห่วงบอยคอตปั๊ม ปตท.กระทบดีลเลอร์    เตรียมปรับประมาณการราคาน้ำมันโลกปีนี้ที่ 60-65 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล

    เมื่อวันอังคาร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงปัญหาน้ำมันปรับราคาขึ้นว่า บางรัฐบาลบอกจะยกเลิกกองทุนน้ำมัน หากวันนี้ยกเลิกแล้วจะทำอย่างไร ตอนที่ตนเข้ามากองทุนน้ำมันก็ติดลบอยู่ วันนี้จะมีใช้อยู่หรือเปล่าก็ยังไม่รู้ หากมีการยกเลิกกองทุนน้ำมัน หากตนไม่สะสมให้ถึงวันนี้ จะมีเงินมาแก้ไขปัญหาตรงนี้ไหม วันนี้ราคาก๊าซราคาน้ำมันก็ขออย่าให้บิดเบือนกันต่อไป ก็อยู่ในราคาที่ปกติ เพราะรัฐบาลเข้าไปดูแลราคาขาย ดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร แต่ยังมีคนบอกว่ายังแพงอยู่ มันจะแพงได้อย่างไร ก็เข้าไปพยุงราคาให้แล้ว กองทุนน้ำมันอยู่ที่ 31,056 ล้านบาท เขาก็ประมาณการไว้แล้ว ถ้าใช้ไม่มากก็พอพยุงได้ไปถึงสิ้นปี 
    "ใครที่เคยบอกว่าจะยกเลิกกองทุนน้ำมัน ไปดูว่า นายกฯ คนไหนที่เคยพูดไว้ ผมไม่รู้ ถ้าวันนี้เลิกไปจะทำอย่างไร มันก็ต้องมีมาตรการ เราไม่ได้ไปใช้อย่างอื่น" 
    นายกฯ กล่าวว่า วันนี้สถานการณ์โลกทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่ามีปัญหาจากประเทศมหาอำนาจหลายประเทศ รวมถึงสถานการณ์คาบสมุทรเกาหลีต้องไปติดตามกันต่อไป เพราะมีความเกี่ยวพันกับประเทศอื่นๆ เพราะเราอยู่ในประเทศใบเดียวกัน ประเทศไทยก็เป็นส่วนหนึ่งในโลกใบนี้ เราก็ต้องทำให้ภายในประเทศสงบสุข มีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น 
    ทั้งนี้ ช่วงหาเสียงเลือกตั้งปี 2554 พรรคเพื่อไทยชูนโยบายทำให้น้ำมันราคาถูกด้วยการยกเลิกกองทุนน้ำมัน ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ก็เคยประกาศช่วงหาเสียงเลือกตั้งด้วย แต่เมื่อเป็นรัฐบาลก็ไม่ได้ยกเลิกกองทุนน้ำมันดังกล่าว
     ด้านนายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. (PTT)  แถลงว่า กรณีที่มีการส่งต่อข้อความเท็จในโซเชียลมีเดีย เช่น ต่อต้านไม่เติมน้ำมันปั๊ม ปตท. และมีการฉ้อฉลนั้น ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่ตั้งใจส่งข้อความเท็จ เนื่องจากปัจจุบันการส่งต่อข้อความในโซเชียลฯ มีความรวดเร็ว ซึ่งการที่ตัดสินใจดำเนินการตามกฎหมายเพื่อให้ผู้ที่ตั้งใจส่งข้อมูลเท็จเหล่านี้ได้รับการลงโทษตามกฎหมาย นอกจากนี้ยังทำให้คนไทยมีวินัยในการส่งต่อข้อมูลที่ถูกต้องด้วย
    ขณะที่ราคาขายปลีกน้ำมันของ ปตท. ยืนยันว่าราคาต่ำกว่าปั๊มน้ำมันต่างชาติ โดยจากสถิติในปี 60 ปตท. มีการปรับราคาน้ำมันขึ้น 21 ครั้ง และปรับราคาน้ำมันลง 21 ครั้ง ซึ่งมีราคาขายน้ำมันราคาต่ำกว่าปั๊มต่างชาติ 20 วัน จากทั้งหมด 365 วัน และไม่ได้ขายน้ำมันในราคาที่แพงกว่าปั๊มอื่นแน่นอน ขณะเดียวกัน ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่ 6 เม.ย.-28 พ.ค.61 ที่เป็นช่วงที่ราคาน้ำมันดิบโลกปรับสูงขึ้น ได้ปรับราคาน้ำมันขึ้น 6 ครั้ง และปรับราคาน้ำมันลง 1 ครั้ง ส่งผลให้ราคาขายปลีกต่ำกว่าราคาปั๊มน้ำมันต่างชาติอยู่ที่ 9 วัน 
    “ขณะนี้ยังไม่มีรายงานเกี่ยวกับผลกระทบจากกระแสต่อต้านการเติมน้ำมันปั๊ม ปตท. ซึ่งผลกระทบที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำให้ ปตท.กำไรน้อยลง เนื่องจากสัดส่วนรายได้น้ำมันและรายได้ที่ไม่ได้มาจากน้ำมัน (นอนออยล์) อยู่ที่ประมาณ 10% ของกำไรทั้งกลุ่ม ปตท. แต่ที่น่ากังวลคือ ปั๊มน้ำมัน ปตท.ทั้งหมดประมาณ 1,500 แห่ง มีสัดส่วน 90% ที่ดำเนินการโดยผู้ประกอบการรายย่อย ส่วน ปตท.ดำเนินการเองเพียง 10% เท่านั้น จึงเป็นห่วงดีลเลอร์ว่าจะได้รับผลกระทบ จึงต้องออกมาชี้แจง แต่หากผู้บริโภคจะไม่เติมน้ำมันปั๊ม ปตท. จากการบริการที่ไม่ดี คุณภาพน้ำมันไม่ดี ยังพอจะเข้าใจได้ แต่ถ้าเกิดจากความเข้าใจผิด ข้อมูลไม่ถูกต้อง ก็ต้องชี้แจง อีกทั้งยังยืนยันว่าจะไม่มีการปลดพนักงานตามที่มีกระแสข่าวออกมาแน่นอน” นายเทวินทร์กล่าว
    นายเทวินทร์กล่าวว่า กรณีที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับผลกำไรของ ปตท. จำนวน 130,000 ล้านบาทนั้น เนื่องจากธุรกิจน้ำมันเป็นธุรกิจที่มีการลงทุนสูง ซึ่ง ปตท.มีสินทรัพย์ทั้งหมด 2.3 ล้านล้านบาท ส่วนยอดขายอยู่ที่ 2 ล้านล้านบาทต่อปี และมีกำไร 130,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นผลตอบแทนจากสินทรัพย์ 6.7% หากเทียบกับบริษัทชั้นนำแล้วยังถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของการทำธุรกิจทั่วไป
    อย่างไรก็ตาม อยู่ระหว่างพิจารณาทบทวนปรับประมาณการแนวโน้มราคาน้ำมันตลาดโลกปีนี้ ที่คาดว่าจะขยับขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 60-65 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จากเดิมคาดไว้อยู่ที่ 55-60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ทั้งนี้ ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นไปถึง 20% ถือว่าเกินความคาดหมาย ซึ่งราคาน้ำมันดิบตลาดโลกที่เปลี่ยนแปลงทุกๆ 1 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จะมีผลต่อราคาขายปลีกน้ำมันให้เปลี่ยนแปลงประมาณ 24 สตางค์ต่อลิตร ทั้งนี้ แม้ราคาน้ำมันปีนี้จะผันผวน แต่จะพยายามรักษาค่าการตลาดน้ำมันอยู่ที่ 1.60-1.80 บาทต่อลิตร และค่าการกลั่นอยู่ที่ 1-2 บาทต่อลิตร
    ที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (ฝั่ง ก.พ.) นายณัฏฐ์นน ศรีก่อเกื้อ ตัวแทนเกษตรกรชาวสวนยาง 4 อำเภอ จ.สงขลา เจ้าของคลิป “หนุ่มสงขลา พูดแทนใจคนไทยทั้งประเทศเรื่องราคาน้ำมัน” ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. เพื่อสอบถามและให้คำแนะนำ รวมถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น   
    โดยณัฏฐ์นนกล่าวว่า ตนในฐานะตัวแทนเกษตรกรฯ ได้รวบรวมความคิดเห็นจากประชาชน เพื่อเสนอแนวทางแก้ไขปัญหา คือ 1.การอ้างราคาน้ำมันในตลาดโลกทำให้ราคาน้ำมันดีเซลในประเทศปรับขึ้นถึง 30.17 แต่ในประเทศมาเลเซียอยู่ที่ลิตรละ 17 บาท จึงอยากถามว่า ราคาตลาดโลกมีผลต่อราคายางพาราจริงหรือไม่ และประเทศไทยผลิตน้ำมันได้ปีละเท่าไหร่ 2.การขึ้นราคาน้ำมันครั้งนี้ มีกระบวนการบิดเบือนราคา เพื่อนำเงินกองทุนน้ำมันออกมาใช้ใช่หรือไม่ 3.เงินกองทุนน้ำมันไปช่วยในขั้นตอนใด และผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานใดบ้าง 4.ขอให้ทบทวนระบบภาษีต่างๆ ที่จัดเก็บให้เหมาะสมกับสภาพปัจจุบัน และ 5.นายกฯ คิดว่าแนวทางแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันระยะยาวที่เป็นธรรมทุกฝ่ายควรทำอย่างไร จึงขอให้นายกฯ เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน เพราะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและเสถียรภาพรัฐบาลอย่างรุนแรง.
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"