ทัวร์นำเที่ยวเจ๊ง! ปิดแล้ว2หมื่นแห่ง


เพิ่มเพื่อน    

 ‘ทัวร์นำเที่ยว’ ปิดกิจการแล้ว 20,000 บริษัท โควิดระลอก 3 ทำรายได้วูบ 95% เม็ดเงินหายไปแล้ว 5 หมื่นล้านต่อเดือน ส่วนอีก 10,000 แห่ง อาการร่อแร่ วอนรัฐช่วยให้นำทะเบียนรถแลกเงิน เผยแรงงานถูกเลิกจ้างเหลือไม่ถึง 20% ห่วงทุนต่างชาติฮุบธุรกิจหลังโควิดซา

    วันที่ 6 พ.ค. นายวสุเชษฐ์ โสภณเสถียร นายกสมาคมผู้ประกอบการรถขนส่งทั่วไป (สปข.) รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมธุรกิจทัวร์นำเที่ยวได้รับผลกระทบจากการระบาดโควิด-19 ตั้งแต่รอบแรก ช่วงเดือนมีนาคม 2563 ก่อนจะทำท่าฟื้นตัวได้บ้างในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน 2563 และทรุดตัวลงอีกครั้ง หลังจากเกิดการระบาดระลอก 2 ช่วงปลายปี 2563 ต่อเนื่องจนถึง 2 เดือนแรก (มกราคม-กุมภาพันธ์) ปี 2564 โดยผลกระทบจากการระบาดโควิดระลอก 2 ที่ผ่านมา ทำให้ธุรกิจไม่สามารถฟื้นตัวได้ แม้จะเห็นการเดินทางทยอยกลับมาในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เพราะรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการต่างๆ และสถานการณ์การระบาดไวรัสดูดีขึ้น แต่ต้องยอมรับว่าธุรกิจทัวร์นำเที่ยวยังไม่ได้รับอานิสงส์จากการกลับมาเดินทางเพิ่มขึ้น เนื่องจากพฤติกรรมของคนไทยไม่นิยมเดินทางท่องเที่ยวผ่านทัวร์ เพราะสามารถพูดคุยสื่อสารด้วยตัวเองได้ รวมถึงนิยมเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนบุคคลมากขึ้น
    “เรียกได้ว่า ตั้งแต่เริ่มต้นปี 2564 มาจนถึงปัจจุบัน ธุรกิจทัวร์นำเที่ยวแทบไม่เหลืออะไรแล้ว ขณะนี้รายได้หายไปกว่า 95% หรือคิดเป็นเม็ดเงินที่หายไปไม่ต่ำกว่า 50,000 ล้านบาทต่อเดือน“ นายวสุเชษฐ์กล่าว
    นายกสมาคมผู้ประกอบการรถขนส่งทั่วไปกล่าวต่อว่า แม้ธุรกิจทัวร์นำเที่ยวจะได้รับผลกระทบจากโควิดมากว่า 1 ปีเต็มแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือเยียวยาจากมาตรการของรัฐบาล ขออะไรไปไม่เคยได้ ต้องการให้รัฐบาลเร่งช่วยเหลือผู้ประกอบการทัวร์นำเที่ยวเพิ่มเติม แม้จะยังไม่มั่นใจว่ารัฐบาลจะสามารถออกมาตรการอะไรมาช่วยเหลือภาครถขนส่งโดยสารบ้าง ทั้งจากกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม หรือกระทรวงการคลัง เนื่องจากข้อเรียกร้องที่เคยขอไปยังไม่ได้รับการตอบรับกลับมาจากภาครัฐ
    นายวสุเชษฐ์กล่าวต่อว่า มองว่ามาตรการโกดังเก็บหนี้ หรือ Asset Warehousing ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หากสามารถนำทะเบียนรถที่มีอยู่ ซึ่งยังไม่ได้ติดภาระหนี้สินต่างๆ นำเข้าเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน โดยไม่ต้องประเมินราคาในระดับสูงมากนักก็ได้ เบื้องต้นขอแค่ 7-8 แสนบาทต่อคันเท่านั้น เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถนำเงินสดออกมาใช้หมุนเวียนในธุรกิจก่อน รวมถึงการซ่อมบำรุงรถที่จอดสนิทอยู่ร่วม 1 ปีเต็มด้วย เพราะรถที่จอดอยู่นิ่งๆ ไม่สามารถนำมาใช้งานทันทีได้ ราคาในการซ่อมบำรุงรถแต่ละคัน ตกอยู่ประมาณ 2-3 แสนบาท
    “ที่ผ่านมาผู้ประกอบการทัวร์นำเที่ยวในตลาดรวม มีจำนวนประมาณ 50,000 ราย ขณะนี้เหลืออยู่เพียง 40% หรือ 20,000 รายเท่านั้น หากมีงานกลับมาก็สามารถดำเนินธุรกิจต่อได้ในภาวะที่เกิดวิกฤติขึ้น แต่ยังไม่มีมาตรการออกมาช่วยเหลือจากรัฐบาล ส่วนอีก 40% หรือ 20,000 ราย ปิดธุรกิจแบบถาวรไปแล้ว ส่วนอีก 20% หรือ 10,000 ราย อยู่ก้ำกึ่งระหว่างการปิดชั่วคราวและปิดถาวร“ นายวสุเชษฐ์กล่าว
    รองประธาน สทท.กล่าวต่อว่า เมื่อธุรกิจทัวร์นำเที่ยวปิดตัวลงจำนวนมาก ส่งผลให้แรงงานในธุรกิจทัวร์นำเที่ยวถูกเลิกจ้างไปจำนวนมาก จากทั้งระบบมีประมาณ 1 แสนคน ขณะนี้คาดว่าเหลือไม่ถึง 20% เพราะการช่วยเหลือต่างๆ อาทิ สำนักงานประกันสังคม ยังไม่สามารถช่วยเหลือในการพยุงการจ้างงานได้ ที่ผ่านมาได้เสนอให้รัฐบาลช่วยเหลือในเรื่องการพักต่อทะเบียนรถ พักการตรวจสภาพรถ รวมถึงการขอวงเงินในการซ่อมแซมบำรุงรักษารถขนส่งที่มีอยู่ ทุกอย่างถือเป็นค่าใช้จ่ายหมด แต่ยังไม่ได้รับการพิจารณาและตอบรับในการช่วยเหลือแม้แต่รายการเดียว
    “อยากเรียกร้องให้รัฐบาลหันมามองธุรกิจนี้บ้าง เนื่องจากหากนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาท่องเที่ยวในประเทศไทย ระบบขนส่งจะมีปัญหาแน่นอน เพราะผู้ประกอบการไม่เหลือรอดรอให้บริการในวันที่นักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาแล้ว จะเป็นการเปิดโอกาสให้นายทุนต่างชาติเข้ามาฮุบธุรกิจ และควบรวมธุรกิจในหลายบริการ เกิดเป็นผู้เล่นรายใหญ่กินส่วนแบ่งในตลาดที่ผู้เล่นเดิมไม่สามารถแข่งขันด้วยได้” นายวสุเชษฐ์กล่าว.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"