เป็นอันชัดเจนว่ามิน อ่อง หล่าย ‘เบี้ยว’ ผู้นำอาเซียนแล้ว!

            แถลงการณ์ “ฉันทามติ 5 ข้อ” ของผู้นำอาเซียนจากกรุงจาการ์ตาเมื่อวันที่ 24 เมษายนที่ผ่านมา ระบุเรื่องยุติความรุนแรงในเมียนมาทันที, เข้าสู่การเจรจาหารืออย่างสันติ, ตั้งทูตพิเศษอาเซียนเพื่อไปเยือนเมียนมาพบกับ “ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง”

            แต่ไม่ได้ระบุกรอบเวลาที่ชัดเจน

            และ 5 ข้อนี้ไม่มีการพูดถึงข้อผูกมัดที่กองทัพเมียนมาจะปล่อยตัวผู้ถูกกักขังทางการเมือง

            มิน อ่อง หล่าย ถือว่าการได้ไปนั่งร่วมประชุมกับผู้นำอาเซียนวันนั้นเป็น “ชัยชนะ” ของตนแล้ว

            เพราะเท่ากับว่าอาเซียนให้การ “รับรองความชอบธรรม” ของการก่อรัฐประหารของเขา

            เขาไม่รับปากจะปล่อยอองซาน ซูจี และผู้นำพลเรือน

            แต่ยอมเออออตาม 5 ข้อว่าด้วยเรื่องการเปิดให้ทูตพิเศษอาเซียนไปเยือนเมียนมาเพื่อพบกับ “ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง” ก็เป็นเพียง “ยุทธวิธีถอยเพื่อตั้งหลัก” เท่านั้น

            เมื่อไม่มี “กรอบเวลา” ว่าจะให้ทูตพิเศษอาเซียนมาเยือนเมื่อใด มิน อ่อง หล่าย ก็เล่นเกมซื้อเวลาและต่อรองไปได้เรื่อยๆ

            ล่าสุดจากคำแถลงทางการของ State Administration Council (SAC) ที่เผยแพร่ทั้งทางทีวีของทหารและในสื่อสิ่งพิมพ์เมื่อวานนี้ เห็นได้ชัดว่า มิน อ่อง หล่าย กำลังเล่นกลกับผู้นำอาเซียน

            เพราะในแถลงการณ์นั้นบอกว่ากองทัพเมียนมาจะ “จัดลำดับความสำคัญ” ของการเดินหน้าด้วยการให้ “เสถียรภาพในประเทศ” มีความสำคัญที่สุด

            หากยังไม่มี “เสถียรภาพ” เขาก็ยังไม่พร้อมที่จะทำตามมติ 5 ข้อของผู้นำอาเซียน

            ประโยคนี้มีความหมายว่าเขาเป็นผู้กำหนดกติกา ไม่ใช่ผู้นำอาเซียนหรือใครอื่น

            “...Myanmar informed the Meeting that it will give careful consideration to constructive suggestions made by ASEAN Leaders when the situation returns to stability in the country since priorities at the moment were to maintain law and order and to restore community peace and tranquility...”

            และยังเสริมต่อว่า

            “...In this regard, Myanmar also informed the Meeting that suggestions would be positively considered if it would facilitate the implementation of the five-step roadmap laid down by the State Administration Council, serves the interests of the country and was based on the purposes and principles enshrined in the ASEAN Charter, ASEAM Way and ASEAN Spirit...”

            ตีความได้ไม่ยากว่ามิน อ่อง หล่าย มีเงื่อนไขสำคัญคือ ตราบเท่าที่เขาเห็นว่าสถานการณ์ในเมียนมายังไม่มี “เสถียรภาพ” ในความเห็นของเขาและกองทัพ, ก็ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องการทำให้ฉันทามติ 5 ข้อของผู้นำอาเซียนเกิดขึ้นได้

            อีกทั้งเขายังยืนยันว่าจะต้องเดินตาม Roadmap 5 ขั้นตอนที่กองทัพประกาศหลังยึดอำนาจ

            ผู้นำอาเซียนกำลังถูกท้าทายว่าจะมี “น้ำยา” จริงหรือไม่

            หากไม่เร่งตั้ง “ทูตพิเศษอาเซียน” และคณะ เพื่อกำหนดวันที่จะเข้าไปทำหน้าที่ “อำนวยความสะดวก” และ “ไกล่เกลี่ย” กระบวนการเจรจาหารือของ “ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง” ผู้นำอาเซียนก็จะถูกมองว่าได้ถูกมิน อ่อง หล่าย “หลอกใช้” ให้เกิดความชอบธรรมเท่านั้น

            เพราะแม้หลังวันเสาร์ที่ผ่านมาทหารเมียนมาก็ยังเดินหน้าปราบปรามผู้ต่อต้านรัฐประหารอย่างไม่หยุดยั้ง

ทั้งวาทะ, การกระทำและท่าทีลีลาทั้งหลายทั้งปวงของมิน อ่อง หล่าย ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ผู้นำอาเซียนตั้งความหวังไว้เลยแม้แต่น้อย

            ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ผู้นำอาเซียนจะต้องปรับแผนและส่งสัญญาณไปถึงมิน อ่อง หล่าย อย่างชัดเจนว่าถ้าเขา “เบี้ยว” เจตนารมณ์ของข้อตกลงทั้ง 5 เพื่อนๆ ในอาเซียนก็จะไม่สามารถช่วยเหลือหรือปกป้องเขาจากแรงกดดันจากข้างนอกภูมิภาคได้

            ผู้นำอาเซียนต้องทำให้กองทัพเมียนมารู้ว่าหาก “บันได” ที่อาเซียนเสนอให้ช่วยมิน อ่อง หล่าย ไต่ลงนั้นถูกทำลายเพราะความเป็น “ศรีธนญชัย” ของเขา, หายนะที่รออยู่ก็จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

            มิน อ่อง หล่าย เชื่อว่าเขามีอำนาจต่อรองกับ “ครอบครัวอาเซียน”

            ผู้นำอาเซียนต้องพิสูจน์ให้เขาเห็นว่าเขากำลังกระโจนเข้าสู่กองไฟที่จะเผาไหม้เขาให้เป็นจุณแน่นอน.