ต้องบอกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสมรณะ “โควิด-19” ทั่วโลกยังคงพุ่งสูงแบบไม่มีบันยะบันยังตามเดิม ในขณะที่ “ประเทศไทย” นั้นก็ต้องบอกว่าตัวเลข “สวิง” ขึ้นๆ ลงๆ อย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงเป็นเลขหลักพันอยู่ดี จึงทำให้บรรดา “แมลงเม่า” ในตลาดหลักทรัพย์ฯ พาเหรดการเทขายทั้งกระดานจนแดงพรึ่บ ไปหมด โดยล่าสุด “พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์” ผู้ช่วยโฆษก ศบค.แถลงสถานการณ์ประจำวัน ว่ามีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2,112 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 74,900 ราย และมีผู้เสียชีวิตอีก 15 ราย ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตสะสมแล้ว 318 ราย...๐ ตัวเลข ผู้ติดเชื้อ 74,900 รายนี่เองที่ทำให้กระดานการจัดอันดับของ “ไทย” ในเรื่องยอดผู้ติดเชื้อขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 98 ของโลกแล้ว ในขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตนั้นพี่ไทยยังอยู่ในอันดับ 126 จาก 220 ประเทศและดินแดนที่ “โควิด-19” อาละวาด...๐

“หมอเบิร์ท” ยังได้แถลงถึงการตั้ง “ศูนย์อำนวยการแก้ไขโควิด-19 ในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล” แล้ว ซึ่งก็มี “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมนั่งหัวโต๊ะตามเคย เรียกว่าเป็น “ซูเปอร์แมน” แยกร่างได้คุมทุกเก้าอี้จริงๆ งานนี้จึงไม่แปลกที่ “ตำบลกระสุนตก” จะพุ่งไปที่ “ลุงตู่” ฝ่ายเดียว นอกจากนี้ยังมีการผุด 8 อรหันต์อาจารย์หมอมานั่งเก้าอี้ “คณะที่ปรึกษาด้านการสาธารณสุขศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19” ซึ่งก็เรียกว่าชื่อเดิมๆ ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร,  นพ.อุดม คชินทร, นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา, นพ.สุทธิพงศ์  วัชรสินธุ, นพ.ปิยะมิตร ศรีธรา, นพ.อนันต์ ศรีเกียรติขจร,  พญ.จิรายุ เอื้อวรากุล และ นพ.ไพโรจน์ จงบัญญัติเจริญ...๐

งานนี้ขาเมาธ์มอยก็ได้แต่มึนงงกับสารพัดกรรมการ คณะทำงานที่ผุดราวดอกเห็ดของรัฐบาลบิ๊กตู่เสียเหลือเกิน ที่สำคัญก็ไม่ใช่ “หน้าใหม่” แต่ประการใด การตั้งใหม่ขึ้นมาเลยทำให้คนมองโลกแง่ร้ายมองว่าเพื่อเบี้ยเลี้ยง-เบี้ยประชุมหรือไม่อย่างไร เพราะหลายๆ คนก็นั่งในสารพัดกรรมการแทบทุกเก้าอี้ทีเดียว...๐

แล้วก็เข้า  “อีหรอบเดิม” จริงๆ สำหรับ “สัมภเวสี” ที่อุตส่าห์เปลี่ยนชื่อเป็น “Tony Woodsome” หรือ “ทักษิณ  ชินวัตร” จาก "Clubhouse" ที่ออกมาปูดว่า “ไทยมีวัคซีนเข้ามาแล้วแม้จะไม่เยอะ” ก็ตาม แต่แล้ว “นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม” เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ก็ออกมายืนยันว่า ได้ตรวจสอบจากด่านอาหารและยาแล้ว ยืนยันไม่พบมีการนำเข้าวัคซีนไฟเซอร์แต่อย่างใด รวมทั้งยังได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงจากบริษัทผู้ผลิตแล้วก็พบว่าไม่จริงเช่นกัน!!! และเวลาต่อมา “ฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด” ก็ออกแถลงการณ์ โดยระบุว่า ไม่มีนโยบายจัดจำหน่ายวัคซีนโควิด-19 ผ่านตัวแทนหรือตัวกลางใดๆ ทั้งนี้ จนถึงปัจจุบันไม่เคยมีการนำเข้าวัคซีนโควิด-19 ผ่านสำนักงานในประเทศไทยแต่อย่างใดทั้งสิ้น...๐

ชัดแจ้งแจ่มว้าวกันไปเลยไหมว่า “สันดานคน” นั้นไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีต่อกี่ปีก็ยังเหมือนเดิม “ตอแหล” เพื่อเอาเสียงเชียร์ เอาสมัครพรรคพวก  เหมือนที่เคยบอก “สาวกเสื้อแดง” เมื่อปี 2553 ว่าจะมาเดินนำหน้าหากเกิดการสลายการชุมนุม หรือแม้แต่ “เหมืองเพชรเหมืองพลอย” ที่แอฟริกาใต้ ทุกวันนี้เคยเอากลับมาพูดอีกไหม แล้วก็เชื่อหัวไอ้เรืองเถอะผ่านไปอีก 1-2 ปี บริษัทเทคโนโลยีโควิดที่ “อังกฤษ” ก็จะเงียบหายไปกับสายลมอีกเช่นกัน...๐ พูดถึงเรื่อง “โควิด” จะไม่พูดถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและเยียวยาของรัฐบาลที่ออกมาแพ็กเกจใหญ่ไม่ได้ เพราะมาครบทั้ง โครงการบัตรสวัสดิการคนจน, เราชนะ, คนละครึ่ง, ม.33 เรารักกัน  รวมทั้งโครงการใหม่ถอดด้ามอย่างโครงการ “ยิ่งใช้ ยิ่งได้”  ซึ่งเรียกว่าเอาใจทุกกลุ่มอย่างแท้จริง เพราะงานนี้ครอบคลุมทั้งคนจน มนุษย์เงินเดือน คนชั้นกลางและผู้มีฐานะ...๐

แต่ก็ดูเหมือนเริ่มมีการตั้งข้อสังเกตและการเปรียบเทียบกันแล้ว เพราะ ดูเหมือน “วงเงิน” ที่จัดสรรให้มันลักลั่นกันเหลือเกิน โดยเฉพาะกรณี ม.33 เรารักกันที่จะให้เพียง 2 พันบาท ในขณะที่โครงการยิ่งใช้ ยิ่งได้ กลับให้ไปถึง 7 พันบาท แล้วที่ “สภากาแฟ” ข้องใจอย่างมาก คือโครงการนี้ให้ใช้ในเดือนสิงหาคม!!! หมายความว่า “ระลอก 3” ครานี้จะยาวไปถึง ส.ค.เชียวเหรอ เพราะยิ่งมาเห็นการตั้ง รพ.สนามที่บางกอกอารีนาจำนวน 5,000 เตียง ก็ยิ่งทำให้เกิดอาการปริวิตกกันไปทั่วถ้วน โดยเฉพาะบรรดาแมลงเม่าในตลาดนั่นแล...๐

ทิ้งท้ายด้วยข่าวปิดจ๊อบแบบเบ็ดเสร็จเสียที สำหรับกรณี “ร.อ.ธรรมนัส  พรหมเผ่า” รมช.เกษตรและสหกรณ์จากคดีขน “แป้งมัน” เข้าออสเตรเลีย ที่เจ้าตัวบอกในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าไม่ผิดรัฐธรรมนูญ  และความเป็นรัฐมนตรีและ ส.ส.ไม่สิ้นสุดลง โดยให้เหตุผลชัดแจ้งอย่างยิ่งว่ากฎหมายประเทศใดก็เป็นองค์ความผิดของประเทศนั้น จะนำมาข้ามฟากข้ามโลกไม่ได้ ซึ่งก็ถือว่าชัดแจ้ง แต่ดูเหมือน “ก้าวไกล” จะไม่ถูกใจสิ่งนี้ แหม! ก็ดันมาเชื่อมือ “กฎหมาย” จากสำนักฝรั่งเศสที่มั่วมาตลอดก็ต้องทำใจนั่นแล...๐.

…ท.ศักดิ์