‘กวิ้น’ยอมไม่แตะสถาบัน!


เพิ่มเพื่อน    

 ทนายเผย “กวิ้น-รุ้ง-แอมมี่” รับเงื่อนไขประกันตัวเหมือน “สมยศ-ไผ่” ขณะที่ “ดีอีเอส” ตั้งทีมจับตากลุ่มย้ายประเทศ  หลังมีร้องเรียนสร้างความแตกแยก-หมิ่นสถาบันฯ "สิระ" แฉมีคนกลุ่มหนึ่งที่อยากย้ายประเทศจนตัวสั่น ก็คือบรรดาแกนนำม็อบที่ออกมาก่อความวุ่นวาย ทำลายประเทศ แต่สุดท้ายที่เปิดกว้างต้อนรับอยู่คือเรือนจำ

    เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2564 นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมที่ศาลจะมีการไต่สวนคำร้องขอปล่อยชั่วคราวของนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน, น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง และนายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือแอมมี่ เดอะบอตทอมบูลส์ ในวันที่ 6 พ.ค.นี้ ว่าในวันนัดไต่สวนเราก็จะไต่สวนให้ศาลเห็นว่าจำเลยคดีนี้เป็นคดีเดียวกับนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข และนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน ที่ได้ประกันไปก่อนหน้านี้ จึงสมควรได้รับการประกันตัวเช่นกัน
     "เรายอมรับในเงื่อนไขที่ศาลเคยออกข้อกำหนดไว้กับนายสมยศและนายจตุภัทร์ คือห้ามมิให้จำเลยทั้งสองทำกิจกรรมที่จะทำความเสื่อมเสียต่อสถาบันฯ ห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักรเว้นได้รับอนุญาต และให้มาศาลตามนัด ซึ่งตนได้แจ้งลูกความทั้งหมดแล้ว ทุกคนบอกว่าถ้าเงื่อนไขแบบนายสมยศกับนายจตุภัทร์ทุกคนรับได้ จากนี้เมื่อถึงเวลาไต่สวน จำเลยก็จะยืนยันเกี่ยวกับเรื่องปฏิบัติตามเงื่อนไขให้ศาลได้ฟังเอง โดยหลักทรัพย์ที่เราเตรียมไว้เป็นเงินสดคนละ 2 แสนบาท" นายกฤษฎางค์กล่าว
    ส่วนเพจ "แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม" โพสต์ข้อความว่า "พร้อมไปด้วยกันมั้ย? 6 พ.ค.นี้ เราจะไปยื่นจดหมายล่ารายชื่อราชอยุติธรรม (สามารถลงชื่อได้ที่ : shorturl.at/kqrAI) ต่ออธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา เวลา 11.00 น. ศาลอาญารัชดาฯ เพื่อยืนยันในหลักการ presumption of innocent และหลักการสิทธิการประกันตัว ตามมาตรา 29 วรรค 2 ในรัฐธรรมนูญ เรียกร้องสิทธิการประกันตัวให้นักโทษทางการเมืองที่ถูกขังอย่างไม่เป็นธรรม เรามิได้ไปกดดันศาล เราเพียงแค่ไปยืนยันในหลักการและเรียกร้องสิทธิการประกันตัวที่ทุกคนพึงควรได้รับเท่านั้น มาร่วมยืนยันในหลักการให้ศาลตัดสินด้วยความ “ยุติธรรม” เจอกัน ณ ศาลอาญารัชดาฯ #ราชอยุติธรรม #ปล่อยเพื่อนเรา"    
    วันเดียวกัน นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวถึงกลุ่มเฟซบุ๊ก “ย้ายประเทศกันเถอะ” ที่กำลังเป็นกระแสในสังคมออนไลน์ขณะนี้ว่า กระทรวงดีอีเอสได้รับการร้องเรียนถึงความเคลื่อนไหวของกลุ่มดังกล่าวมาเช่นกัน โดยผู้ร้องเรียนระบุว่า มีเนื้อหาสร้างความแตกแยกสร้างความเกลียดชัง และยังมีการแสดงความคิดเห็นเข้าข่ายหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วย อย่างไรก็ตาม เท่าที่ติดตามเบื้องต้นพบว่า เนื้อหาส่วนใหญ่เป็นไปในเชิงแนะแนวการศึกษา และแนะนำแนวทางประกอบอาชีพในต่างประเทศ ซึ่งจริงๆ เป็นเรื่องที่ดี และหน่วยงานภาครัฐเองมีการให้ข้อมูล และให้การสนับสนุนผู้ที่มีความพร้อมมาโดยตลอดอยู่แล้ว ทั้งในแง่การไปศึกษาต่อในต่างประเทศ ทั้งกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และกระทรวงการต่างประเทศ เช่นเดียวกับการประกอบอาชีพที่มีกระทรวงแรงงานเป็นผู้กำกับดูแล
    “เท่าที่ติดตามหลายๆ โพสต์ก็เป็นเรื่องแนะแนวการศึกษาและการใช้ชีวิตในต่างประเทศ ที่แฝงด้วยประเด็นทางการเมือง โดยเฉพาะสมาชิกกลุ่มบางคนที่หลบหนีอยู่ในต่างประเทศก็มีพฤติกรรมชังชาติอยู่แล้ว ก็มีวัตถุประสงค์แอบแฝงเพื่อสร้างความแตกแยกและหมิ่นสถาบันเบื้องสูง กระทรวงดีอีเอสมีคณะทำงานเพื่อตรวจสอบและติดตามการกระทำความผิดในสังคมออนไลน์อยู่แล้ว ก็ได้กำชับไปให้ตรวจสอบดูว่ามีเนื้อหาที่ผิดกฎหมายหรือไม่ หากพบก็จะดำเนินการทางกฎหมายอย่างเด็ดขาด” นายชัยวุฒิ ระบุ
    รมว.ดีอีเอสกล่าวด้วยว่า หากเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการศึกษาหรืออาชีพในต่างประเทศ รัฐบาลคงไม่ปิดกั้น เพราะถือเป็นสิทธิเสรีภาพของบุคคลที่ได้รับการคุ้มครองโดยรัฐธรรมนูญ แต่มีความเป็นห่วงในบางข้อความที่ไม่เหมาะสม อาทิ การแนะนำวิธีลักลอบเข้าเมือง หรือการอาศัยอยู่เกินกำหนดอย่างผิดกฎหมายหรือที่เรียกว่าโดดวีซ่า ถือเป็นเรื่องไม่เหมาะสม และอาจจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รวมถึงการพิจารณาให้วีซ่าคนไทยของประเทศปลายทางในอนาคตด้วย ที่สำคัญยังเป็นห่วงว่ากลุ่มดังกล่าวอาจเป็นช่องทางของขบวนการมิจฉาชีพที่ใช้สังคมออนไลน์หลอกลวงให้มีการไปทำงานต่างประเทศที่ระบาดอย่างหนักในระยะหลัง โดยทราบจากสถิติของกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ว่าช่วงปี 2561-2563 ได้รับเรื่องราวร้องทุกข์เกี่ยวกับการหลอกลวงไปทำงานต่างประเทศแล้วมากกว่า 1,500 เรื่อง ดังนั้นผู้ที่สนใจควรศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน ไม่หลงเชื่อขบวนการเหล่านี้
    ขณะที่นายสิระ เจนจาคะ สส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นสิทธิส่วนบุคคล ถ้าคุณมีความสามารถพอที่จะไปทำมาหากิน หาคู่ครองเป็นชาวต่างชาติ หรือศึกษาต่อที่ต่างประเทศอย่างถูกกฎหมาย ไม่ใช่ไปเป็นโรบินฮู้ด หลบๆ ซ่อนๆ จนต้องกลายเป็นปัญหาของสถานทูต ก็ไม่ได้มีใครบังคับให้อยู่ในประเทศไทยต่อ แต่นักการเมืองบางคนแค่ต้องการปั่นกระแสตรงนี้มาโจมตีการทำงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่าทำให้ประเทศไทยไม่น่าอยู่ ตนก็อยากจะให้ย้อนไปถามนักการเมืองหลายคนที่มีภรรยาเป็นชาวต่างชาติ ทั้งมาจากประเทศฝรั่งเศส อินโดนีเชีย ซึ่งสามารถย้ายขอสัญชาติไปเป็นพลเมืองของประเทศนั้นๆ ได้ แต่ทำไมถึงต้องพาภรรยามาอยู่ที่ประเทศไทย
         เขายังกล่าวถึงกรณีที่เพจ Embassy of Sweden in Bangkok หรือเพจสถานทูตสวีเดนประจำประเทศไทย ออกมาโพสต์เชิญชวนว่าสวีเดนอาจเป็นจุดหมายปลายทางที่ดีสำหรับคนอยากย้ายประเทศ ว่าประเทศสวีเดนมีประชากรน้อย เขาต้องการแรงงานจำนวนมาก เลยต้องการเอาคนที่มีไอคิวสูงๆ ไปทำประโยชน์ให้กับประเทศเขา เพื่อเสียภาษีกว่า 51% จากแรงงาน
         “ตอนนี้มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่อยากย้ายประเทศจนตัวสั่น ก็คือบรรดาแกนนำม็อบที่ออกมาก่อความวุ่นวาย ทำลายประเทศ จึงต้องการย้ายเพื่อหนีคดีที่ยาวเป็นหางว่าว แต่ไม่มีที่ไหนในโลกเขาต้อนรับ สุดท้ายน่าจะมีที่หนึ่งที่เปิดกว้างต้อนรับอยู่ ก็คือเรือนจำ ที่กำลังรอให้พวกคุณเข้าไปชดใช้กรรม” นายสิระกล่าว
    นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รักษาการหัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom ระบุว่า #ย้ายประเทศหรือ ThailandFirst มีคนกลุ่มหนึ่งสร้างกระแสย้ายประเทศในช่วงเวลานี้ โดยส่วนตัวนั้น ไม่แปลกครับ เพราะการย้ายประเทศ เกิดกับคนทุกชาติทุกภาษา ถ้าเขาคิดว่า มีโอกาสที่ดีกว่า แต่ถ้าการย้ายประเทศนั้น เกิดจากอคติ พื้นฐานความคิด "ชังชาติ" แสดงว่าเขากำลังคิดผิด เพราะคนที่สร้างกระแสเกลียดชังแผ่นดินเกิด ด่าว่ากะลาแลนด์ ไม่สำนึกในแผ่นดิน คนที่คิดแบบนี้อยู่ที่ไหนก็มีปัญหา
    ยังยืนยันว่า การที่ประเทศใดๆ จะพัฒนาให้ล้ำหน้าได้ สิ่งหนึ่งที่รัฐบาลประเทศนั้นต้องปูพื้นฐาน นั่นคือสร้างความรู้สึกของความรักชาติรักแผ่นดินให้กับประชาชน ไม่มีประเทศไหนในโลกที่เอาแต่ด่าประเทศแล้วประเทศจะเจริญ ใครคิดว่าตนเองร่ำเรียนมา มีการศึกษาดี สติปัญญาเหนือคนอื่น มีโอกาสดีกว่าลูกหลานชาวไร่ชาวนา ไม่สำนึกในภาษีประชาชนที่สร้างมหาวิทยาลัยให้เรียน
    "อยากจะย้ายประเทศ ผมขอ "เชิญ" ตามสบาย แต่อย่ามาด่าประเทศไทย ประเทศไทยของเรา แค่จัดการนักการเมืองชั่ว อาจารย์เลว ไล่ NGO ที่มาปลุกปั่น เข้มงวดในกฎหมาย ให้โอกาสคนที่รักชาติรักแผ่นดิน ได้มาเปลี่ยนแปลง สร้างสำนึกภูมิใจในชาติ ไม่กี่ปีประเทศจะไปได้ไกลมากกว่านี้แน่" นพ.วรงค์ระบุ
    ด้าน นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เผยว่า แนวคิดย้ายประเทศกันเถอะ          เคยเกิดเมื่อหกสิบปีที่แล้ว ในยุคของเผด็จการทหารสฤษดิ์-ถนอม-ประภาส คนจบแพทย์มากกว่า 90% มุ่งหน้าไปใช้ชีวิตที่อเมริกากันทั้งนั้นครับ เพราะพวกเขามีความเห็นว่า โอกาสของชีวิตที่อเมริกา ดีกว่าในประเทศไทยเยอะมาก
    ส่วนนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ระบุว่า บทสัมภาษณ์ของผู้ก่อตั้งกลุ่มน่าสนใจอยู่ช่วงตอนหนึ่ง คือประเทศไทยทุกวันนี้ ผู้นำไม่ให้ตั้งคำถาม ไม่ให้เสนอความเห็น ไม่ให้สู้เรียกร้องอะไรเลย จะดึงดันพาประเทศเดินไปตามความคิดของตัวเอง ที่สวนกับความเป็นสากลโลก วัฒนธรรมยัดเยียดความคิดที่กดทับไว้ว่าประเทศไทยดีที่สุด กำลังถูกทำลายลงจากการเปรียบเทียบผ่านข้อมูลที่ไหลเป็นเขื่อนแตกในกลุ่มสนทนาที่ว่า ประเทศเราตอนนี้ ยังห่างไกลจากประเทศพัฒนาแล้วในอีกหลายๆ ด้านเหลือเกิน
    "ทางออกของเรื่องนี้ จริงๆ แล้ว คนหกแสนกว่าคนไม่ควรต้องย้ายออกนอกประเทศหรอกครับ เอาคนแบบพลเอกประยุทธ์และคณะออกไป" นายรังสิมันต์ระบุ.
 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"