กฟผ. ลั่นงานพัฒนาโรงไฟฟ้าตามแผน'พีดีพี' คืบหน้า


เพิ่มเพื่อน    

4 พ.ค. 2564 - นายประเสริฐศักดิ์ เชิงชวโน รองผู้ว่าการพัฒนาโรงไฟฟ้าและพลังงานหมุนเวียน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินงานพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้า ตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2561 - 2580 ฉบับปรับปรุง ครั้งที่ 1 (PDP2018 Revision 1) ที่ให้ความสำคัญกับความมั่นคงของระบบไฟฟ้าในรายภูมิภาค โดยแต่ละภาคจะต้องมีแหล่งผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าหลักที่เพียงพอกับความต้องการใช้ไฟฟ้าของภาคครัวเรือนและภาคเศรษฐกิจ เป็นที่พึ่งพาและสอดรับกับระบบไฟฟ้าในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานหมุนเวียนอย่างยั่งยืนในอนาคต และช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิดคลี่คลาย ก่อให้เกิดการจ้างงานในประเทศเพิ่มขึ้น สำหรับโครงการที่ กฟผ. ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับระบบไฟฟ้าทั้ง 4 ภาค มีความคืบหน้า ดังนี้

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กฟผ. มีการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้น ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนสิรินธร ขนาด 45 เมกะวัตต์ มีความคืบหน้าในภาพรวม ณ สิ้นเดือนเม.ย. 2564 ที่ 93.30% และมีกำหนดจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (ซีโอดี) ประมาณปลายเดือนมิ.ย. 64 นอกจากนี้ยังมี โครงการโรงไฟฟ้าน้ำพองทดแทน ขนาดกำลังผลิต 650 เมกะวัตต์ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณารายงานศึกษาความเหมาะสมของโครงการ  จากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) และการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) เสนอคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) คาดว่าจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติโครงการภายในเดือนธ.ค. 64

ขณะที่ภาคกลาง โครงการโรงไฟฟ้าพระนครใต้ (ส่วนเพิ่ม) ขนาด 2,100 เมกะวัตต์ และ โครงการโรงไฟฟ้าพระนครเหนือ ระยะที่ 1 ขนาด 700 เมกะวัตต์ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาจากกระทรวงพลังงาน กกพ. และสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ในเรื่องรายงานศึกษาความเหมาะสมของโครงการ โดยโครงการโรงไฟฟ้าพระนครใต้ (ส่วนเพิ่ม) อยู่ในขั้นตอนของการเตรียมจัดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนฯ ครั้งที่ 3 เพื่อประกอบ
การจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (อีเอชไอเอ) และโครงการโรงไฟฟ้าพระนครเหนือ ระยะที่ 1 อยู่ในขั้นตอนการเตรียมจัดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนฯ ครั้งที่ 2 เพื่อประกอบการจัดทำรายงานอีไอเอ

ส่วนภาคใต้ โครงการโรงไฟฟ้าสุราษฎร์ธานี ชุดที่ 1 - 2 ขนาดกำลังผลิต 1,400 เมกะวัตต์ และ ภาคเหนือ โครงการโรงไฟฟ้าแม่เมาะทดแทน เครื่องที่ 8 - 9 ขนาดกำลังผลิต 600 เมกะวัตต์ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของ กกพ. และ สศช. ในเรื่องรายงานศึกษาความเหมาะสมของโครงการ พร้อมกันนี้ กฟผ. อยู่ระหว่างจัดทำรายงานอีไอเอ ของโครงการโรงไฟฟ้าสุราษฎร์ธานี ชุดที่ 1 - 2 และรายงานอีเอชไอเอ โครงการโรงไฟฟ้าแม่เมาะทดแทน เครื่องที่ 8 - 9 ฉบับสมบูรณ์ เพื่อนำเสนอ กก.วล. ซึ่งคาดว่าจะเสนอ ครม. อนุมัติโครงการโรงไฟฟ้าแม่เมาะทดแทน เครื่องที่ 8 - 9 ภายในเดือนพ.ย. 64 และโครงการโรงไฟฟ้าสุราษฎร์ธานี ชุดที่ 1 - 2 ภายในเดือนมี.ค. 2565         

“กฟผ. ดำเนินการพัฒนาตามนโยบายของรัฐบาล มีทั้งโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนและโรงไฟฟ้าเพื่อความมั่นคงควบคู่กันไป เพื่อให้ช่วงเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานหมุนเวียนในอนาคตเป็นไปอย่างราบรื่นและรักษาความมั่นคงของระบบไฟฟ้าของประเทศ เนื่องจากเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่จะทำให้พลังงานหมุนเวียนเกิดความเสถียร อย่างเช่น แบตเตอรี่ ยังอยู่ระหว่างการพัฒนา ในระหว่างนี้โรงไฟฟ้าหลักเพื่อความมั่นคงจึงต้องเป็นโรงไฟฟ้าพี่เลี้ยงไประยะหนึ่งก่อน อีกทั้งการพัฒนาโรงไฟฟ้านี้จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิดคลี่คลาย ทำให้เกิดการจ้างงาน และส่งเสริมอุตสาหกรรมในประเทศเพิ่มขึ้นอีกด้วย” นายประเสริฐศักดิ์ กล่าว


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"