4 พ.ค.64- นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา’35 แกนนำ กลุ่มไทยไม่ทน สามัคคีประชาชน เพื่อประเทศไทย เปิดเผยว่า จากสถานการณ์วิกฤติโควิด-19ระลอก3ตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมามีผู้แพร่เชื้อและติดเชื้อสะสมจำนวนมาก จำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น จนโรงพยาบาลและเตียงสนามอาจไม่เพียงพอ อีกทั้งวัคซีนก็เลือกฉีดให้กับคนมีอำนาจ ปล่อยให้ประชาชนเฝ้ารอวัคซีนซึ่งไม่รู้ว่าอีกนานกี่เดือนกี่ปีถึงจะได้ฉีด ต่างตกอยู่ในสภาวะจิตตก ห่วงตัวเองและคนในบ้านจะติดเชื้อโควิด และอาจต้องตายด้วยโรคร้ายนี้ ทั้งๆที่ชีวิตที่เป็นอยู่ก็เดือดร้อนแสนสาหัสอยู่แล้วจากปัญหาไม่มีเงินทองใช้จ่ายแต่ต้องมาเจอโรคระบาดอีก เช่นประชาชนในชุมชมคลองเตยที่กำลังทุกข์ยากแสนสาหัส สถานการณ์ขณะนี้จึงเข้าสู่จุดวิกฤติแล้ว
วิกฤติโควิดนั้นสาเหตุสำคัญคือปัญหาการบริหารงานที่ผิดพลาดล้มเหลวของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อันเนื่องมาจากปล่อยปละละเลย มีเอี่ยวรับส่วยไม่ยอมลงโทษจัดการใดๆ คณะรัฐบาลทำงานเช้าไปเย็นกลับ โครงสร้าง ไม่คำนึงว่า วิธีการบริหารจัดการยามวิกฤตโรคระบาดติดต่อร้ายแรงที่ต้องการ แม่ทัพที่เด็ดขาดฉลาดใจกว้าง สามารถระดมสรรพกำลังทุกภาคส่วนมาระงับยับยั้งวิกฤติ พล.อ.ประยุทธ์ควรรีบตั้งคณะกรรมการอำนวยการศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข มีปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นหัวหน้าศูนย์และยังตั้งศูนย์อื่นๆอีกเป็นจำนวนมาก แต่ละศูนย์เมื่อดำเนินการใดๆไปแล้วให้รายงานให้พล.อ.ประยุทธ์ทราบ
“การรวมศูนย์อำนาจไว้ที่พล.อ.ประยุทธ์ซึ่งเป็นผู้อำนวยการศูนย์ศบค.ซึ่งไม่ได้เข้าใจความร้ายแรงของโรคระบาดสายพันธุ์ใหม่ ประกอบกับแพทย์ที่เข้ามาปฏิบัติงานในศบค.และศูนย์ย่อยส่วนใหญ่เป็นผู้เชี่ยวชาญการรักษาโรคทั่วไปของร่างกายคนไข้ ไม่ได้ชำนาญด้านการ”ระบาดวิทยา” ทำให้การกำหนดนโยบาย การบริหารจัดการทั้งการป้องกันและการรักษาไม่เกิดประสิทธิภาพเท่าที่ควร สังเกตหรือไม่ว่าศบค.ไม่สามารถบอกถึงวิธีการระหว่างที่ผู้ติดเชื้อกักตัวเองอยู่ที่บ้าน เพื่อรอรถพยาบาลจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไรในการดูแลตัวเองเบื้องต้น หากปล่อยไว้ไม่แก้ไข ประชาชนก็จะเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อและเสียชีวิตมากขึ้น”
นายอดุลย์ กล่าวว่า การรับมือกับโควิด-19 จำเป็นต้องใช้แพทย์ระบาดวิทยาซึ่งเป็นแพทย์เฉพาะทางเข้ามาช่วยโดยอยู่ในศูนย์ศบค.และศูนย์ย่อยหรือลักษณะอื่นๆที่จะตั้งขึ้นมาเพิ่มเติม สำหรับแพทย์ด้านนี้แบ่งเป็นนักระบาดวิทยาคลินิก ทำงานในโรงพยาบาลกับนักระบาดวิทยาภาคสนาม ทำงานในชุมชน ภาระหลักคือ การเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อ ทำงานสืบสวนสอบสวนโรค อยู่กับโรคและเชื้อโรคแทนการตรวจคนไข้ นักระบาดวิทยาภาคสนามจะหมุนเวียนกันลงพื้นที่ ตรวจจับสัญญาณการระบาดของโรคโควิด-19 และจะพยายามตัดวงจรการระบาดของโรคให้ได้ รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านแพทย์แผนไทย มาร่วมให้คำแนะนำผู้ป่วยที่กักตัวอยู่ที่บ้านที่ยังไม่มีเตียงก็สามารถกินยาแผนไทย หรือยาแผนโบราณไทยตำรับอื่นๆเพื่อเสริมภูมิคุ้มกันในร่างกายก่อนที่จะถึงมือหมอก็บรรเทาอาการหนักให้เป็นเบาได้ และรัฐบาลต้องสนับสนุนแพทย์แผนไทยมาร่วมชี้แนะเพื่อ ยืดชีวิตไว้จนกว่าจะได้รับการรักษา
นายอดุลย์ กล่าวว่า ตลอด 1 ปีเศษที่ผ่านมา แม้ว่าเราจะพอประทังมาได้ แต่การใช้หมอผิดประเภท ทำให้เราเสียโอกาสเศรษฐกิจประเทศพังพินาศเพราะต้องกาฃรยับยั้งโรคระบาด ด้วยมุมมองด้านเดียว ชีวิตของประชาชนจำยอมแบกรับกับรัฐบาลทำผิดพลาดบกพร่อง แต่กลับโทษประชาชนการ์ดตก ด้วยเหตุนี้ตนเห็นว่าญาติผู้เสียชีวิตสามารถฟ้องต่อศาลปกครองเอาผิดกับรัฐให้ชดใช้ค่าเสียหายอันเนื่องมาจากการไร้ประสิทธิภาพของรัฐ ซึ่งรัฐธรรมนูญมาตรา 47 บัญญัติว่า"บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับบริการสาธารณสุขของรัฐ..ย่อมมีสิทธิได้รับการป้องกันและขจัดโรคติดต่ออันตรายจากรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย" และ ป.อาญา มาตรา157 กรณี ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน ซึ่งเป็นการปล่อยปละละเลยให้หน่วยงานของรัฐทุจริตรับส่วยสินบนจากแรงงานเถื่อน บ่อนการพนันและสถานบันเทิงผิดกฎหมายจนเกิดระบาดระลอก 2 และ 3.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |