28 พ.ค.61 - นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อตต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าตรวจพยานหลักฐานคดีนปช.ชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อปี 2552 ว่าคดีนี้เป็นการชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ยุบสภาเมื่อปี 2552 เวลาผ่านมานานพอสมควร เจ้าหน้าที่ตำรวจก็แจ้งข้อกล่าวหาดำเนินการมาถึงชั้นศาล พวกตนร้องขอความเป็นธรรมว่าหลายคนในคดีนี้ถูกแจ้งข้อกล่าวหาซ้ำซ้อนกับกรณีชุมนุมที่พัทยา อย่างนายพายัพ ปั้นเกตุ แกนนำ นปช. ก็โดนคดีที่พัทยา ศาลอุทธรณ์สั่งจำคุกอยู่ระหว่างประกันตัวสู้ชั้นฎีกา พวกตนก็ถูกแจ้งข้อหาทั้งกรณีกระทำในกรุงเทพฯ และพัทยาด้วย จึงทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรมไปยังอัยการสูงสุดว่าเป็นการฟ้องซ้ำหรือไม่อย่างไร เรื่องก็ยังอยู่ในกระบวนการ ยังไม่ทราบข้อยุติ วันนี้ทีมทนายความได้เตรียมบัญชีพยานมาแสดงต่อศาล เราก็จะสู้กันไปตามกระบวนการ
ผู้สื่อข่าวถามว่าที่มองว่าซ้ำซ้อนเพราะอะไร นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เป็นสถานการณ์ชุมนุมเดียวกันกรรมเดียวกัน ถ้าตนถูกฟ้องว่าเป็นแกนนำการชุมนุมที่กรุงเทพฯ แล้ว การชุมนุมดังกล่าวก็มีผลต่อเนื่องไปยังสถานการณ์ที่พัทยาด้วย แล้วที่พัทยายังมีชายฉกรรจ์ใส่เสื้อสีน้ำเงินถือปืนถือมีดอาวุธครบมือมาดักทำร้ายคนเสื้อแดง ก็มีข้อสงสัยว่าได้หยิบยกไปพิจารณาตั้งแต่ชั้นพนักงานสอบสวนหรือไม่ เป็นสาระในการขอความเป็นธรรม
“การชุมนุมในปี 2552 เป็นการชุมนุมโดยสงบสันติปราศจากอาวุธ ไม่มีความรุนแรงใดๆ ในวันที่ 14 เม.ย. พวกผมซึ่งเป็นแกนนำก็ประกาศยุติการชุมนุมด้วยตัวเอง แล้วก็ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีการดูแลพี่น้องประชาชนผู้มาร่วมชุมนุมจนเดินทางกลับจากบริเวณที่ชุมนุมครบถ้วน เราจึงไปมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ นี่ก็เป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจ ส่วนสถานการณ์ที่พัทยาอย่างที่เรียน นัยยะสำคัญที่ทำให้เกิดเหตุการณ์นั้นในพื้นที่ก็คือการปรากฏตัวของชายฉกรรจ์สวมเสื้อสีน้ำเงิน ซึ่งมีหลักฐานชัดเจนทั้งภาพนิ่งภาพเคลื่อนไหว อากัปกิริยาต่างๆ ใครเห็นก็อธิบายไม่ได้ว่าทำไมชายฉกรรจ์นับร้อยคนถืออาวุธครบมือสามารถยืนปะปนกับเจ้าหน้าที่ โดยไม่มีการจับกุมหรือแม้แต่กระทั่งห้ามปรามใดๆ ถ้าหากไม่ปรากฏการกระทำของชายฉกรรจ์กลุ่มดังกล่าว ก็ไม่มีเหตุการณ์ที่กลุ่มคนเสื้อแดงต้องย้อนกลับไปโรงแรมรอยัลคลิปบีช ซึ่งเป็นสถานที่จัดประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน” นายณัฐวุฒิ กล่าว
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อไปว่า เหตุการณ์นี้ทำให้นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง แกนนำนปช.กับพวกเป็นจำเลย เราได้นำไปอธิบายในคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ตั้ง และน่าประหลาดใจคณะกรรมการดังกล่าวหลังตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วก็ไม่เปิดเผยต่อสาธารณชนว่าความจริงเมื่อปี 2552 คืออะไร รัฐบาลนายอภิสิทธิ์แม้เหตุการณ์จะผ่านมาหลายปีแต่ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ ควรเปิดเผยผลสรุปจากการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการชุดดังกล่าวให้สังคมรับทราบสิ้นสงสัย
เมื่อถามว่าการที่นายอริสมันต์นำมวลชนทุบกระจกไม่รุนแรงเกินกว่าเหตุใช่หรือไม่ นายณัฐวุฒิ ว่า การประกาศยุติการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนเกิดก่อนที่นายอริสมันต์จะเดินทางไปถึงโรงแรม ขณะเดียวกันข้อเท็จจริงหลังจากนั้นขณะนี้กำลังอยู่ในการพิจารณาของศาลฎีกา ตนขออนุญาตไม่พูดลึกลงไปเพราะจะก้าวล่วงการใช้ดุลพินิจพิจารณาของศาล แล้วเรื่องชายชุดน้ำเงินยังไม่มีการพูดกันชัดเจน คนที่จะอธิบายเรื่องนี้ดีที่สุดก็คือนายอภิสิทธิ์ เพราะถือผลการตรวจสอบของคณะกรรมการไว้.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |