เมื่อวันที่ 2 พ.ค.64 ที่ผ่านมา นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กำชับให้กระทรวงแรงงานดูแลความปลอดภัยด้านสุขภาพของแรงงาน พร้อมให้ดูแลผู้ประกันตนที่มีจำนวนกว่า 16.5 ล้านคน โดยผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่ได้รับผลกระทบจากการสั่งปิดสถานที่ และสถานประกอบกิจการเป็นการชั่วคราว จะได้รับสิทธิประโยชน์กรณีว่างงาน ตามประกาศกฎกระทรวง เรื่องการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงาน เนื่องจากมีเหตุสุดวิสัยอันเกิดจากการระบาดของโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมาย ว่าด้วยโรคติดต่อ พ.ศ.2563 และลูกจ้างไม่ได้รับค่าจ้างหรือถูกสั่งให้กักตัว มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างรายวัน แต่ไม่เกิน 90 วัน ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการของรัฐบาลที่ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในขณะนี้

นายอนุชา  กล่าวอีกว่า กระทรวงแรงงานดำเนินการตรวจคัดกรองเชิงรุก ผู้ประกันตนทั้งแรงงานไทยและแรงงานต่างชาติ ในพื้นที่ที่มีกลุ่มเสี่ยงจำนวนมากทั้ง5จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ ปทุมธานีนนทบุรี ชลบุรี และเชียงใหม่ ตามมาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด พร้อมประสานงานกับโรงพยาบาลเครือข่ายประกันสังคมในการเตรียมแผนรองรับผู้ประกันตนที่อาจติดโควิด-19 สำหรับผู้ที่ยังไม่แสดงอาการ ซึ่งจะประสานงานให้ส่งตัวไปยังฮอสพิเทล อีกทั้งกำชับให้สถานประกอบการทุกแห่งเฝ้าระวัง ตรวจสอบ คัดกรองโรคโควิด-19 เพื่อร่วมกันป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งนี้ ผู้ประกันตนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่ไม่สามารถหาสถานที่ตรวจโควิด-19 หรือสถานพยาบาลได้นั้นสามารถติดต่อสายด่วน 1506 กด 6