2 พ.ค.2564 เวลา15.35น. ในการอภิปรายออนไลน์ กลุ่มไทยไม่ทน สามัคคีประชาชน เพื่อประเทศไทย นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวว่า จากสถานการณ์โรคโควิด วันนี้เราต่างตกอยู่ในความเสี่ยงด้วยกันทั้งสิ้น มีคนตายวันละ 15-20คน ประชาชน ตัวเล็กตัวน้อย ไม่ว่ารัฐบาลออกมาตรการอะไรมา แม้ต้องกระทบกับชีวิต ความเป็นอยู่ ก็อดทน ให้ความร่วมมือ แต่รัฐบาลปล่อยปละตั้งแต่กรณีสนามมวย บ่อนการพนัน การลักลอบเข้าประเทศของแรงงานต่างชาติ กรณีสถานบันเทิง งานรดน้ำดำหัว สิ่งที่เกิดขึ้น มีใครต้องรับผิดชอบหรือไม่ คนที่เจ็บปวดที่สุดคือประชาชน คนหาเช้ากินค่ำได้รับผลกระทบ ประเทศไทย โชคดี ที่คนไทยให้ความร่วมมือต่อมาตรการโควิด ในส่วนการจัดหาวัคซีน ซิโนแวค เรียกกันสั้นๆ กันตายไม่กันติด ที่ราคาต่อเข็มประมาณ 500กว่าบาท สองเข็มก็ 1พันบาท แต่แอสตร้าซิเนก้า ที่ถูกกว่า แต่คนยังต้องรอไปก่อน ในการเตรียม การจัดหาวัคซีนของรัฐบาลไม่ดี ทำไมไม่รวดเร็ว เหมือนกับการจัดตู้คอนเทนเนอร์ การเตรียมกำลังปราบปรามประชาชน
ยาฟาวิพิราเวียร์ แม้จะมาแล้ว 2ล้านเม็ด กำลังจะมาอีก1ล้านเม็ดในเดือนนี้ แต่ยาบางชนิดที่ใช้แทนยาดังกล่าว หากคนใช้ยานี้ไม่ได้ ยังไม่มีการสั่งนำเข้ามา ทำไมถึงยังไม่สั่งก่อน จะทำให้คนต้องรอ ทั้งรอยา รอความเสี่ยง รอเตียง รอความตายอีกหรือไม่ แพทย์ก็บอก หากกลุ่มผู้เสี่ยง ผู้สูงอายุ ได้ยาก่อน ป้องกันไวรัสลงปอดได้ แต่เมื่อไปถามหมอที่อยู่หน้างาน ระบุว่า กว่าจะขอยาได้ ต้องกรอกเอกสาร เบิกยายากมาก บางคนรอยาจนเสียชีวิต การจัดการแบบนี้ ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง พล.อ.ประยุทธ์ ต้องปรับตัว โลกนี้เป็นโลกแห่งการเปลี่ยนแปลง ควรเร่งอนุมัติให้จ่ายยาโดยเร็ว ยาที่รักษาปอดอักเสบ ก็ไม่มีให้เบิก ไม่ควรปล่อยให้ยาขาด ต้องจัดการได้แล้ว ให้หมอได้เบิกได้ทันเวลา เรื่องแบบนี้ต้องบอก ต้องสอนกันหรือ ในส่วนของการตรวจหาเชื้อ ก็ต้องเร่งตรวจเชิงรุก
“บางคนบอกตายไม่กี่ร้อยคน ติดเชื้อไม่กี่หมื่นคน แล้วมาบอกเป็นผลงานพล.อ.ประยุทธ์ ทั้งที่มีอีกหลายอย่างควรทำ ถ้ามีประสิทธิภาพการทำงานดีกว่านี้ เราจะติดเชื้อน้อยกว่านี้ ถ้าฟังคนรอบข้างคนมีความรู้ ความสามารถ คนจะตายน้อยกว่านี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังมีหลายสิ่งควรทำ แต่ไม่ทำ หลายคนบอก ผมต่อว่ารัฐบาล ด่าอย่างเดียว ไม่ทำอะไร คุณไม่ดูหรือ คนที่ด่ารัฐบาล เจอกับอะไร แบกรับความเสี่ยงอะไรมาบ้าง ทำไมจะด่ารัฐบาลไม่ได้ ถ้าเราเชื่อตรรกะ อย่าพึ่งรัฐบาล พึ่งตนเอง อย่างนั้นประเทศนี้ต้องยกเลิกรัฐบาล ยกเลิกการเก็บภาษี เราหวังว่าเมื่อเสียภาษี รัฐบาลจะใช้ภาษีประชาชนอย่างคุ้มค่า ในการเยียวยาประชาชน รัฐบาลต้องแก้ เรื่องวัคซีน เรื่องยา เรื่องเตียงต้องรีบจัดการ วันนี้ไม่ว่าจะชัง จะชอบ จะเฉยทั้งผมหรือพล.อ.ประยุทธ์ แต่เราต่างอยู่ในความเสี่ยงร่วมกัน ที่ต้องทำในวันนี้คือ ดูแลตัวเอง ส่งสัญญาณไปยังพล.อ.ประยุทธ์ ต้องทำงานให้ดีกว่านี้ เห็นหัวประชาชน เลิกโทษประชาชน ถ้ารัฐบาลมาจากประชาชน เขาจะแคร์ประชาชน แต่พล.อ.ประยุทธ์ รากลึกๆมาจากกลไกล ที่วางเอาไว้ จากการเลือกตั้งที่ทำให้เขาได้สืบทอดอำนาจต่อ มีองค์กรอิสระเป็นนั่งร้าน เลยไม่เห็นหัวประชาชน”นายวิโรจน์กล่าว
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ถึงเวลาที่เราต้องมาสามัคคีกัน ดีใจที่เวทีวันนี้เป็นเวทีทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม เพื่อบอกกับพล.อ.ประยุทธ์ว่า พวกเราไม่ทน ที่จะมีคนชื่อประยุทธ์ เป็นนายกฯ ลำพังพรรคการเมือง ต่อสู้ อภิปรายอย่างไรในสภาฯ ประยุทธ์ ทนได้ ไม่สนใจ ไม่เคยนำพา ไม่เคยนำแนวทางเหล่านั้นมาปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น การจะขจัดเหตุแห่งทุกข์ ประยุทธ์บริหารงาน วิกฤติโควิด การบริหารเศรษฐกิจ บริหารด้านความเชื่อมั่น เห็นประชาชนคนเห็นต่างเป็นศัตรูล้วนล้มเหลว การขจัดเหตุแห่งทุกข์ ต้องเอาเหตุออกไป คือ ประยุทธ์ต้องออกไป ถ้าเรายังทนอยู่กับคนๆนี้ จะมาทำลายระบบสุขภาพที่ดีของเรา หากมีการจัดระบบสุขภาพที่ดีของประเทศ ที่เราเคยได้อันดับที่6 เชื่อมั่นว่า หากจัดอันดับในปีนี้ เราจะไม่ติดอันดับ1ใน25 เราต้องช่วยป้องกันระบบสุขภาพของเรา หากให้ประยุทธ์ บริหารต่อไป ดัชนีชี้วัดของเราจะพังทลาย โดยเฉพาะ การเข้าถึงยาและวัคซีน เป็นตัวชี้วัดที่สำคัญ ยาต้านไวรัส ฟาวิพิราเวียร์ ต้องนำเข้ามา เพราะยานี้ ส่งผลต่อการตายของผู้ป่วยที่ติดเชื้อ
ในส่วนของวัคซีน นายกฯบอกคนไทย50ล้านคน จะได้รับการฉีดวัคซีนในสิ้นปี2564 ถ้าใครทน คนนั้นอาจไม่มีชีวิตที่จะทนว่า ได้ฉีดกันจริงหรือไม่ พี่น้องคนไทยทนทุกข์ จะออกจากบ้านก็ไม่ได้ กลัวว่าจะติดไวรัสโควิด นอกจากนี้การออกคำสั่ง มาตรการต่างๆ ล้วนเป็นเหตุแห่งทุกข์ เป็นคนด้อยความรู้ ความสามารถจากบรรดาผู้นำที่เรามีทั้งหมด เราไม่ควรมีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด นอนรอความตายที่บ้าน ทั้งที่รวบอำนาจทุกอย่างมาจัดการแล้ว ยังปล่อยให้มีคนป่วยนอนตายที่บ้าน อายหรือไม่ การบริหารจัดการล้มเหลว การตั้งศบค.ขึ้นมา แก้ปัญหาได้จริงหรือไม่ ควรยกเลิกได้แล้ว ลำพองผยอง ดึงอำนาจรัฐมนตรี จากกฎหมาย31ฉบับ มาไว้ในมือ แต่อาศัยกฎหมายที่มีอยู่ ก็พอ คงเชื่อว่า รวบอำนาจมาสั่งการที่เดียวคงดีที่สุด แต่ผลงานบอก ไม่ดี การบริหารกระจุกตัว เลยออกคำสั่ง ถ้าโรงพยาบาลไหนตรวจเจอเชื้อ ต้องจัดหาเตียงด้วย มาตรการโง่ๆแบบนี้ ทำให้มีคนตายที่บ้าน ต้องกลับไปทบทวน ศักยภาพเราพร้อมรองรับ ถ้าบริหารจัดการแบบนี้ มาตรวัดที่ออกมาคือ มีประชาชนตาย
การที่ประยุทธ์ ออกไปตอนนี้จะดีกว่า ไม่มีใครมาขวางกั้น เชื่อว่าปลัดที่ขึ้นมาเป็นรักษาการรัฐมนตรี จะทำได้ดีกว่า ประยุทธ์ แน่นอน หลายคนกลัวเปลี่ยนม้ากลางศึก เดี๋ยวแก้ปัญหาไม่ได้ ส่วนความพยายามให้คนไทยมีภูมิคุ้มกัน 50ล้านคน ต้องฉีดให้ประชากรทั้ง 70ล้านคน จะมีภูมิคุ้มกันหมู่ได้ รวมทั้งควรเปิดโอกาสให้มีวัคซีนหลายยี่ห้อ หากเห็นแก่พี่น้อง ชาติบ้านเมือง ควรลาออก เปิดโอกาสให้คนอื่นเข้ามา ความทุกข์ของพวกเรา คือ ถูกปล้นอำนาจ ภาคการเมืองก็เห็นว่า ควรแก้รัฐธรรมนูญ แต่พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ต้องการให้ประเทศนี้ หลุดจากระบอบประยุทธ์ ที่ปกครองโดยประยุทธ์ เพื่อพวกพ้องประยุทธ์ ขอให้ความมุ่งมั่นของพี่น้อง สำเร็จ
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |