'ปริญญา'ร่ายยาวโต้'รมว.อว.'ไม่มีอำนาจสอบอาจารย์ประกันตัวนศ.คดี112


เพิ่มเพื่อน    

2 พ.ค.64-ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊ก Prinya Thaewanarumitkul เรื่อง โต้แย้งรัฐมนตรี การเป็น#นายประกันให้ผู้ต้องหาในคดีอาญาไม่มีความผิด ทั้งทางกฎหมายและทางวินัย เพราะ ผู้ต้องหาและจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา ระบุว่า ตามที่เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) ได้ทำหนังสือถึงอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และมหาวิทยาลัยมหิดล แจ้งว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. “ได้มีบัญชาให้อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดลชี้แจง” เรื่องการ “สอบจรรยาบรรณ” คณาจารย์ 8 คนที่เป็นนายประกันให้นักศึกษาในคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ตามที่ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) ยื่นร้องเรียน (ตามภาพประกอบ) โดยนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า “เป็นการตรวจสอบตามขั้นตอนปกติ ซึ่งหากใครไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมาย ก็ไม่ต้องไปกลัว ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน เมื่อมีคนร้องเข้ามาตนก็สอบถามมหาวิทยาลัยไปตามขั้นตอนเท่านั้น” (จากข่าวที่เผยแพร่ทางสื่อมวลชน)

ผมในฐานะอาจารย์สอนกฏหมาย เห็นว่าหนังสือจากเลขานุการท่านรัฐมนตรีกระทรวง อว. และคำให้สัมภาษณ์ของท่านรัฐมนตรีกระทรวง อว. น่าจะมีความผิดเพี้ยนไปจากรัฐธรรมนูญและกฎหมายในหลายประการ จึงใคร่ขอเสนอความเห็นในทางกฎหมาย เพื่อประโยชน์ต่อสาธารณะในการทำความเข้าใจในเรื่องนี้ ดังต่อไปนี้
1.รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 มาตรา 29 วรรคสอง บัญญัติไว้ว่า “ในคดีอาญา #ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่มีความผิด” หลักนี้เรียกว่า #หลักสันนิษฐานไว้ก่อนว่าบริสุทธิ์ หรือ presumption of innocence ทั้งนี้เป็นไปตาม #หลักการแบ่งแยกอำนาจ เพื่อคุ้มครองสิทธิของประชาชนจากการกล่าวหาฟ้องร้องของฝ่ายบริหารหรือฝ่ายบังคับใช้กฎหมาย โดยให้เฉพาะแต่ฝ่ายตุลาการหรือศาลเท่านั้นที่จะพิพากษาว่า ประชาชนคนใดทำผิดกฎหมายหรือไม่ ซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกฉบับนับตั้งแต่ปี พ.ศ.2492 เป็นต้นมา ล้วนแต่บัญญัติหลักนี้ไว้โดยถ้อยคำเดียวกันนี้ทั้งสิ้น

2.ทั้งนี้ มาตรา 29 วรรคสอง ได้บัญญัติแนวทางปฏิบัติของหลักสันนิษฐานไว้ก่อนว่าบริสุทธิ์ไว้ในประโยคที่สองว่า “#ก่อนมีคำพิพากษาถึงที่สุด อันแสดงว่าบุคคลใดกระทำความผิด #จะปฏิบัติต่อบุคคลนั้นเสมือนเป็นผู้กระทำความผิดมิได้”  นั่นคือเมื่อผู้ใดยังไม่ถูกศาลพิพากษาว่าผิด ผู้นั้นจะถูกปฏิบัติแบบที่ถูกพิพากษาแล้วว่าผิดไม่ได้ แล้วศาลก็ไม่อาจมีคำพิพากษาได้ถ้าไม่ได้มีการพิจารณาคดีโดยรับฟังพยานหลักฐานและการแก้ข้อกล่าวหาของโจทก์จำเลยจนครบถ้วนกระบวนความเสียก่อน  ว่าง่ายๆ คือตามรัฐธรรมนูญมาตรา 29 วรรคสอง ก่อนที่ศาลจะพิพากษาไม่ว่าใครก็ไม่อาจที่จะปฏิบัติกับผู้ต้องหาหรือจำเลยเสมือนเป็นผู้กระทำผิด หรือพิพากษาล่วงหน้าได้ ไม่ว่าจะเป็นตัวศาลเอง หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงใด หรือประชาชนกลุ่มไหน ซึ่งเป็นหลักการที่คุ้มครองผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีอาญา #ทุกคดี และคุ้มครอง #ทุกคน รวมถึงท่านรัฐมนตรีด้วย

3.ตามหลักสันนิษฐานไว้ก่อนว่าบริสุทธิ์นี้ การได้รับการประกันตัว หรือที่ #ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ใช้คำว่า “ปล่อยชั่วคราว” จึงเป็นเรื่องหลัก #การไม่ให้ประกันตัวจึงเป็นเรื่องยกเว้น โดยตามรัฐธรรมนูญมีเหตุที่จะไม่ให้ประกันตัวเพียงเหตุเดียวคือ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการหลบหนีเท่านั้น ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 29 วรรคสามว่า “การควบคุมหรือคุมขังผู้ต้องหาหรือจำเลยให้กระทำได้เพียงเท่าที่จำเป็น เพื่อป้องกันไม่ให้มีการหลบหนี”  ดังนั้น การได้รับการประกันตัวจึงเป็นสิทธิพื้นฐานของผู้ต้องหาและจำเลย ซึ่งตามมาตรา 29 วรรคสามนี้ ถ้าไม่มีเหตุว่าจะหลบหนีก็ต้องให้ประกันตัว ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาจึงบัญญัติเป็นหลักไว้ในมาตรา 107 ว่า “ผู้ต้องหาหรือจำเลย #ทุกคน พึงได้รับอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว” นั่นคือไม่มีใครควรจะต้องติดคุกก่อนศาลพิพากษา และทุกคนต้องสามารถสู้คดีนอกคุกได้

4.ในเมื่อรัฐธรรมนูญอันมีฐานะเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ (มาตรา 5) รับรองว่าผู้ต้องหาและจำเลยยังไม่ใช่ผู้กระทำความผิดจนกว่าศาลจะพิพากษา และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาก็กำหนดให้ผู้ต้องหาและจำเลยทุกคน ไม่ว่าจะต้องข้อหาใด พึงได้รับอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ดังนั้น #การเป็นนายประกันไม่ว่าจะเป็นคดีใด เช่นเดียวกับการเป็นทนายความให้ผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีอาญา ก็ย่อมที่จะ #ไม่มีความผิดแต่ประการใดทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นในทางอาญาหรือในทางวินัย  การที่ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. ให้เลขานุการของท่านทำหนังสือ #บัญชาให้อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดลชี้แจงเรื่องการสอบจรรยาบรรณอาจารย์ที่เป็นนายประกันนักศึกษา จึงเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง สิ่งที่กระทรวง อว.พึงกระทำมากกว่าคือ ทำหนังสือตอบผู้ร้องเรียนท่านรัฐมนตรีว่า การเป็นนายประกันให้นักศึกษาในคดีอาญานั้น ไม่มีความผิดใดทั้งทางอาญาและทางวินัย เพราะนักศึกษาที่เป็นผู้ต้องหายังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ตามรัฐธรรมนูญและมีสิทธิที่จะได้รับการประกันตัว

5.นอกจากนี้แล้ว ตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พ.ศ.2558 มาตรา 5 วรรคสอง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ “#มีฐานะเป็นหน่วยงานในกํากับของรัฐ” เช่นเดียวกับพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยมหิดล พ.ศ.2550 มาตรา 5 วรรคสอง ที่บัญญัติให้มหาวิทยาลัยมหิดล “#มีฐานะเป็นหน่วยงานในกํากับของรัฐ”
รัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. #จึงไม่มีอำนาจบังคับบัญชา มหาวิทยาลัยทั้งสองแห่ง เช่นเดียวกับไม่มีอำนาจบังคับบัญชามหาวิทยาลัยในกำกับอื่นๆ ทั้งหมดด้วย โดยตามพระราชบัญญัติอุดมศึกษา พ.ศ.2562 รัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. มีอำนาจเพียงแค่ “#ควบคุมกำกับ” คือกำกับดูแลหรือควบคุมมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐเพียงให้เป็นไปตามกฎหมายเท่านั้น

#โดยสรุป ผมขอเรียนท่านอธิการบดีทั้งสองมหาวิทยาลัยว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว.ไม่มีอำนาจบัญชาในเรื่องการสอบจรรยาบรรณของอาจารย์ที่เป็นนายประกันให้นักศึกษา เพราะนักศึกษายังเป็นผู้บริสุทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ และมีสิทธิได้รับการประกันตัวตามกฎหมาย อาจารย์ที่ไปประกันตัวจึงไม่มีความผิดให้ต้อง “สอบจรรยาบรรณ” แต่อย่างใด หนังสือจากเลขานุการรัฐมนตรีฉบับนี้จึงเป็นการใช้อำนาจที่เกินเลยไปจากรัฐธรรมนูญและกฎหมาย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และมหาวิทยาลัยมหิดลจึงควรที่จะทำหนังสือให้กระทรวง อว.ต้องชี้แจงว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว.มีอำนาจอะไรจึงมี “บัญชา” เช่นนี้ได้

ทั้งนี้ ไม่ใช่เพียงเพื่อปกป้องอาจารย์ที่เป็นนายประกันให้นักศึกษาเท่านั้น แต่ยังเป็นการ #ปกป้องสถานะการเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับ ว่าไม่ใช่หน่วยงานใต้บังคับบัญชาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. ดังที่ท่านรัฐมนตรีเข้าใจครับ

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"