2 พ.ค. 2564  ศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ระบุว่า  สถานการณ์ทั่วโลก 2 พฤษภาคม 2564...
พรุ่งนี้คาดว่าอาร์เจนติน่าจะเกินสามล้าน เป็นประเทศที่ 11

เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่มถึง 790,576 คน รวมแล้วตอนนี้ 152,782,404 คน ตายเพิ่มอีก 12,492 คน ยอดตายรวม 3,205,542 คน

5 อันดับแรกที่มีจำนวนติดเชื้อต่อวันสูงสุดยังคงเดิมคือ อินเดีย บราซิล อเมริกา ตุรกี  และฝรั่งเศส

อเมริกา เมื่อวานติดเชิ้อเพิ่ม 41,489 คน รวม 33,145,463 คน ตายเพิ่ม 657 คน ยอดเสียชีวิตรวม 590,700 คน อัตราตาย 1.8% 

อินเดีย ติดเพิ่มมากถึง 392,562 คน รวม 19,549,656 คน ตายเพิ่ม 3,688 คน ยอดเสียชีวิตรวม 215,523 คน อัตราตาย 1.1% 

บราซิล ติดเพิ่ม 60,013 คน รวม 14,725,975 คน ตายเพิ่มถึง 2,150 คน ยอดเสียชีวิตรวม 406,437 คน อัตราตาย 2.8% 

ฝรั่งเศส ติดเพิ่ม 25,670 คน ยอดรวม 5,642,359 คน ตายเพิ่ม 192 คน ยอดเสียชีวิตรวม 104,706 คน อัตราตาย 1.9%

ตุรกี ติดเพิ่ม 28,817 คน รวม 4,849,408 คน ตายเพิ่ม 373 คน ยอดเสียชีวิตรวม 40,504 คน อัตราตาย 0.8%

อันดับ 6-10 เป็น รัสเซีย สหราชอาณาจักร อิตาลี สเปน และเยอรมัน ส่วนใหญ่ติดกันหลักพันถึงหลายหมื่นต่อวัน 

แถบอเมริกาใต้ ยุโรป เอเชีย อย่างโคลอมเบีย เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ ยูเครน แคนาดา รวมถึงบังคลาเทศ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เนปาล ญี่ปุ่น และมาเลเซีย ยังติดกันเพิ่มหลักพันถึงหลักหมื่น 

เนปาลตอนนี้เป็นระลอกสาม ขึ้นเร็วกว่าระลอกสอง เริ่มมาตั้งแต่ต้นเมษายน ล่าสุดติดเพิ่มไปวันเดียวกว่า 5,700 คน ยอดรวมตอนนี้สูงถึง 328,893 คน

แถบสแกนดิเนเวีย บอลติก และยูเรเชีย ก็มีการติดเชื้อเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่หลักร้อยถึงพันกว่า 

แถบตะวันออกกลาง ประเทศส่วนใหญ่ยังติดเพิ่มหลักพันถึงหลักหมื่นอย่างต่อเนื่อง 

เกาหลีใต้ และกัมพูชา ติดเพิ่มหลักร้อย ส่วนจีน ออสเตรเลีย เวียดนาม และสิงคโปร์ ติดเพิ่มหลักสิบ ในขณะที่ฮ่องกงติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ

...ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั่วโลกติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นไปถึงเกือบ 5.8 ล้านคน มากกว่าสัปดาห์ก่อน 1% 

ตายเพิ่มไปอีกกว่า 94,000 คน มากกว่าสัปดาห์ก่อนถึง 8% ตัวเลขนี้เป็นสัญญาณไม่ดี เพราะอาจบ่งถึงทั้งเรื่องความรุนแรงของโรค และขีดจำกัดของระบบสุขภาพในการดูแลผู้ป่วย 

จำนวนติดเชื้อสูงสุดต่อวันในระลอกล่าสุดของโลกนั้น ตอนนี้มากกว่าระลอกก่อนหน้านี้ตอนปลายปีก่อนถึงต้นปีนี้ ประมาณ 7.1% และอาจมีแนวโน้มสูงขึ้นได้อีกเพราะยังเป็นช่วงขาขึ้น

...การระบาดที่เกิดขึ้นทั่วโลกนั้นรุนแรงมาก ก่อให้เกิดความสูญเสียชีวิตคนจำนวนมาก และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน

หลายต่อหลายประเทศ เวลาเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว มักมีสาเหตุจากปัญหาในกลไกนโยบายสุขภาพ ท่องเที่ยว และเดินทาง หลายประเทศได้ทำการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการทำงาน และปรับเปลี่ยนนโยบายและมาตรการ เพื่อเป็นการแสดงความรับผิดชอบ และกอบกู้ความเชื่อมั่นศรัทธา สร้างความมั่นใจให้กับประชาชน ทั้งนี้เป้าหมายหลักในการปรับเปลี่ยน ก็เพื่อปกป้องสวัสดิภาพและความปลอดภัยในชีวิตของทุกคนในสังคม 

...สำหรับประเทศไทยเรานั้น ตอนนี้ระบาดยังกระจายไปทั่ว

จำเป็นอย่างยิ่งที่เราทุกคนต้องร่วมแรงร่วมใจกัน ป้องกันตนเองและครอบครัวอย่างเต็มที่ 

ออกจากบ้านเท่าที่จำเป็นจริงๆ ใช้เวลาน้อยๆ...

ใส่หน้ากากเสมอ ปิดปากปิดจมูก ใส่สองชั้น ชั้นในเป็นหน้ากากอนามัย ชั้นนอกเป็นหน้ากากผ้า จะป้องกันได้ดีขึ้น...

พกเจลหรือสเปรย์แอลกอฮอล์ติดตัว ใช้ล้างมือบ่อยๆ ทุกครั้งหลังจับต้องสิ่งของสาธารณะ...

ระวังสุขาสาธารณะ ปิดฝาก่อนชักโครก ล้างมือทุกครั้ง และใส่หน้ากากเสมอ...

งดตะลอนท่องเที่ยว พบปะสังสรรค์...

ระวังขนส่งสาธารณะ...

คอยสังเกตอาการตนเองและครอบครัว หากไม่สบาย ควรแยกตัวจากสมาชิกในครอบครัว และรีบไปตรวจรักษา...

ช่วยเหลือแบ่งปันคนที่ทุกข์ยากกว่าเรา ตามสมควร...

สองสัปดาห์นี้สำคัญมาก...
ประเทศไทยต้องทำได้
ด้วยรักและห่วงใย