หากมีสำนึกดี....คงไม่มีวันนี้...ที่ไม่ต้องการ


เพิ่มเพื่อน    

       ตลอดปี 2563 ประเทศไทยของเราต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบกับสุขภาพและเศรษฐกิจอย่างแสนสาหัส ในระลอกแรกเราต้องพบกับการแพร่กระจายที่รุนแรงจากการติดที่สนามมวยและแหล่งบันเทิงย่านทองหล่อ ในตอนนั้นนายกรัฐมนตรีตัดสินใจตั้งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ที่ประกอบด้วยคณาจารย์ทางการแพทย์ผู้มีความเชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยาและระบาดวิทยา ที่ระดมสรรพกำลังช่วยแก้ไขสถานการณ์ด้วยความร่วมมือของบุคลากรทางการแพทย์ ข้าราชการฝ่ายปกครอง ผู้ประกอบการและประชาชน เราก็สามารถเอาชนะไวรัสได้ เราสามารถยับยั้งการแพร่กระจายได้จนถึงระดับที่ไม่มีคนติดเชื้อเลยเป็นเวลาหลายวันติดกัน

            ในขณะที่เรามีมาตรการทางด้านสาธารณสุขเพื่อเอาชนะเชื้อโรคนั้น เราจำเป็นต้องปิดธุรกิจหลายอย่างที่เป็นจุดเสี่ยง ทำให้เกิดผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ แม้รัฐบาลจะมีมาตรการเยียวยาออกมาหลายโครงการ แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะฟื้นเศรษฐกิจ จึงมีเสียงเรียกร้องให้รัฐบาลผ่อนปรนเปิดธุรกิจต่างๆ ด้วยการอ้างว่ากำลังจะอดตายกันแล้ว รัฐบาลจึงมีมาตรการผ่อนปรนออกมาที่ทำให้ธุรกิจต่างๆ พอจะลืมตาอ้าปากได้ เวลานั้นประเทศไทยได้รับความชื่นชมจากประชาคมโลกว่าเราสามารถจัดการกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ดีเยี่ยม มีหลายองค์การจัดอันดับประเทศที่สามารถจัดการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ดีเยี่ยม ปรากฏว่าประเทศไทยติดอันดับ Top 5 ในการจัดอันดับของทุกองค์การ

            แต่แล้วเราก็ต้องเจอกับความเห็นแก่ตัวของคนบางกลุ่มที่ไร้สำนึก คิดแต่จะหาประโยชน์ส่วนตน ไม่คำนึงถึงผลกระทบจากการกระทำของตนเองว่าจะทำให้ประเทศชาติและประชาชนเดือดร้อนเช่นไร ประกอบด้วยนายหน้าที่จะพาแรงงานต่างด้าวเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย ข้าราชการที่เป็นแนวร่วมของนายหน้า นายจ้างที่ไม่เคารพกฎหมาย แล้วเราก็ต้องเจอกับการแพร่ระบาดที่รุนแรงระลอกสองที่มีคนติดวันละหลายร้อยคน และความรุนแรงก็เพิ่มขึ้นอีกจากกลุ่มคนไร้สำนึกอีกกลุ่มหนึ่ง นั่นก็คือคนที่ไปเล่นการพนันในบ่อนต่างๆ และเจ้าของบ่อนที่เห็นแก่ได้ เราจึงต้องเจอกับการระบาดระลอกสอง ที่มีจุดเริ่มต้นที่ตลาดขายอาหารทะเลที่สมุทรสาครซึ่งมีแรงงานต่างด้าวทำงานเป็นจำนวนมาก รวมทั้งคนที่ติดจากการไปเล่นการพนันที่บ่อนในหลายพื้นที่

            ด้วยความสามารถของบุคลากรทางการแพทย์ของเรา และการทำงานของเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เราก็สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้อีกครั้งหนึ่ง ด้วยการกักคนที่อาจจะเป็นผู้แพร่เชื้อไว้ในพื้นที่จำกัด หมอ พยาบาล เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองในระดับต่างๆ ในหลายหน่วยงานได้ทุ่มเทสรรพกำลังแก้ไขสถานการณ์ในระลอกสองนี้ ด้วยการแบ่งพื้นที่จังหวัดต่างๆ เป็นโซนสีแดง สีเหลือง สีเขียว และสีขาว ที่มีมาตรการในการเฝ้าระวังที่แตกต่างกันออกไป แล้วในที่สุดเราก็สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้อีกครั้งหนึ่ง ธุรกิจต่างๆ เปิดได้ การฟื้นฟูเศรษฐกิจเริ่มมีแสงสว่างปลายอุโมงค์ให้เห็น

            เราดีใจกันได้ไม่นาน เราก็ต้องเจอกับการแพร่ระบาดระลอกสาม ครั้งนี้เกิดจากคนทั่วไปประมาทการ์ดตกประการหนึ่ง และเกิดจากกลุ่มคนที่ไม่รับผิดชอบ ไร้สำนึก ไม่มีจิตสาธารณะ หยิ่งยโสอวดดี ไม่ปฏิบัติตามมาตรการที่ ศบค.กำหนด คิดว่าตัวเองแข็งแรง คงไม่ติด หรือคิดว่าติดแล้วคงไม่ตาย และรัฐบาลก็ดูแลค่ารักษาให้ฟรี คนพวกนี้มีทั้งผู้ประกอบการสถานบันเทิงที่เห็นแก่ได้ ไม่กล้าที่จะเข้มงวดกับลูกค้าที่มาใช้บริการ เด็กให้บริการที่มีความโลภ ยินดีทำทุกอย่างตามที่ลูกค้าต้องการ ไม่มีการป้องกันตัวเองแต่อย่างใด และนักเที่ยวที่เต็มไปด้วยตัณหาราคะ แม้ในยามที่เราต้องเสี่ยงกับการระบาดของโรคก็ไม่คิดที่จะยับยั้งชั่งใจ เมื่อไปใช้บริการในสถานบันเทิง ทำทุกอย่างตามที่ตัวเองต้องการ ไม่มีการใส่หน้ากาก ไม่มีการรักษาระยะห่าง ไม่ละเว้นการสัมผัสแบบคลอเคลียนัวเนีย ในที่สุดคนเหล่านี้ก็กลายเป็นพาหะไปติดผู้อื่น เพราะพวกเขาไม่รู้ตัวว่ามีเชื้อที่นำไปติดคนอื่นได้

            พวกเขาต้องทำงานร่วมกับคนอื่น ต้องทำกิจกรรมร่วมกับคนอื่น ทั้งการประชุม การสัมมนา การไปงานบุญ ไปงานเลี้ยง ไปงานศพ ไปงานฉลอง ไปงานแห่ จึงนำเอาเชื้อไปติดคนเป็นจำนวนมากในลักษณะที่เป็น Cluster เป็นหลักสิบหลักร้อย รวมๆ แล้วทำให้จำนวนคนติดเชื้อเพิ่มรายวันเป็นหลักพัน จนเกือบถึง 3,000 เราเริ่มตกใจกันว่าเตียงจะไม่พอ เครื่องมือจะไม่พอ ยาจะไม่พอ รถรับคนไข้จะไม่พอ ต้องรีบหาทางจัดการเพื่อจะควบคุมการแพร่ระบาดครั้งนี้ให้ได้ หลายคนแสดงน้ำใจให้ความช่วยเหลือตามที่สามารถจะช่วยได้ หลายคนทำงานอาสาสมัครช่วยเจ้าหน้าที่ ช่วยคนไข้ เพื่อที่เราจะได้ชนะไปด้วยกัน

            ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่เราไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่เพราะการไร้สำนึกของคนบางกลุ่มบางพวก เราจึงต้องอยู่ในสภาวะเช่นนี้ เป็นสภาวะที่เราไม่ต้องการ ในยามที่เราต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหาของประเทศ ทั้งด้านสาธารณสุขและด้านเศรษฐกิจ แต่ยังมีคนบางคน บางกลุ่ม บางพวก ไม่มีความเป็นคน เอาเรื่องความเป็นความตายของเพื่อนร่วมชาติมาเล่นการเมือง แทนที่จะช่วยกันแก้ปัญหาของประเทศชาติ กลับตั้งหน้าตั้งตาหาประเด็นมาตำหนิรัฐบาล มาด่า มาไล่นายกรัฐมนตรี บางคนไม่พอใจการทำงานของเจ้าที่หน้าที่ก็ก่นด่าแบบไม่มีน้ำใจ ไม่เห็นการทำงานด้วยความเสียสละและทุ่มเทของเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ

            ใครที่ไม่คิดจะช่วยอะไรในยามนี้ อย่างน้อยก็น่าจะหุบปาก หยุดเห่า หยุดปล่อยข่าวลวง หยุดปล่อยข่าวลือ หยุดสร้างความสับสนให้ประชาชน อย่าพยายามด้อยค่าการทำงานของรัฐบาล อย่าลืมว่าหยิกเล็บก็เจ็บเนื้อ หมายความว่าเมื่อคุณพยายามตำหนิการทำงานของนายกฯ มันก็เหมือนคุณตำหนิหมอด้วย เพราะนายกฯ ปรึกษาหมอทุกครั้งที่จะประกาศมาตรการต่างๆ ออกมา หยุดด่า แล้วหันหน้าช่วยกันดีกว่านะคะ.

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"