"ธนาธร-อนาคตใหม่" ลั่น หลังเลือกตั้งมีอำนาจการเมืองภารกิจสำคัญนิรโทษกรรมกลุ่มคนที่โดนคดีการเมืองในยุค คสช. ปลุกประชาชนเลิกกลัวทหาร "ปิยบุตร" พอใจการเอาผิดมาตรา 112 ลดลง การดำเนินคดีผ่อนปรนขึ้น มีทิศทางที่ดีขึ้น อดีตปลัดไอซีทีสายเจ๊หน่อย-อดีตรองเลขาฯ สมช. นั่ง กก.บห.พรรคไพร่หมื่นล้าน
เมื่อวันที่ 27 พ.ค. พรรคอนาคตใหม่ได้ประชุมใหญ่สมาชิกพรรคเพื่อก่อตั้งพรรคและเลือกกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต โดยมีผู้จดจัดตั้งพรรค อาทิ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ, นายปิยบุตร แสงกนกกุล และสมาชิกเข้าร่วมประชุมอย่างคับคั่ง
อย่างไรก็ตาม ก่อนการเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ ปรากฏว่าผู้สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ได้โพสต์โพยรายชื่อกรรมการบริหารพรรคล่วงหน้าก่อนแล้ว ประกอบด้วย 1.หัวหน้าพรรค ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ 2.เลขาธิการพรรค ปิยบุตร แสงกนกกุล 3.รองหัวหน้าพรรค กุลธิดา รุ่งเรืองเกียรติ 4.รองหัวหน้าพรรค ชำนาญ จันทร์เรือง 5.รองหัวหน้าพรรค พงศกร รอดชมภู 6.รองหัวหน้าพรรค รณวิต หล่อเลิศสุนทร 7.โฆษกพรรค พรรณิการ์ วานิช 8.นายทะเบียน ไกลก้อง ไวทยากร 9.เหรัญญิก นิติพัฒน์ แต้มไพโรจน์
ต่อมาผู้โพสต์ได้ลบโพยดังกล่าวออกไปแล้ว เนื่องจากถูกท้วงติงจากผู้สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ว่าไม่เหมาะสม
เป็นที่น่าสังเกตว่า ที่ผ่านมาผู้ยื่นแจ้งจดจัดตั้งพรรคอนาคตใหม่เน้นเรื่องการมีส่วนร่วมของสมาชิกพรรคในการเลือกกรรมการบริหารพรรค แต่กลับปรากฏรายชื่อตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคออกมาก่อนการเลือกของสมาชิกพรรค
ต่อมาในที่ประชุมพรรค สมาชิกพรรคได้ร่วมกันเลือกกรรมการบริหารพรรค โดยมีสมาชิกร่วมประชุมทั้งสิ้น 474 คน ได้มีมติเลือกนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรค ให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ด้วยมติ 473 เสียง และงดออกเสียง 1 เสียง ส่วนตำแหน่งอื่นๆ มีดังนี้ 1.นายปิยบุตร แสงกนกกุล เป็นเลขาธิการพรรค 2.กุลธิดา รุ่งเรืองเกียรติ เป็นรองหัวหน้าพรรคคนที่ 1 3.ชำนาญ จันทร์เรือง เป็นรองหัวหน้าพรรคนที่ 2 4.พล.ท.พงศกร รอดชมภู เป็นรองหัวหน้าพรรคคนที่ 3 5.รณวิต หล่อเลิศสุนทร เป็นรองหัวหน้าพรรคคนที่ 4 6.นิติพัฒน์ ต้มไพโรจน์ เป็นเหรัญญิกพรรค 7.ไกลก้อง ไวทยาการ เป็นนายทะเบียนสมาชิกพรรค 8.พรรณิการ์ วานิช เป็นโฆษกพรรค
ตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคสายภูมิภาค ได้แก่ 1.สุรชัย ศรีสารคาม เป็นกรรมการบริหารพรรคภาคกลาง 2.เยาวลักษณ์ ภักดีประภา เป็นกรรมการบริหารพรรคภาคเหนือ 3.ขัน ภักดีศรี เป็นกรรมการบริหารพรรคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 4.เจนวิทย์ ไกรสินธุ์ เป็นกรรมการบริหารพรรคภาคใต้
ตำแหน่งอื่นๆ ได้แก่ 1.สุนทร บุญยอด เป็นกรรมการบริหารพรรคสายเครือข่ายผู้ใช้แรงงาน 2.วิภาพรรณ วงษ์สว่าง เป็นกรรมการบริหารพรรคสายเครือข่ายเยาวชนรุ่นใหม่ 3.จารุวรรณ ศรัณย์เกตุ และ นิรามาน สุไลมาน เป็นกรรมการบริหารพรรค
โดยหลายรายชื่อเป็นไปตามที่มีการเปิดเผยไว้ก่อนล่วงหน้า โดยรายชื่อที่น่าสนใจมีเช่น นายสุรชัย ศรีสารคาม เป็นอดีตปลัดกระทรวงเทคโนโลยีและสารสนเทศ (ไอซีที) อดีตผู้ว่าฯ นครนายก ในสมัยรัฐบาลเพื่อไทยที่ถูก คสช.สั่งเด้งเข้ากรุ โดยเป็นที่รู้กันว่า มีความสัมพันธ์อันดีกับแกนนำพรรคเพื่อไทยโดยเฉพาะคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รวมถึงนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย
ขณะที่ พล.ท.พงศกร รอดชมภู รองหัวหน้าพรรค ก่อนหน้านี้คืออดีตรองเลขาธิการ สมช. ที่รู้กันดีว่าทำงานใกล้ชิดกับ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการ สมช. จนทำให้ถูกย้ายออกจากรองเลขาธิการ สมช.ในยุค คสช. ไปเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ ส่วนนายชำนาญ จันทร์เรือง เป็นอดีตข้าราชการกองสารนิเทศ กระทรวงมหาดไทย ทำงานอยู่ในกระทรวงมหาดไทยมาหลายสิบปี จนกระทั่งมีการเปิดศาลปกครองเมื่อปี 2542 จึงโอนย้ายไปอยู่ศาลปกครอง ก่อนที่ต่อมาจะเริ่มบทบาทนักวิชาการ นักสิทธิมนุษยชนอยู่ที่เชียงใหม่ เช่น การเคลื่อนไหวกับกลุ่มนักวิชาการมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนในประเด็นต่างๆ โดยเฉพาะการเสนอแนวทางจังหวัดจัดการตนเองเพื่อให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ โดยตรง และก่อนหน้านี้เคยเป็นประธานแอมเนสตี้อินเตอร์เนชั่นแนลประเทศไทยอยู่ช่วงหนึ่ง
ส่วนนายเจนวิทย์ ไกรสินธุ์ เป็นน้องชายนายสิริวัฒน์ ไกรสินธุ์ อดีต ส.ว.นครศรีธรรมราช ที่ใกล้ชิดกับแกนนำเพื่อไทยอย่างนายสุธรรม แสงประทุม ก่อนหน้านี้เคยลงสมัครนายก อบจ.นครศรีธรรมราช ส่วนน.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรค เป็นอดีตผู้ประกาศข่าว Voice Tv
ด้านนายปิยบุตร แสงกนกกุล ว่าที่เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ได้กล่าวถึงอุดมการณ์พรรคตอนหนึ่งว่า เวลาคือสิ่งที่เปลี่ยนแปลง แต่ประเทศที่เกิดความขัดแย้งทางการเมืองและเกิดรัฐประหาร ผู้คนไร้ความหวัง ดูเหมือนไม่มีทางออก ประเทศแบบนี้จะเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่ ซึ่งสิ่งที่เหลืออยู่คือความมุ่งมั่นตั้งใจเปลี่ยนแปลง เห็นว่าถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนแปลงการเมืองไปสู่ระบอบประชาธิปไตย พรรคอนาคตใหม่จึงได้ขัดตั้งขึ้น โดยมีหลัก 3 ประการคือ มุ่งมั่นทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ นำเสนอนโยบายที่ก้าวหน้า และการกระจายอำนาจ ลดความเหลื่อมล้ำ เคารพสิทธิมนุษยชน ที่เน้นหลักรัฐบาลพลเรือนอยู่เหนือทหาร ซึ่งนโยบายของพรรคจะเกิดจากการวิเคราะห์ทางวิชาการ ลงพื้นที่พบปะประชาชน โดยมองพรรคคู่แข่งไม่ใช่ศัตรูทางการเมือง แต่มองเป็นคู่แข่งทางการเมืองเพื่อทำความดีเอาชนะใจประชาชน
นายปิยบุตรกล่าวว่า นอกจากนี้จะต้องขีดเส้นแบ่งการเมืองแบบเก่าและแบบใหม่ หากกลุ่มหรือพรรคใดใช้อำนาจเงินดูด ส.ส. ใช้เงินซื้อเสียง ไม่สร้างสรรค์ ตลอดจนกล่าวหาสาดโคลนใส่กัน มองแต่อำนาจและตำแหน่ง ไม่คำนึงถึงอุดมการณ์ ทั้งหมดคือการเมืองแบบเก่า ซึ่งพรรคอนาคตใหม่ยืนยันว่าไม่ทำงานการเมืองแบบเก่า แต่สุดท้ายประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจ ทั้งนี้ พรรคอนาคตใหม่เป็นพรรคที่ไม่มีกลุ่มหรือบุคคลใดคนหนึ่งเป็นเจ้าของ แต่สมาชิกพรรคทุกคนจะเป็นเจ้าของร่วมกัน ขณะเดียวกันพรรคจะไม่ตั้งอยู่บนความสัมพันธ์แบบเจ้านายลูกน้อง หรือผู้ให้กับผู้รับ แต่มองสมาชิกพรรคทั้งหมดเป็นหุ้นส่วนกัน และมีสิทธิตัดสินใจร่วมกันมีสมาชิกพรรคในทุกจังหวัด
นายปิยบุตรกล่าวต่อว่า พรรคอนาคตใหม่มุ่งทำการเมืองระยะยาว ไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจที่ตั้งขึ้นเพื่อลงเลือกตั้งเป็นครั้งคราว ซึ่งการเลือกตั้งเป็นระบอบประชาธิปไตย และยืนยันว่าพรรคจะทำงานทางการเมืองทั้งฤดูเลือกตั้งและไม่ใช่ฤดูเลือกตั้ง โดยหวังให้มีอำนาจในสภาเพื่อผลักดันนโยบายของพรรคเพื่อลงไปสู่ประชาชน
จากนั้น นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ว่าที่หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า ขอบคุณทุกคนและทุกกำลังใจที่มีส่วนร่วมในการสร้างงานวันนี้ การที่ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ รู้สึกเป็นเกียรติ และถือเป็นความภูมิใจในชีวิต ซึ่งส่วนตัวขอสัญญากับทุกคน ไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร สิ่งสุดท้ายที่จะทำคือทรยศต่ออุดมการณ์ของตนเอง ทั้งนี้ พรรคอนาคตใหม่ได้พูดในสิ่งที่ก่อนหน้านี้ดูเหมือนสังคมไม่พร้อมจะรับฟัง เช่น การไม่เอารัฐธรรมนูญปี 2560 การไม่เอาอำนาจทหาร แต่ขณะนี้ทั้งหมดกลายเป็นความต้องการของทุกคนที่แสดงให้เห็นว่าสังคมไทยยังต้องการการเปลี่ยนแปลง โดยทำให้การเมืองเป็นเรื่องปกติ สร้างสรรค์ และทำให้การปฏิวัติสังคมเป็นเรื่องของการดำเนินชีวิต
นายธนาธรกล่าวว่า ประชาชนเบื่อการเมืองที่เอื้อให้กับคนกลุ่มน้อย และมีการตั้งคำถามจากประชาชนว่า เมื่อไหร่ประเทศจะดีขึ้น แต่ไม่เคยมีคำตอบต่อคำถามดังกล่าว แต่ส่วนตัวตอบได้ว่า โครงสร้างเศรษฐกิจการเมืองนั้น ออกแบบมาเพื่อคนเพียงกลุ่มเดียว ที่ดำเนินการให้ประเทศไม่เกิดความก้าวหน้าและความเปลี่ยนแปลง และไม่ต้องการให้ทำลายเศรษฐกิจการเมืองที่คนบางกลุ่มได้ประโยชน์เพียงฝ่ายเดียว ขณะเดียวกัน ทุกคนคือคนส่วนใหญ่ที่เสียสละให้คนส่วนน้อย ซึ่งคนส่วนใหญ่เหมือนนักโทษที่ถูกจองจำ โดยมีสิทธิเดียวคือการเลือกผู้คุม ดังนั้นถึงเวลาที่ต้องบอกว่าพอกันทีกับการเมืองที่เอื้อให้กับคนส่วนน้อย เพราะทุกคนต้องการการเมืองแห่งความหวัง จึงขอให้ทุกคนร่วมขยับประเทศไทย เพื่อให้มีสิทธิที่พึงมีกลับคืนมาโดยไม่ต้องรอใคร หากความหวังของทุกคนเป็นความหวังเดียวกันกับตนเอง ขอให้ร่วมกันสร้างพรรคนี้ให้เป็นพรรคของทุกคน
"หยุดกลัวและยืนอย่างกล้าหาญ เผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่เป็นธรรม โดยร่วมกันเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่เพื่อส่งต่อสังคมให้ลูกหลานเพื่ออนาคตใหม่ที่อำนาจเป็นของประชาชน" นายธนาธรกล่าว
ขณะที่บรรยากาศในการจัดการประชุมฯ มีประชาชนจำนวนมากเข้าร่วมสังเกตการณ์ในการประชุมครั้งนี้ ตลอดจนมีสมาชิกพรรคขึ้นปราศรัยบนเวทีโจมตีการบริหารงานของรัฐบาล คสช. โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชน ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา รวมถึงได้มีการแสดงวิสัยทัศน์ในด้านต่างๆ ของพรรคอนาคตใหม่ อาทิ นายสุนทร บุญยอด กรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่สายเครือข่ายผู้ใช้แรงงาน, นายธนายุทธ ณ อยุธยา หรือบุ๊ค แรปเปอร์หนุ่มจากชุมชนร่มเกล้าคลองเตยบ้าน สนใจทำเพลงแรปที่มีเกี่ยวกับสังคมและการดำเนินชีวิต ซึ่งทางพรรคอนาคตใหม่ได้เห็นความสามารถ จึงได้เชิญชวนมาร่วมงานประชุมพรรคและโชว์บทเพลง พร้อมกันนี้ได้โชว์ตัวว่าที่กรรมการบริหารพรรค และเปิดไฟฉายแสดงถึงการส่องไฟไปสู่อนาคตใหม่ด้วยกัน
ในช่วงการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน นายธนาธร กล่าวว่า แนวคิดหลักของพรรคอนาคตใหม่ คือการทำงานทางความคิด ไม่ว่าพรรคของตนจะเป็นพรรคฝ่ายค้านหรือรัฐบาล เราสามารถทำงานทางความคิดได้ทั้งสิ้น เพื่อดึงจิตวิญญาณของรัฐธรรมนูญฉบับปี 40 กลับมา สำหรับแนวทางการหาผู้สนับสนุนพรรคนั้น นอกจากการลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาของประชาชนแล้ว เราต้องเผยแพร่อุดมการณ์ของเราให้ประชาชนได้รับทราบด้วยอีกทางหนึ่ง
“ในวันที่เรามีอำนาจทางการเมือง เราจะนิรโทษกรรมกลุ่มคนที่โดนคดีการเมืองในยุค คสช. เพราะเราเห็นว่าคนเหล่านี้คือคนหนุ่มสาวที่มีความฝัน และเป็นประชาชนธรรมดาที่ใช้สิทธิเสรีภาพที่ตนเองพึงมี แสดงออกในการชุมนุม ซึ่งเรื่องเหล่านี้ควรเป็นเรื่องที่ได้รับการรับรองเป็นพื้นฐานของรัฐธรรมนูญ” นายธนาธรกล่าว
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมาพรรคมีกิจกรรมทางการเมือง กลัวหรือไม่ว่าจะเข้าข่ายถูกตัดสิทธิเลือกตั้งครั้งหน้า นายธนาธรกล่าวว่า หากเรากลัว ก็คงไม่ต้องทำอะไรกันเลย สังคมที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ก็เกิดจากความกลัว เราควรจะเลิกกลัวได้แล้ว เมื่อคุณยืนขึ้นหนึ่งคน หรือสิบคน คุณอาจกลัว เมื่อไรก็ตามที่เรายืนขึ้นหนึ่งหมื่นคนเมื่อไร คนที่จะต้องกลัวประชาชนคือ คสช.
เมื่อถามว่า ทางพรรคอนาคตใหม่เตรียมจะหารือร่วมกับ คสช.เกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมสู่การเลือกตั้งในเดือน มิ.ย.นี้หรือไม่ นายธนาธรกล่าวว่า ขอดูเงื่อนไขก่อน หากมีไลฟ์สดผ่านทางเฟซบุ๊กก็จะไป หากไม่มีก็ไป เพื่อเป็นการทำให้ประชาชนเห็นว่าเราคุยอะไรกันบ้าง ซึ่งทางเรายังคงยืนยันเรื่องเดิม คือขอให้มีการจัดการเลือกตั้งให้เร็วที่สุด
ด้านนายปิยบุตรกล่าวถึงแนวคิดการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 ว่า รัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวมีเงื่อนการแก้ยากมากจากเงื่อนไขที่กำหนด อย่างไรก็ตาม พรรคอนาคตใหม่ต้องการปักธงทางความคิด โดยการหารือร่วมกับพรรคการเมืองอื่น ตกลงว่าเราจะแก้รัฐธรรมนูญเพื่อเปิดทางไปสู่การทำรัฐธรรมนูญใหม่เช่นเดียวกับปี 2540 ซึ่งเรื่องดังกล่าวต้องอาศัยการรณรงค์ทางการเมือง เพื่อทำให้คนไทยทั้งประเทศเกิดฉันทามติว่า รัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวไปต่อไม่ได้
"ยืนยันว่า หากเรามีโอกาส วันแรกจะเสนอเรื่องแก้รัฐธรรมนูญทันที โดยเสนอให้ยกเลิกมาตรา 279 ซึ่งเป็นมาตราที่ให้ความคุ้มครองประกาศคำสั่งของคสช.ทั้งหมดให้ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญเสมอ ผลจากมาตรานี้ ทำให้ประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญ 2 ฉบับ พร้อมกัน นั่นคือประกาศของ คสช.กับรัฐธรรมนูญปกติ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติที่จะฟื้นประเทศกลับมาสู่ระบบนิติรัฐ" นายปิยบุตรกล่าว
นายปิยบุตร อดีตนักวิชาการกลุ่มนิติราษฎร์ ยังกล่าวถึงการใช้กฎหมายอาญามาตรา 112 ว่า ระยะหลังจำนวนคดีที่เกี่ยวข้องมาตราดังกล่าวลดลงแล้ว ทิศทางการดำเนินคดีผ่อนปรนมากขึ้น อัยการสูงสุดมีหนังสือระบุชัดว่า อัยการสูงสุดจะเป็นผู้สั่งการ มีคำพิพากษาของศาลหลายคดีที่มีการยกฟ้อง ซึ่งภาพรวมนั้นถือว่ามีทิศทางที่ดีขึ้น.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |