30 เม.ย.64 - นายสิทธิโชติ อินทรวิเศษ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา กล่าวถึงหลักเกณฑ์การปล่อยชั่วคราว กรณียกคำร้องประกันตัวแกนนำกลุ่มราษฎรหลายครั้ง ว่า การปล่อยชั่วคราวตามสิทธิสามารถกระทำได้ตลอด แต่ต้องดู ป.วิ.อาญา เกี่ยวกับเรื่องการอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวว่าก่อนหน้านี้ที่ศาลไม่ให้ประกันเป็นเพราะอะไร เพราะที่ศาลมีคำสั่งให้ประกันก่อนหน้านี้ เพราะว่าเราพิจารณาตามลักษณะภาพและการกระทำของจำเลยแต่ละคนในคดีที่ถูกฟ้องว่าได้กระทำอะไรบ้าง จึงไม่อนุญาต โดยอาศัยหลักตามมาตรา 108/1 ที่ว่าหากให้ประกันแล้ว เกรงว่าจะไปก่อเหตุภยันตรายประการอื่น
“ซึ่งเหตุนี้มีความหมายว่า เป็นเรื่องที่กระทำมาแล้วแล้วจะกลับไปกระทำอีก ส่วนผิดหรือไม่ผิดเอาไว้อีกที ในเมื่อเขาฟ้องมาแล้วว่าคุณทำอย่างนี้ ปล่อยคุณไปก็ไปกระทำอีกอันนี้ ก็เป็นเหตุอันตรายประการอื่นก็ได้ หรือเป็นเหตุอันตรายประการอื่นที่ไม่เกี่ยวกับคดีนี้ คือไปก่อเรื่องอื่นที่ผิดกฎหมาย เรื่องอื่นอันนี้ก็อยู่ในของเขตคำนี้ ศาลก็พิจารณาถึงข้อนี้จึงไม่อนุญาตไป” อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา ระบุ
นายสิทธิโชติ ระบุต่อว่า การขอประกันครั้งต่อไป จึงต้องดูว่าสิ่งที่ศาลไม่อนุญาตเพราะเหตุใด และจำเลยหรือผู้ต้องหาจะสามารถแก้ไขเหตุนั้นหรือทำให้เหตุนั้นมันเปลี่ยนแปลงไปแล้ว เหมือนกรณีของนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ,นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ และนายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม หรือหมอลำแบงค์ ที่ทั้ง 3 ได้แถลงต่อศาลเองว่าจะไม่กระทำแบบเดิม ศาลก็รับเงื่อนไข ซึ่งทั้ง 3 นั้น ในช่วงที่ถูกควบคุมตัวอาจจะไปนั่งคิดพิจารณาขึ้นมาได้ ว่าสิ่งที่ทำลงไปมันไม่ควร จะทำและเข้าใจในคำสั่งศาล ว่าคำว่าไปก่อเหตุภยันตรายประกันอื่นซ้ำในสิ่งที่ถูกฟ้องมา จึงได้มาแถลงต่อศาลเองว่าจะไม่กระทำแบบเดิม มันจึงเป็นเหตุที่ถูกแก้ไข
เมื่อถามว่าทนายความอ้างว่าได้ยื่นคำร้องประกันตัวนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน กับพวก โดยใช้เงื่อนไขเดียวกับ 3 คนก่อนหน้านี้ นายสิทธิโชติ ตอบว่า ไม่ใช่ ในคำร้องที่ยื่นมาเมื่อวันที่ 29 เม.ย.ที่ผ่านมา มันแตกต่างกับ 3 คนที่ได้ประกันตัว ในหลายประเด็น ของ 3 คนนั้น ตัวจำเลยเองเป็นคนลงชื่อในคำร้อง ยืนยันต่อศาลขอให้ศาลทำการไต่สวน และแถลงต่อศาลด้วยตนเอง ว่าจะไม่กระทำลักษณะที่ถูกฟ้องและจะไม่ก่อเหตุร้ายประการอื่น ส่วนข้อกำหนดอื่นก็ให้ศาลสั่ง ซึ่งศาลเองก็ไม่สามารถสั่งอย่างอื่นได้ต้องสั่งตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 108 / 1 ที่ว่าจะไม่ก่อเหตุร้ายประการอื่น ศาลก็จะอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว เพราะจำเลยเป็นคนเสนอเงื่อนไขเองและจำเลยก็เป็นคนแถลงเอง ไม่ใช่ทนายความเป็นคนแถลงแต่ฝ่ายเดียว มันแตกต่างกัน
“ส่วนที่ทนายความยื่นคำร้องเมื่อวาน ทนายยื่นเอง ในเนื้อหาก็ไม่ได้พูดถึงเลย พูดเพียงแต่ว่าให้ศาลกำหนดเงื่อนไขเอา ซึ่งศาลจะไปบังคับเขาก็ไม่ได้ ศาลจะไม่บังคับใคร แต่ว่าหากตัวจำเลยเห็นว่าสิ่งที่ศาลสั่งว่าเกรงจะไปก่อเหตุภยันตรายประการอื่น ที่ศาลก็บอกแล้วว่าที่ไม่ให้ประกันเกรงจะไปกระทำซ้ำในความผิดที่ฟ้อง และจำเลยตัดสินใจจะไม่กระทำแบบนั้นอีกพร้อมยอมรับในกระบวนการยุติธรรมอีกศาลก็จะพิจารณา” นายสิทธิโชติ ระบุ
อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา กล่าวต่อว่า ที่ต้องระบุเรื่องการยอมรับในกระบวนการยุติธรรม เนื่องจากในตอนหลังมีเหตุแทรกซ้อน ในกระบวนการพิจารณาซึ่งศาลได้กระทำตามขั้นตอนถูกต้องทุกอย่าง แต่อยู่ๆ มาบอกว่าไม่เชื่อถือกระบวนการยุติธรรม และขอถอนกระบวนการพิจารณาถอนทนายพร้อมไม่ลงชื่อในรายงานพิจารณา พร้อมกับเอารายงานกระบวนพิจารณาไปเขียนเอง ภายหลังจากที่ศาลลงจากบัลลังก์ไปแล้ว ทั้งที่จริงเเล้วเรื่องนี้อาจจะต้องเข้าข่ายผิดละเมิดอำนาจศาลด้วย แต่ศาลเห็นว่าเราไม่ควรดำเนินคดีอะไรที่ฟุ่มเฟือยเกินไป จึงได้มองแต่เพียงว่าเขาไม่ยอมรับกระบวนการพิจารณาและไม่ลงชื่อในการพิจารณาคดีต่อไป ตรงนี้มันทำให้ขาดความน่าเชื่อถือในสิ่งที่จำเลยยืนยันว่ายินดีที่จะปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ได้เสนอมา ทำให้ศาลไม่เชื่อว่าจะกระทำตามเงื่อนไขได้ ในเคสของ 3 คนในตอนแรกจึงให้ประกันแต่นายปติวัฒน์ ที่ยอมรับกระบวนการพิจารณา ส่วนอีก 2 คนไม่ได้ประกันตัวในครั้งนั้น จนมาภายหลังมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขตั้งทนายและยอมรับกระบวนการพิจารณาตามปกติ จนศาลเชื่อถือว่าปฏิบัติได้ จึงอนุญาตปล่อยนายสมยศและไผ่ ซึ่งเราสั่งไปตามกฎหมาย ไม่ได้มีอะไรแปลกพิสดาร ทุกอย่างมันขึ้นกับข้อเท็จจริงเเบบนี้
“แต่เมื่อวานทนายไม่ได้ยื่นรายละเอียด ว่าเขาจะไม่ทำอะไรบ้างตามที่ศาลเคยสั่งไป สองตัวจำเลยไม่เคยพูดหรือไม่เคยเขียนรายละเอียดอะไรเลย แม้กระทั่งวันที่ออกศาลมาพิจารณาพร้อมกับหมอลำแบงค์ ตัวจำเลยคนอื่นก็อยู่ด้วยกันตลอดจำเลยทั้ง 7 คนที่ยื่นประกันก็ไม่เสนอเงื่อนไขอะไร เงื่อนไขที่อ้างว่าเจ็บป่วยก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ ทางราชทัณฑ์ก็ยืนยันตลอด คือมันไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่ตรง สิ่งเหล่านี้เป็นการสร้างความกดดันต่อความรู้สึกผู้พิพากษา ซึ่งผู้พิพากษาจะต้องทำงานโดยปราศจากความกดดันใดๆ ทั้งสิ้น” อธิบดีผู้พิพากษาย้ำ
เมื่อถามว่าในส่วนที่ข้อเท็จจริงไม่ตรงกันเรื่องความเจ็บป่วยของนายพริษฐ์ จำเลย กับทางราชทัณฑ์จะมีทางพิสูจน์ได้หรือไม่ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา ตอบว่า เห็นว่าตอนนี้ทางฝ่ายผู้ชุมนุม จะไปยื่นคำร้องต่อราชทัณฑ์ขอเข้าไปพบดูอาการและขอหมอมาตรวจอาการเจ็บป่วยจริงหรือไม่ ก็ต้องลองขออนุญาตดูว่าจะใช้หมอจากภายนอกได้หรือไม่ กรณีเราไม่เชื่อถือหมอข้างในของราชทัณฑ์ ตนคิดว่าทางราชทัณฑ์ไม่น่าจะขัดข้อง เราขอพาหมอเข้าไปตรวจสุขภาพ สิ่งนี้มันจะเป็นหลักฐานที่ดีกว่าการกล่าวอ้างลอยๆ สร้างกระแสมากดดันศาล
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |