"สุวพันธุ์" ลั่นดำเนินคดีพระเถระ ยึดพยานหลักฐานไม่มีอคติ "เว็บวัดไทยในลาสเวกัส" เชื่อเจ้าคุณธงชัยหนีอยู่ลอนดอน เหตุมีคนคุ้นเคยทั้ง "ชินวัตร-บิ๊กเลสเตอร์ฯ" อยู่ "กองปราบฯ" เรียกสอบลูกศิษย์คนสนิทโยงพาซุกตัว "ปปป.ตร." ลุยสอบเงินทอนวัดล็อต 4 พบเบื้องต้นเข้าข่ายทุจริตแล้ว 26 วัดทั่ว ปท. วงเงิน 100 ล้านบาท
เมื่อวันอาทิตย์ นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้แทนนายกรัฐมนตรี กล่าวสุนทรพจน์ในโอกาสที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) เป็นเจ้าภาพจัดงานวันวิสาขบูชา วันสำคัญสากลของโลกครั้งที่ 15 ในพิธีฉลองวันวิสาขบูชา วันสำคัญสากลของโลกประจำปี พ.ศ.2561 ตอนหนึ่งว่า รู้สึกและยินดีที่ได้มาร่วมในงานวันวิสาขบูชาวันสำคัญของโลก นายกรัฐมนตรีได้ขอให้ตนกล่าวกับที่ประชุมแห่งนี้ว่า วันวิสาขบูชาเกี่ยวข้องกับวันพระชนม์ชีพของพระพุทธเจ้า เป็นวันประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน ซึ่งคำสอนของพระองค์ได้แผ่ขยายไปทั่วโลก ทำให้เกิดสันติสุข ทำให้ที่ประชุมพระพุทธศาสนาได้ยกย่องให้วันนี้เป็นวันสำคัญของโลก และได้จัดให้ประเทศต่างๆ ได้ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพจัดงาน
นายสุวพันธุ์กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีเชื่อว่าพระธรรมคำสั่งสอนสามารถนำมาเป็นเครื่องมือประยุกต์ ในการประกอบอาชีพ ในด้านสิ่งแวดล้อม ทำให้มนุษย์สามารถอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขในยุคดิจิทัล และการพัฒนามนุษย์อย่างยั่งยืน ในพระพุทธศาสนาจำเป็นต้องพัฒนาให้ครบทั้ง 4 มิติ คือ กาย สติ จิตใจ และปัญญา มนุษย์ที่ได้รับการพัฒนาแล้วจะกลายเป็นผู้ประเสริฐที่สุด
"ในฐานะตัวแทนนายกรัฐมนตรี รวมถึงพุทธศาสนิกชนชาวไทย ขอขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมการประชุมวิชาการครั้งนี้ ขอให้วิถีธรรม เปิดทางสว่าง ทำทางมนุษยชาติให้สามารถมีลมหายใจที่เยือกเย็นและใช้ชีวิตที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองและสังคมสืบไป" รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าว
นายสุวพันธุ์ให้สัมภาษณ์ถึงคดีเงินทอนวัดว่า สิ่งที่รัฐบาลเน้นย้ำคือการให้ความเป็นธรรมและทำตามข้อเท็จจริง ดำเนินการโดยไม่มีอคติใดๆ ทั้งสิ้น และสิ่งที่กำลังดำเนินการในขณะนี้คือ การสอบสวนเกี่ยวกับการใช้งบประมาณของรัฐ โดยเริ่มที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ในส่วนของรัฐบาลจะดำเนินการอย่างเต็มที่ ขณะนี้มีข้าราชการของ พศ.ที่อยู่ระหว่างการสอบสวนและดำเนินคดีทางอาญา 15 คน มี 4 คนถูกไล่ออกจากราชการไปแล้ว
"แต่ละเดือนที่คณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือนของ พศ.มีการประชุม จะมีเรื่องเกี่ยวกับการดำเนินการทางวินัยกับข้าราชการมาพิจารณาในทุกเดือน เรื่องนี้รัฐบาลให้ความสำคัญ เพราะเป็นต้นทางของงบประมาณ จึงต้องการให้เกิดความมั่นใจว่าการใช้จ่ายงบประมาณในส่วนเงินอุดหนุนด้านต่างๆ ได้ถูกนำไปใช้ตามระเบียบและหลักเกณฑ์ที่วางไว้" นายสุวพันธุ์กล่าว
เจ้าคุณซุกลอนดอน
ถามถึงอนาคตจะนำไปสู่การตรวจสอบบัญชีการเงินของพระผู้ใหญ่ เพื่อป้องกันการทุจริตหรือไม่ รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ต้องแยกส่วนกันระหว่างงบประมาณของรัฐที่จะต้องใช้ระบบราชการเข้าไปดำเนินการเช่นที่ดำเนินการอยู่ในขณะนี้ ส่วนเงินบริจาค ตนเชื่อว่าวัดมีการบริหารจัดการและมีระเบียบเงินบริจาคที่ดีอยู่แล้ว
รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า การจัดทำบัญชีของวัด มีการดำเนินการของคณะสงฆ์หลายเรื่องที่มีความเข้มงวด เช่น การทำบุญ การรับเงินบริจาค การปฏิบัติกิจของสงฆ์ ซึ่งออกเป็นมติมหาเถรสมาคม(มส.) หลายฉบับ โดยเฉพาะ 2-3 เดือนที่ผ่านมา ที่เห็นถึงความเปลี่ยนแปลง และตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ตนได้ไปร่วมงานของคณะสงฆ์ ซึ่งเป็นเรื่องของการปฏิรูปทั้งสิ้น ทั้งเรื่องการศึกษา การเผยแผ่ศาสนา การบริหารจัดการ โดยเฉพาะเรื่องการบริจาคเงิน ซึ่งคณะกรรมการแต่ละด้านก็กำลังดำเนินการอยู่ โดยหลังจากนี้จะมีการวางกฎเกณฑ์และมติ มส.เพิ่มมากขึ้น
"ส่วนพระผู้ใหญ่ที่อยู่ระหว่างการหลบหนีนั้น ทางตำรวจดำเนินการอยู่แล้ว และไม่จำเป็นต้องกำชับอะไรเป็นพิเศษ ทุกอย่างยึดหลักตามความยุติธรรม ข้อเท็จจริง และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ส่วนจะถือเป็นการจัดระเบียบพระสงฆ์ไปในตัวหรือไม่นั้น ที่ผ่านมาคณะสงฆ์กำลังอยู่ระหว่างการปฏิรูปตัวเองอยู่แล้ว และรัฐบาลก็สนับสนุนอยู่ ส่วนตัวเชื่อว่าคณะสงฆ์ก็ต้องการทำในสิ่งที่ถูกต้อง" รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์อะลิตเติ้ลบุ๊ดด่ะ ซึ่งเป็นเว็บของวัดไทยในลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา ได้วิเคราะห์ถึงการหลบหนีของพระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) หรือเจ้าคุณธงชัย เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ในคดีเงินทอนวัดไว้น่าสนใจว่า ถ้าดูจากไทม์ไลน์ ไล่ตั้งแต่หัวค่ำวันที่ 23 พ.ค.ถึง 6 โมงเช้า วันที่ 24 พ.ค. เจ้าคุณธงชัยมีเวลา 12 ชั่วโมงเต็มในการหนี และถ้านับจากวันที่ 23 ถึงวันนี้ ก็ปาเข้าไป 4 วันแล้ว ถ้าหนีออกไปจากชายแดนไทยได้ ก็คงอยู่ไหนก็ได้ในโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็นสิงคโปร์ ไต้หวัน โซล โตเกียว ปักกิ่ง แอลเอ นิวยอร์ก ลอนดอน ปารีส อัมสเตอร์ดัม โคเปนเฮเกน สตอกโฮล์ม ฯลฯ
เว็บไซต์ดังกล่าวระบุว่า แต่กระแสข่าวกล่าวเป็น 2 ทาง ทั้งข้างนอกและข้างในว่า ถ้าไม่ไปสิงคโปร์ก็คงลงแถวๆ คลองสาม แต่ตามหลักการแล้ว คนระดับเจ้าคุณธงชัยคงไม่จนตรอกถึงกับวิ่งไปซุกปีกพ่อใหญ่แห่งคลองสามหรอก ประเดี๋ยวจะกลายเป็นชักศึกเข้าบ้านเพิ่มเติม ของเก่าก็แย่อยู่แล้ว ของใหม่จะมาอีกเหรอ ดังนั้น คลองสามตัดทิ้งไป
"ต่อไปก็..สิงคโปร์ ถามว่า ไปทำไมสิงคโปร์ เพราะไม่มีอะไรที่สิงคโปร์ เจ้าคุณธงชัยไปสิงคโปร์ครั้งล่าสุดก็ร่วมงานวัด วัดสระเกศไม่มีสาขาที่สิงคโปร์ แถมสิงคโปร์ก็เล็กนิดเดียว ถ้าไปสิงคโปร์ก็คงแค่..ชั่วคราว เพื่อต่อเครื่องบินไปไหนซักแห่งในโลกใบนี้"
เว็บไซต์ดังกล่าวระบุด้วยว่า ถามว่าที่ไหนที่น่าไปสำหรับเจ้าคุณธงชัย? ตอบว่า มีหลายประเทศ ทั้งยุโรปและอังกฤษ ส่วนสหรัฐอเมริกานั้น ไม่มีสาขาที่น่าไป ก็ตัดออกไปอีกเช่นกัน ยุโรปและสแกนดิเนเวียนั้น มีสาขาวัดสระเกศหลายประเทศ เพราะเจ้าคุณธงชัยได้รับมอบหมายจากสมเด็จเกี่ยวให้ดูแลพระธรรมทูตในยุโรป ส่วนเจ้าคุณเสนาะดูแลทางอเมริกา ดังนั้น ฐานในยุโรปของเจ้าคุณธงชัยจึงแน่นหนามาก รวมทั้ง..อังกฤษ
"วัดพุทธาราม-ลีดส์ วัดน้องใหม่ที่เพิ่งตั้งได้เพียง 2 ปีกว่า แต่โตไว มีฐานะแน่นหนา กะว่าจะรับเป็นเจ้าภาพประชุมใหญ่ในปีหน้า ถ้าไม่มีปัญหาเข้ามาแซงหน้าเสียก่อน แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับว่า บุคคลสำคัญที่เจ้าคุณธงชัยคุ้นเคยนั้น มีนามสกุลชินวัตรเป็นหลักในอังกฤษ แถมเจ้าของเลสเตอร์ซิตีแห่งดิวตี้ฟรี King Power ก็อุปถัมภ์กันมาอย่างแน่นหนา ถึงคราวเกิดปัญหาก็เชื่อว่า..คงไม่ทิ้งกัน"
สอบลูกศิษย์คนสนิท
ด้าน พ.ต.อ.เชิงรณ ริมผดี รองโฆษกสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (รองโฆษก สตม.) กล่าวว่า สตม.ได้ขึ้นบัญชีดำ (แบล็กลิสต์) พระพรหมสิทธิ เจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ และพระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศารามฯ ลงในระบบตรวจคนเข้าเมืองทั่วประเทศเรียบร้อยแล้ว หลังตกเป็นผู้ต้องหาคดีเงินทอนวัด โดยยืนยันว่า จากการตรวจสอบยังไม่พบพระทั้งสองรูปเดินทางหลบหนีออกจากประเทศไทยผ่านทางสายการบินพาณิชย์อย่างแน่นอน เพราะแม้จะเดินทางก่อนมีหมายจับหรือยังไม่มีหมายจับ เมื่อมีเช็กอิน หรือเดินทางด้วยสายการบินระบบก็จะแจ้งสถานะทันทีว่า มีรายชื่อบุคคลดังกล่าวเดินทางออกนอกประเทศหรือไม่ ไม่ว่าจะในสถานะพระ หรือเปลี่ยนแปลงสถานะเป็นฆราวาส ระบบการตรวจสอบในปัจจุปันตรวจสอบข้อมูลทางชีวภาพ หรือระบบไบโอเมตติก
ถามว่า กรณีหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตอาจเดินทางออกนอกประเทศโดยใช้เครื่องบินส่วนตัว พ.ต.อ.เชิงรณกล่าวว่า แม้จะมีความเป็นไปได้ แต่ก็เป็นไปได้ยาก เนื่องจากการบินด้วยเครื่องบินส่วนตัวก็ต้องมีขั้นตอนขออนุญาตและต้องแจ้ง ตม.ด้วย อีกทั้งองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ หรือ ICAO ต้องมีการตรวจสอบการเข้า-ออกประเทศอยู่แล้ว เพราะอาจเป็นช่องทางของอาชญากรข้ามชาติได้ ซึ่งมองว่าวิธีนี้ทำยาก และเสี่ยงต่อการถูกจับกุมได้ง่าย
"ยอมรับมีความเป็นไปได้ที่จะมีการหลบหนีทางช่องทางธรรมชาติ เนื่องจากตามแนวชายแดนมีระยะทางหลายกิโลเมตร แต่ตรงนี้ก็มีเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงคอยดูแลอยู่แล้ว เชื่อว่าไม่ปล่อยปละละเลยอย่างแน่นอน เพราะถ้าหลุดไปได้ถือว่าบกพร่องต่อหน้านี้ แต่หากเจ้าหน้าที่คนไหนจะช่วยเหลือรู้เห็นเป็นใจก็ต้องถามว่าพร้อมจะเสี่ยงกับตำแหน่งหน้าที่หรือไม่" รองโฆษก สตม.กล่าว
มีรายงานจากพนักงานสอบสวนกองปราบปรามว่า ในการติดตามตัวพระพรหมสิทธิ ขณะนี้อยู่ระหว่างไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิด ที่พบว่าพระพรหมสิทธิน่าจะหลบออกจากวัดไปตั้งแต่วันที่ 23 พ.ค. หลังกลับมาจากไปทำกิจของสงฆ์ที่พุทธมณฑล จ.นครปฐม แล้วกลับไปฉันภัตตาหารเพลที่วัด แล้วกลับไปยังกุฏิ ก่อนที่จะหายตัวไป
"เบื้องต้นตำรวจคาดว่าพระพรหมสิทธิน่าจะหลบหนีไปกับลูกศิษย์คนสนิท และยังอยู่ในกรุงเทพมหานคร เพราะตัวท่านเอง ก็ยังถือว่าเป็นพระสงฆ์รูปหนึ่ง ที่ไม่สามารถจะปลอมตัวได้เหมือนกับเพศฆราวาส คาดหลบอยู่แต่ในบ้านของลูกศิษย์คนใดคนหนึ่ง ขณะนี้ตำรวจเตรียมตรวจสอบผู้ที่เกี่ยวข้องของพระพรหมสิทธิประมาณ 5 คน ที่คาดว่ามีส่วนในการพระพรหมสิทธิหลบหนี เพื่อประกอบกับการตรวจดีเอ็นเอในกุฏิ ซึ่งคาดสามารถส่งมอบให้ พฐ.ในวันจันทร์นี้" แหล่งข่าวพนักงานสอบสวนกองปราบปรามระบุ
ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร นายกฤช กระแสร์ทิพย์ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงสภาพความเป็นอยู่ของอดีตพระเถระชั้นผู้ใหญ่ 5 รูป ผู้ต้องหาคดีทุจริตงบประมาณเผยแผ่พระพุทธศาสนา หรือคดีเงินทอนวัด วึ่งถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครว่า ตอนนี้เรือนจำได้แยกจากแดนแรกรับไปคุมขังยังแดน 3, 4, 6 เพื่อลดการเผชิญหน้ากัน โดยพระเถระชั้นผู้ใหญ่ทั้ง 5 รูป ยังคงมีความวิตกกังวล อยู่ระหว่างการปรับตัว
ล็อต 4 โกงอีก 100 ล้าน
ขณะที่นายโกศล ใสสุวรรณ ทนายความของพระพรหมดิลก เจ้าอาวาสวัดสามพระยา 1 ใน 5 พระเถระชั้นผู้ใหญ่ ผู้ต้องหาคดีเงินทอนวัด ที่ถูกคุมตัวอยู่ภายในเรือนจำ กล่าวถึงการยื่นขอประกันตัวชั่วคราวว่า ก่อนหน้านี้ได้มีการยื่นขอประกันตัวพระพรหมดิลกไปแล้ว แต่ศาลไม่อนุญาต ขณะนี้ทางทีมทนายจึงอยู่ระหว่างดูข้อกฎหมายเพื่อขอเพิกถอนหมายจับ เนื่องจากทางทีมทนายตั้งข้อสงสัยว่า การออกหมายจับครั้งนี้ จะมิชอบด้วยกฎหมาย เพราะพระพรหมดิลกเป็นพระชั้นปกครอง ถือเป็นเจ้าหน้าที่รัฐตามกฎหมาย ดังนั้นการสอบสวนดำเนินคดี จะต้องผ่านการไต่สวนของคณะกรรมการปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เพื่อชี้มูลความผิดก่อน
"การที่ตำรวจไปขอศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ เพื่อออกหมายจับคดีฟอกเงินโดยตรงนั้น ทีมทนายกำลังพิจารณาข้อกฎหมายอยู่ว่าเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ตำรวจมีอำนาจขอหมายจับโดยตรงหรือไม่ หากได้ข้อสรุปแล้วทีมทนายอาจจะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ซึ่งหากเป็นการออกหมายจับโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทีมทนายก็จะยื่นศาลขอเพิกถอนหมายจับ เพื่อให้การจับกุมตัวพระพรหมดิลก รวมถึงพระชั้นผู้ใหญ่รูปอื่น เป็นกระบวนการที่ไม่ถูกต้องตั้งแต่ต้น และขอปล่อยตัวพระพรหมดิลกออกจากเรือนจำ" ทนายความพระพรหมดิลกระบุ
วันเดียวกัน พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ(ผบก.ปปป.) กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบทุจริตเงินทอนวัดล็อต 4 ว่า เป็นการตรวจสอบการทุจริตงบประมาณสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ช่วง พ.ศ.2554-2559 โดยอยู่ระหว่างตรวจสอบทั่วประเทศ ซึ่งดำเนินการไปได้แล้วประมาณร้อยละ 50
"ยืนยันเราพบการกระทำผิดแล้ว มีทั้งข้าราชการและพระสงฆ์ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ยังไม่มีการสรุปจำนวนวัดและบุคคลที่กระทำผิดอย่างชัดเจน ต้องใช้เวลาอีกสักระยะ ส่วนขั้นตอนการดำเนินการหลังตรวจสอบพบการทุจริต ซึ่งหากผู้กระทำผิดเป็นข้าราชการก็จะสรุปรายงานส่งให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. พิจารณาไต่สวนชี้มูลคดี หากเป็นพระสงฆ์ หรือบุคคลทั่วไป ก็จะออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหา" พล.ต.ต.กมลกล่าว
ผบก.ปปป.กล่าวว่า ไม่ได้กำหนดกรอบระยะเวลาในการทำงาน ตรวจสอบทุจริตเงินทอนวัดล็อต 4 เพราะเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ต้องดำเนินการอย่างละเอียดรอบคอบ
มีรายงานว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปปป.ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบวัดที่เข้าข่ายมีการทุจริตโดยมีเป้าหมาย 60 วัดทั่วประเทศ โดยได้ตรวจสอบไปแล้วประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณ 40 วัด พบเข้าข่ายทุจริต 26 วัด แบ่งเป็น โซนภาคเหนือ เข้าข่ายทุจริต 3 วัด, โซนภาคใต้ เข้าข่ายทุจริต 4 วัด, โซนภาคกลาง เข้าข่ายทุจริต 16 วัด, โซนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าข่ายทุจริต 1 วัด และโซนภาคตะวันออก เข้าข่ายทุจริต 2 วัด ความเสียหายประมาณ 100 ล้านบาท
มีรายงานด้วยว่า ในวันที่ 29 พ.ค.นี้ พล.ต.ต.กมล ได้นัดเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปปป. ที่กระจายไปตรวจสอบการทุจริตเงินทอนวัดล็อต 4 ทั่วประเทศ นำข้อมูลมารายงาน รวมทั้งมีการประสาน พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (ผอ.พศ.) ในฐานะผู้เสียหายหรือตัวแทนหน่วยงานที่เสียหาย เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษให้พนักงานสอบสวน บก.ปปป. ดำเนินคดีการทุจริตเงินทอนวัดล็อต 4 จากนั้นนำพยานหลักฐานทั้งหมดสรุปสำนวนส่งให้ ป.ป.ช.ดำเนินการตามขั้นตอน ไม่เกินเดือน ก.ย.61.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |