อุทาหรณ์จากเรื่อง “พระ”


เพิ่มเพื่อน    

 เรื่องของ พระ ช่วงนี้...เป็นเรื่องที่คงต้องถูกหยิบมาพูดกันอีกยาวว์ว์ว์ แต่ไม่ว่าจะพูดกันในแง่ไหน แบบไหน คงปฏิเสธไม่ได้ว่าด้านที่เป็น ผลบวก ย่อมมากกว่าด้านที่เป็น ผลลบ อยู่แล้วแน่ๆ ส่วนใครที่อยากจะหยิบมาขยายผลกันไปในแง่ไหน มุมไหน อันนั้น...ก็แล้วแต่พ่อเจ้าประคุณรุนช่อง ท่านจะว่าไปตาม รสนิยม ของท่านเอาเองก็แล้วกัน...
                                                           -----------------------------------------------------
    อย่างไรก็ตาม...งานนี้ และอีกหลายๆ งานเท่าที่ผ่านมา คงต้องถือว่า เป็น ผลงาน ของรัฐบาล คสช. ไม่ว่าจะโดยตรง หรือโดยอ้อม อย่างมิอาจปฏิเสธได้อีกเช่นกัน และต้องถือเป็นผลงานระดับใหญ่โตเบ้อเร่อเหิ้ม ชนิดถ้าหากนำไปคิด คำนวณ ถึงการ ได้ของ-เสียของ อย่างน้อย...ก็ต้องยอมรับว่า 4 ปีที่ผ่านมาของรัฐบาล ก็ไม่ถึงกับเสียหลาย เสียหาย มากมายเกินไปนัก คือยังได้อะไรติดไม้ ติดมือ ติดปลายนวมเอาไว้มิใช่น้อย โดยเฉพาะในเรื่องที่เกี่ยวกับ พระ เกี่ยวกับ พระพุทธศาสนา อันถือเป็น เสาหลัก ของสังคมทั้งสังคมเอาเลยก็ว่าได้...
                                                           ----------------------------------------------------
    คือพูดง่ายๆ ว่า...ไม่ว่ารัฐบาลท่านจะ ลับ-ลวง-ครางง์ง์ง์ สร้างผลงานไป-ครางง์ง์ง์ไปในแบบไหนก็แล้วแต่ แต่ถ้าหากเป็นช่วงรัฐบาลธรรมดาๆ รัฐบาลประชาธิปไตยที่มาจากการเลือกตั้งโดยทั่วไปนั้น คงปฏิเสธไม่ได้ว่า การชำระสะสางอะไรต่อมิอะไรต่างๆ ในวงการ พระ อย่างเช่น พระธรรมกาย เป็นต้น มันออกจะยากเย็น แสนเข็ญ พอๆ กับการตามหาหนวดเต่า เขากระต่าย อะไรประมาณนั้น แต่จะด้วยเพราะความมุ่งมาดปรารถนาอย่างจริงจัง จริงใจ ของรัฐบาลเผด็จการ หรือจะด้วยเพราะบรรยากาศมันเอื้ออำนวยให้ก็แล้วแต่ การหยุดยั้ง สกัดกั้น การเจริญเติบโตในทางร้ายๆ ของ ลัทธิความเชื่อ ที่อาศัยพระพุทธศาสนาเป็นเครื่องกำบังกาย ก็ออกอาการชะงักงัน หัวทิ่ม หัวตำ กันไปพอสมควร...
                                                           -------------------------------------------------
    ยิ่งไปกว่านั้น...ถ้าหากไม่ได้เป็นเพราะรัฐบาลเผด็จการอีกเช่นเดียวกัน ป่านนี้...เราคงได้กราบไหว้ พระสังฆราช ไปพร้อมๆ กับกราบไหว้ รถเถื่อน อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้อีกดอกหนึ่ง แต่จะด้วยอะไร-แบบไหน-อย่างไร ก็แล้วแต่ องค์ประมุขแห่งศาสนจักรในเมืองไทยพระองค์นี้ คือผู้ที่พุทธศาสนิกสามารถกราบไหว้ได้อย่างเต็มอก เต็มใจ ยินยอมพร้อมใจ โดยไม่ต้องมีอะไรกังขา พะวักพะวง เอาเลยแม้แต่น้อย อันนี้...ก็ต้องถือเป็น ผลงาน ชิ้นใหญ่ ระดับกระดูกขัดมัน ที่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ  และไม่ใช่เรื่องที่ทุกๆ รัฐบาลจะสามารถคลี่คลาย ได้อย่างแฮปปี้เอ็นดิ้งเสมอหน้ากันไปทั้งหมด...
                                                             -------------------------------------------------
    ส่วน ผลงาน ชิ้นล่าสุด...ในการชำระสะสางลึกไปถึง กรรมการมหาเถรสมาคม ก็ถือเป็นการเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ ไม่ได้ชะงักงัน พลิกซ้าย-พลิกขวา เบี่ยงเบน เฉไฉ ไปจากผลงานที่เคยสร้าง เคยทำ มาก่อนหน้านี้ ด้วยเหตุนี้...ถ้าสรุปรวมความในช่วงระยะ 4 ปีที่ผ่านมา แค่งานนี้...งานเดียว ก็คงต้องยอมรับเอาจริงๆ นั่นแหละว่า น่าจะ ได้ของ ไปเป็นจำนวนไม่น้อย ส่วนควรจะ กดไลค์ หรือ กดไม่ไลค์ กันซักกี่หมื่น กี่แสน อันนั้น...คงต้องถือเป็นเรื่อง รสนิยม ของใคร-ของมัน จะไปว่ากันเอาเอง แต่สิ่งที่คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธ ก็คือ...ช่วงระยะ 4 ปีที่ผ่านมา อะไรต่อมิอะไรมันก็พอได้คืบหน้า ไปเป็นจำนวนไม่น้อยไม่ถึงกับต้องสิ้นหวัง หมดหวัง กันไปทั้งแถบ...
                                                               ---------------------------------------------------
    และสิ่งหนึ่งซึ่งสามารถหยิบมาใช้เป็น ข้อคิด-ข้อสังเกต ควบคู่ไปกับ ความหวัง อีกด้วยก็ยังได้...ก็คือการสร้างบรรยากาศ หรือการเปิดโอกาส ให้กับการคลี่คลาย ปัญหา ต่างๆ นานา ที่มันคงไม่ได้มีแต่เฉพาะกรรมวิธีแบบ ประชาธิปไตย เท่านั้น ถึงจะสามารถแก้ได้ คลี่คลายได้ ตรงกันข้าม...ด้วยความเป็นประชาธิปไตยในบางครั้ง บางครา มันกลับกลายเป็นตัวปิดโอกาส หรือทำลายบรรยากาศในการแก้ปัญหาในบางเรื่อง บางกรณี อย่างชนิดแทบไม่อาจทำอะไรได้ โดยเฉพาะถ้าหากผู้ที่เป็นพลังขับเคลื่อนพื้นฐานของประชาธิปไตย คือบรรดา ปวงชน ทั้งหลาย เกิดกลายสภาพไปเป็น ประชาชนที่ไม่เป็นธรรม ขึ้นมาเมื่อไหร่ หรือเป็นประชาชนประเภท โกงไม่เป็นไร...แต่ขอให้เอามาแบ่งกันมั่ง อันนั้น...ย่อมมีแต่ตายกับตายลูกเดียวเท่านั้นเอง ไม่ใช่แค่ประชาธิปไตย ต้องกลายเป็นประชาธิป...ตาย เท่านั้น กระทั่งชาติ บ้านเมือง สังคมทั้งสังคม ก็พลอยต้องตายไปด้วย...
                                                                  ------------------------------------------------------
    ดังนั้น...ในบางครั้ง บางครา บางช่วง บางระยะ ธรรมะ หรือ ความเป็นธรรม อาจต้องหันไปอาศัยช่องทางบางช่องทาง ที่ไม่ถึงกับเป็นประชาธิปไตยกันซักเท่าไหร่นัก ซึ่งไม่ได้ถึงกับน่าเกลียด น่าชัง อะไรกันมากมาย โดยเฉพาะถ้าคำนึงถึง ธรรมะ อันเป็นคุณากร เป็นประโยชน์สำหรับสรรพสิ่งและสรรพสัตว์ทั้งหลาย การหาทาง ผสมผสาน ความเป็นประชาธิปไตยให้เข้ากับสิ่งใดๆก็ตามที่ถือเป็นธรรมะ เป็นคุณธรรม ศีลธรรม ให้พอสามารถ ไปด้วยกันได้ หรือพออยู่ๆ ร่วมกันได้ อันนั้นนั่นแหละ...ที่อาจถือเป็นความยืดหยุ่น เป็น ลักษณะพิเศษ ของสังคม ที่ไม่ควรจะกีดกั้น สกัดกั้น คัดค้านและต่อต้านกันไปซะทั้งหมด...
                                                                    -----------------------------------------------------
    แม้จะเป็นผู้เติบโต พัฒนา มาตามเส้นทางประชาธิปไตย อย่างบรรดา นักการเมือง ทั้งหลายก็ตาม คงต้องพยายาม เปิดใจ ให้กว้าง มองถึงการ ผสมผสาน เหล่านี้ โดยอาศัยผลประโยชน์ของชาติ บ้านเมือง ของสังคมเป็นที่ตั้ง แม้มันอาจเป็นอะไรที่ขัดกับแนวทาง ทฤษฎี แบบเป็นแท่งๆ ด้ามๆ อยู่บ้างก็ตาม แต่ถ้าหากคำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวม เป็นสิ่งสูงสุดแล้ว การยอมรับและหาทางผสมผสานสิ่งต่างๆ เหล่านี้ ให้เกิดจุดลงตัว ให้เกิดการไปด้วยกันได้ ให้ ธรรมะ กับ ประชาธิปไตย สามารถก้าวเดินควบคู่ไปด้วยกัน อันนี้นี่แหละ...ที่จะทำให้ ความหวัง กับ ความจริง อาจกลายเป็นสิ่งเดียวกัน ไม่ได้เป็นอะไรแค่เพ้อๆ ฝันๆ ไปตามเรื่อง ตามราว แบบที่เพ้อๆ ฝันๆ กันมากว่า 80 กว่าปีเข้าไปแล้ว...
                                                                    ----------------------------------------------------
    ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Anon (อีกครั้ง)... An idealist is one who, on noticing that rose smells better than cabbage, concludes that is will also make better soup.- บรรดานักคิดทั้งหลาย คือผู้ที่เห็นว่ากุหลาบนั้นมีกลิ่นหอมกว่ากะหล่ำปลี เลยเกิดข้อสรุปว่า...กุหลาบคงจะเอามาทำเป็นซุปได้ดีกว่าเป็นแน่...
                                                                     ---------------------------------------------------
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"