ใกล้เข้ามาทุกขณะกับช่วงเวลาของการการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ระหว่างวันที่ 14 มิ.ย.-15 ก.ค.นี้ ซึ่งก็มีหลายฝ่ายออกมาคาดการณ์กันว่าจะเป็นหนึ่งเดือน ที่เกิดการจับจ่ายกันอย่างคึกคักแน่ๆ เพราะเป็นกิจกรรมที่หลายคนต่างเฝ้าตารอคอย บางคนตัดสินใจออกมารับชมการแข่งขันนอกบ้าน หรือหากไม่ออกไปไหน ก็ยังมีความต้องการใช้บริการร้านอาหารและเครื่องดื่มอยู่ดี จึงเชื่อกันว่าจะเป็นจังหวะดีของการออกแคมเปญและกระตุ้นให้ผู้บริโภคเกิดการจับจ่าย
    มาดูความคึกคักของธุรกิจแต่ละกลุ่มกันสักหน่อยว่าบอลโลกปีนี้จะสร้างเม็ดเงินได้มากน้อยสักแค่ไหน อย่างในอุตสาหกรรมโฆษณา จากการสอบถามไปยัง  “ภวัต เรืองเดชวรชัย” ผู้อำนวยการธุรกิจ-สายงานการวางแผนและกลยุทธ์สื่อโฆษณา บริษัท มีเดีย อินเทลลิเจนซ์ หรือเอ็มไอ ให้ข้อมูลว่า ในปีนี้สปอนเซอร์การถ่ายทอดสดค่อนข้างมีความแตกต่างไปจากอดีตที่ผ่านมา หรือมีเพียง 9 เจ้าหลักที่จะได้สิทธิ์โฆษณาตลอด 1 เดือนเท่านั้น
    ส่วนแบรนด์อื่นหากต้องการเกาะกระแสบอลโลก เพื่อโอกาสทางการขายก็คงมีหลายทางที่สามารถทำได้ อย่างวิธีคลาสสิกเลยก็คือการทำหนังโฆษณาที่มีกลิ่นไป และการเชียร์ฟุตบอล แต่ไม่ได้แตะบอลโลกโดยตรงตามลิขสิทธิ์ที่ไม่อำนวย อย่างเครื่องดื่มน้ำอัดลมแบรนด์หนึ่ง ที่ไม่ได้เป็นสปอนเซอร์หลักเหมือนกับคู่แข่ง ก็ต้องยิงหนังโฆษณาที่เป็นฟุตบอล มีนักเตะฟุตบอลที่ทำให้คนดูทั่วไปเกิดความรู้สึกร่วมไปกับกระแสบอลโลก ขณะที่การทำโปรโมชั่นช่วงนี้ก็จะใช้คำว่าลุ้นโชค ร่วมเชียร์ แคมเปญร่วมลุ้น หรือมาร่วมกันเชียร์ฟุตบอลแทน
    อีกรูปหนึ่งที่เป็นทางอ้อม คือการที่แบรนด์อื่นๆ หันไปเป็นสปอนเซอร์ข่าวกีฬาของสถานีโทรทัศน์ ที่นำเสนอข่าวกีฬา หรือวิเคราะห์การแข่งขันฟุตบอล บางแบรนด์ที่ไม่อยู่ 9 ราย จะมีแบรนดิ้งอยู่ในรายการ เข้าไปเป็นสปอนเซอร์รายการข่าวกีฬา หากถามว่าราคาโฆษณาราคาข่าวขึ้นไหม จริงๆ ข่าวกีฬาทุกช่องมีอยู่แล้ว อาจจะมีการทำข่าวกีฬาพิเศษ ก็จะมีการขายแพงกว่า 15-20% หรืออาจทำแพ็ก บางรายอาจต้องขายในราคาเดิม เพราะเดิมช่องของตัวเองอาจจะขายยากอยู่แล้ว การขึ้นราคาเยอะๆ ก็อาจทำไม่ได้ สรุปแล้วจากเดิมช่วงบอลโลกปกติจะไหลไปที่เจ้าของลิขสิทธิ์และช่องอื่นๆ ที่ได้สิทธิ์การถ่ายทอดหรือข่าว แต่ตอนนี้เม็ดเงินไหลเวียนแค่ 9 เจ้า
    อีกหนึ่งธุรกิจที่คาดการณ์กันว่าจะได้อานิสงส์จากช่วงการแข่งขันฟุตบอลโลก คงเป็นสินค้ากลุ่มทีวี โดยก่อนหน้านี้ แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) บอกว่า ปกติการจัดแข่งขันมหกรรมฟุตบอลโลกจะส่งผลให้ความต้องการภาพรวมในตลาดทีวีมีการเติบโตจากช่วงปกติ 30% โดยประเมินว่าความต้องการช่วงที่มีการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 น่าจะไม่น้อยกว่าช่วง 4 ปีที่ผ่านมา
    ปัจจัยบวกในเรื่องของเวลาในการแข่งขัน ก็นับว่ามีส่วนสำคัญในการสร้างการเติบโตให้ตลาด โดยเฉพาะในปีนี้ ที่มีการจัดการแข่งขันที่ประเทศรัสเซีย การแข่งขันนัดแรกของวันที่ตรงกับเวลา 21.00 น.เมืองไทย ซึ่งถือช่วงเวลาหลังเลิกงาน และกลับบ้านพักผ่อนของชาวไทย จึงทำให้คาดการณ์ว่าจะมีผู้ชมที่สนใจรับชมเพิ่มขึ้น ถือเป็นปัจจัยบวกสำคัญ
    ความต้องการสั่งอาหารและเครื่องดื่มของผู้ชมที่อยากลุ้นฟุตบอลที่บ้าน คงทำให้เดลิเวอรีเติบโตไม่น้อยตลอดช่วงการแข่งขัน จากการสอบถามไปยัง “แววคนีย์ อัสโสรัตน์กุล” ผู้จัดการทั่วไป เคเอฟซี (ประเทศไทย) บริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า เทศกาลบอลโลกที่กำลังจะมาถึง จะเป็นโอกาสดีสำหรับแบรนด์ที่จะจัดแคมเปญในการกระตุ้นยอดขาย แม้หลายเดือนที่ผ่านมาภาพรวมของเศรษฐกิจค่อนข้างเงียบ แต่เชื่อว่าเมื่อเริ่มการแข่งขันในเดือน มิ.ย.นี้ จะดึงความสนใจจากคนไทยมาโฟกัสที่การแข่งขันฟุตบอลโลก
    โดยแบรนด์เคเอฟซีจะออกโปรโมชั่นกระตุ้นการขาย โดยเฉพาะช่องทางเดลิเวอรี ซึ่งถือเป็นช่องทางที่ขายดีในช่วงเทศกาล เพราะจากพฤติกรรมของคนเชียร์บอล จะร่วมเชียร์กันเป็นกลุ่ม ต้องเฝ้าหน้าจอ ต้องการกินอาหารง่ายๆ และอร่อย สั่งได้ทั้งทางโทรศัพท์และหน้าเว็บ ส่งรวดเร็วภายใน 30 นาที การขยายช่วงเวลาให้บริการจัดส่งถึงตีสอง สำหรับสาขาที่ไม่มีข้อจำกัดด้านเวลาการให้บริการ
    คงมีอีกหลายค่ายที่เตรียมออกแคมเปญช่วงการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 นี้อย่างแน่นอน ซึ่งเป็นหนึ่งเดือนที่กำลังก้าวเข้าสู่โลว์ซีซั่นพอดี จึงเป็นจังหวะที่แบรนด์ต่างๆ ไม่ควรพลาด ในการจะกระตุ้นยอดขาย แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่หากกิจกรรมส่งเสริมการขายน่าสนใจ ก็คงช่วยผลักดันยอดขายได้อยู่ จากการสอบถามไปยังผู้ประกอบการรายอื่นๆ ระบุว่าตอนนี้อาจยังเร็วไปว่าบอลโลกปีนี้จะคึกคักมากน้อยเพียงไร เพราะตอนนี้สัญญาณยังไม่หวือหวามากนัก นอกจากจะลุ้นทีมโปรดของตนเองแล้ว ในแง่ธุรกิจก็ต้องลุ้นยอดขายไปด้วยเช่นกัน.
 

 รุ่งนภา สารพิน