30 เม.ย.64 - พุทธะอิสระ หรืออดีตพระพุทธะอิสระ อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม โพสต์เฟซบุ๊ก กรณีมีผู้นำเอารูปพระเครื่องมาทำเป็นขนม ว่า
มองต่างมุม
เห็นข่าวมีผู้นำเอารูปพระเครื่องมาทำเป็นขนม ต่อมาก็มีหลากหลายมุมมองทั้งผู้เห็นด้วยและผู้เห็นต่าง
ทีนี้เราก็มาลองมามองต่างมุมจากพวกเขากันหน่อย มองในมุมของผู้รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ จำต้องมองใน ๒ ประเด็น
๑. มองในมุมของการมีหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญที่ต้องปกปักษ์รักษาสัญลักษณ์ของสถาบันหลักของชาติ มิให้ผู้ใดมาลบหลู่หรือคิดบ่อนทำลาย
๒. มองในมุมของการดำรงรักษาเอาไว้ซึ่งรากฐานแก่นแท้ของทั้ง ๓ สถาบัน จึงต้องนำเอารากฐานแก่นแท้นั้น มาประพฤติปฎิบัติ เพื่อส่งมอบแก่ผู้มีศรัทธา มีสติปัญญาเหมาะควรแก่การฝึกหัดศึกษา
ส่วนผู้ที่มีสติปัญญาที่อ่อนด้อย มีแค่ศรัทธา ก็ควรช่วยกันธำรงรักษาสัญลักษณ์ของทั้งสามสถาบันให้ดำรงอยู่ และสืบต่อกันจนกว่าจะพัฒนาสติปัญญาของตน ให้ได้เข้าถึงแก่นตามแต่บุพกรรมบารมีธรรมของแต่ละคน
หากจะมองในมุมของควรไม่ควร เหมาะสมไม่เหมาะสม ก็ต้องอธิบายว่า สิ่งเคารพของคนส่วนใหญ่ทั้งประเทศ หากนำมากระทำการที่ส่อเจตนาเหยียบย่ำ ดูถูก มันผิดทั้งหลักกฎหมาย และหลักการอยู่ร่วมกันกับคนส่วนใหญ่ในสังคม
โดยเฉพาะหลักประมวลกฎหมายอาญามาตรา มาตรา ๒๐๖ ผู้ใด กระทำด้วยประการใด ๆ แก่ วัตถุ หรือ สถาน อันเป็นที่เคารพ ในทางศาสนา ของหมู่ชนใด อันเป็นการเหยียดหยาม ศาสนานั้น ต้องระวางโทษ จำคุกตั้งแต่ หนึ่งปี ถึง เจ็ดปี หรือ ปรับตั้งแต่ สองพันบาท ถึง หนึ่งหมื่นสี่พันบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
แล้วถ้าจะมองในมุมของสิทธิ์แห่งความเท่าเทียม ก็ต้องบอกว่า บุคคลมีสิทธิ์ อันจะเคารพนับถือศาสนาและรูปเคารพใดก็ได้ ต้องถือว่า ผู้ที่กระทำการย่ำยีต่อรูปเคารพของพระศาสดา เป็นการใช้สิทธิ์เกินขอบเขตที่ควรจะเป็น
ทั้งยังก้าวล่วงสิทธิ์ความยอมรับ ความศรัทธา ของบุคคลอื่น อย่างน่ารังเกียจ
หากเอาแต่อ้างสิทธิ์ แล้วล่วงเกินผู้อื่น ซ้ำยังทำผิดกฎหมาย เช่นนี้จะมาอ้างสิทธิ์อันชอบคงจะไม่ได้ และหากจะมองบรรดาคำวิพากษ์ของหลากหลายบุคคลในสังคม
ก็ต้องบอกว่า ผู้ออกมาพูดมาโพสต์ว่า แค่คนหาเลี้ยงครอบครัว ทำขนมรูปพระเครื่อง มันจะผิดอะไรกันนักหนา ทีพวกสร้างพระเครื่องไปวางขายข้างถนน ทำไมไม่มีคนไปเอาผิดด้วยมุมมองของนักวิพากษ์ดังกล่าว
จำต้องนำมาอธิบายให้สังคมกระจ่างกันหน่อย จะได้ไม่ไปหลงประเด็นที่มี ผู้โพสต์ ผู้พูด ต้องการให้เป็น
อธิบายว่า ทำอาชีพหาเลี้ยงครอบครัวน่ะ ไม่มีใครว่าดอก หากอาชีพนั้นมันไม่กระทบต่อความรู้สึก ความเชื่อ ความศรัทธาของคนส่วนใหญ่ของประเทศ
และหากจะทำขนมขาย ก็มีรูปแบบมากมายที่จะทำจะหยิบออกมาสร้างความสนใจ เช่น กรณีมีคนทำขนมปังให้เป็นรูปอวัยวะของศพ เขาก็ขายได้ ซึ่งก็มีทำมาแล้ว ก็ไม่มีใครตำหนิติว่า เพราะไม่มีใครบูชาศพ
ดังคำว่า กรรมย่อมส่อเจตนา
การนำเอารูป ซึ่งทั้งโลกเขาสมมุติว่า เป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้า มาทำเป็นขนม มันก็ไม่ต่างอะไรกับเอารูปพ่อแม่ตนเองมาทำขนม คนผู้เป็นลูกจะกล้ากินหรือไม่
หากมีสมองมากหน่อย ก็จะรับรู้ได้ว่า ควรทำหรือไม่
อีกทั้งการกระทำเช่นนี้ ก็มีกฎหมายห้ามเอาไว้ชัดเจนในประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๐๖
รวมความแล้ว ถ้าอ้างว่าหากิน แต่ทำผิดกฎหมาย แบบนี้ควรจะชื่นชมหรือไง
และที่ผู้พูด ผู้โพสต์ มาอ้างว่า ทีพวกนำพระเครื่องไปวางขายข้างถนน เช่นนั้นมันไม่ผิดหรือ
อธิบายว่า พระพิมพ์ พระปั้น ที่ไปวางขายข้างถนน เขาเช่าเขาซื้อไปแขวนคอ เคารพบูชา เขาไม่ได้ซื้อไปแขวนคอหมา หรือเอาไปทิ้งขยะ เมื่อเสียหายเขายังนำไปไว้ตามโคนต้นไม้ หรือกำแพงโบสถ์ พระเจดีย์ ไม่มีใครกล้านำพระพิมพ์ที่แตกหักเสียหายไปทิ้งถังขยะ
แต่ถ้าขนมรูปพระเครื่อง เกิดตกหล่นเสียหาย แตกหัก มีใครจะนำไปไว้ที่ลานพระเจดีย์ โคนต้นไม้ หรือกำแพงโบสถ์ไหม คิดสิคิด
อย่าอ้างเหตุผลแบบมั่วซั่ว ให้ดูเหมือนดี มีเหตุผล แต่แท้จริงแล้วก็คือ พยายามเบี่ยงประเด็น เพื่อนำมาหักล้างความผิด
นี่มันไม่ใช่วิสัยของนักบวชในพระธรรมวินัยพุทธเลย
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |