สาวกอรหันต์ห่มแดงเผยศรัทธาในคำสอนไม่สนอดีต เคยร่วมทุนได้ทองมาหลายเส้น ปัดไม่ใช่แม่ชีโกนหัว เพราะเป็นกฎสำนัก พี่สาวแฉหลอกมารดาตัวเองตั้งเป็นผู้จัดการมรดก ก่อนขายบ้านที่ดินให้นายทุนจนถูกฟ้องขับไล่คดีอยู่ศาลชั้นฎีกา ด้านคดีเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งสอบเส้นทางการเงินว่าโยกย้ายไปให้ใคร พบบัญชีของแม่ชีเก๊เหลือแค่ 8 บาท ส่วนแม่ชีการ์ตูนมีโลกใบสอง สวมวิกผมสวยไปสวีตแฟน
จากกรณีที่ตำรวจร่วมกับฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธศาสนา นำหมายศาลจับกุม นางสาวอิสรีย์ อินทร์ไชยา หรือแม่ชีอู๋ อายุ 49 ปี ที่ตั้งตนเป็นภิกษุณีในสำนักสถานปฏิบัติธรรมวิปัสสนาพระพุทธสักขี ตั้งอยู่เลขที่ 210 หมู่ 1 บ้านดงโชค ต.หนองญาติ อ.เมือง จ.นครพนม ในฐานความผิดโกงประชาชน ร่วมกับสาวกที่เป็นแม่ชี ประกอบด้วย นางดรุณี จันทะนาม อายุ 45 ปี หรือแม่ชีทองพูน นางสาวไพลิน สุนทรสุวรรณ อายุ 31 ปี หรือแม่ชีการ์ตูน นางสาวมะลิวัลย์ เขื่อนขันธ์ อายุ 28 ปี หรือแม่ชีกาเต้ และนางกิติยา ชัยสุนิกร อายุ 46 ปี ผู้เป็นฆราวาส รวม 5 คน โดยทั้งหมดถูกส่งเข้าเรือนจำกลางนครพนม ซึ่งคดีนี้มีผู้เสียหายราว 400 ราย มูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 15 ล้านบาท
ความคืบหน้าของคดี วันที่ 29 เม.ย. ผู้สื่อข่าวได้ไปที่สำนักสถานปฏิบัติธรรมดังกล่าวอีกครั้ง บรรยากาศมีแต่ความเงียบเหงา ดอกดาวเรืองที่เคยสะพรั่งทั่วบริเวณก็เหี่ยวเฉา พบว่าภายในสำนักยังมีคนอยู่จึงร้องเรียก ก่อนที่ผู้หญิงแต่งกายด้วยชุดขาวจะเดินออกมาคุยที่ริมกำแพง ทราบชื่อเล่นว่า แม่ชีปลาย อายุ 34 ปี พื้นเพเป็นคนบ้านกอก หมู่ 5 ต.ปลาปาก อ.ปลาปาก จ.นครพนม แม่ชีคนดังกล่าวเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า หลังตำรวจจับกุมเจ้าสำนักไปยังคงมีลูกศิษย์จากต่างจังหวัดแวะมาสอบถามข้อเท็จจริง จากนั้นได้เดินทางกลับ ซึ่งในสถานปฏิบัติธรรมเหลือผู้ปฏิบัติธรรมอยู่ 6 คน
เมื่อสอบถามเรื่องเจ้าสำนักที่อ้างตนเป็นพระอรหันต์ แม่ชีปลายบอกว่า เป็นเรื่องของท่าน ไม่ขอไปก้าวก่าย เหตุที่เชื่อเคารพศรัทธา คือท่านสอนให้ปฏิบัติธรรมในทางที่ดี ตนมองในปัจจุบัน จะไม่สนใจว่าอดีตท่านเป็นมาอย่างไร แม้ท่านจะนำโฉนดที่ดินบ้านมรดกของครอบครัวไปจำนองนายทุน เป็นเรื่องส่วนตัวของท่าน
ส่วนกรณีแม่ชีการ์ตูนสวมวิกและแต่งชุดฆราวาสออกไปย่ำราตรีข้างนอก แม่ชีปลายบอกว่า พวกตนไม่ใช่แม่ชีตามที่สื่อนำเสนอ เหตุที่ต้องโกนหัว เพราะเป็นข้อบังคับของที่นี่ ทุกคนเป็นเพียงผู้ปฏิบัติธรรมถือศีล 8 ดังนั้นเมื่อแฟนของน้องการ์ตูน หรืออีกชื่อหนึ่งว่า น้องน้ำตาล โทรศัพท์ให้ออกไปหา ก็จะนำชุดและวิกใส่กระเป๋า เรียกแท็กซี่หรือขี่รถจักรยานยนต์ออกไปพบแฟนที่เป็นทอม หายไปประมาณ 2-3 วัน ก็กลับมาปฏิบัติธรรมเช่นเดิม เจ้าสำนักรู้เรื่องดี ไม่ได้ห้าม เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว
นางสาวปลายกล่าวต่อว่า การกล่าวหาเจ้าสำนักเสกทองคำได้นั้น เป็นการพูดกันไปเอง คำว่าเสกของท่านคือ การไปซื้อทองมาจากร้านขายทอง ถ้าเป็นภาษาชั้นสูง เขาจะเข้าใจ ส่วนที่ถามว่าเจ้าสำนักได้เงินแล้วไปไหนหมด ก็เอาไปซื้อทองมาแจกผู้ที่ลงทุนในกองบุญ ตนร่วมลงทุนด้วยได้ทองคำมาหลายเส้นแล้ว สำหรับคนที่มีหน้าที่ไปซื้อทองที่ร้านจะเป็นน้องการ์ตูนและนางทองพูน หรืออีกชื่อที่ในสำนักเรียกกันว่า พี่พอลลี่
นอกจากนี้ แหล่งข่าวในพื้นที่ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า คืนก่อนที่นางสาวอิสรีย์จะถูกจับ คนที่อยู่ในสำนักเล่าว่า นางสาวอิสรีย์เตรียมตัวจะหลบหนีคืนนั้น โดยจะออกทางด้านหลังสำนักที่ทะลุได้หลายทาง ปรากฏว่า รอบสำนักมีตำรวจพร้อมฝ่ายปกครองล้อมไว้หมด จึงต้องล้มเลิก กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจนำหมายจับมาควบคุมตัว เพราะล่องหนหายตัวไปไหนไม่ได้
ต่อมาผู้สื่อข่าวนำรูปภาพหญิงสาวหน้าตาดีให้นางสดศรี จันทะฝ่าย อายุ 60 ปี ชาวบ้านที่มีบ้านติดกับสำนักปฏิบัติธรรมดู นางสดศรียืนยันว่า เป็นแม่ชีการ์ตูนหรือน้องน้ำตาล แม้จะสวมวิกก็จำได้ เพราะมาซื้อน้ำดื่มกับตนเป็นประจำ ส่วนเรื่องภายในสำนักไม่รู้ เพราะไม่เคยไปทำบุญ อีกอย่างคนในหมู่บ้านนี้ไม่มีใครเข้ามาทำบุญกัน พวกที่ถูกหลอกจึงเป็นบุคคลจากที่อื่นทั้งนั้น
ขณะนี้ นางสาวนภา อินทร์ไชยา อายุ 52 ปี พี่สาวของนางสาวอิสรีย์ หรือพญาธรรมมิกราช อินทร์ไชยา หรือแม่ชีอู๋ หรือแม่ชีห่มแดง ให้ข้อมูลว่า เมื่อปี 2559 แม่ชีอู๋ ห่มแดง มีพี่น้อง 4 คน เป็นลูกคนสุดท้อง ออกจากบ้านไปอยู่ต่างจังหวัดตั้งแต่เรียนมัธยม เคยมีครอบครัวมาก่อน แต่เลิกกับสามีเมื่อหลายสิบปีที่แล้ว แต่ไม่มีลูก
แม่ชีอู๋เคยกลับมาที่บ้านเกิดทำมาค้าขายอาหารตามสั่ง ขายของชำสักระยะ อ้างว่าจะมาดูแลแม่ ต่อมาได้หันไปเข้าวัดปฏิบัติธรรม แต่ช่วงที่อยู่กับแม่เคยออกอุบายหลอกให้แม่เซ็นแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการมรดก เพื่อจะไปดำเนินการแบ่งที่ดิน คือที่บ้าน 57 ตารางวา ให้กับพี่น้องรวม 4 คน แต่เมื่อแม่ตั้งเป็นผู้จัดการมรดก กลับนำที่ดินไปขายฝากกับนายทุนในราคา 5 ล้านบาท ซึ่งครอบครัวไม่เคยรู้มาก่อนว่า บ้านพร้อมที่ดินตรงนี้ถูกขายไปแล้ว กระทั่งมีนายทุนมาขับไล่ที่ จนมีการต่อสู้คดีในชั้นศาลอยู่ระหว่างชั้นฏีกา ไม่รู้อนาคตจะมีที่ซุกหัวนอนหรือไม่
ความคืบหน้าด้านคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงเดินหน้าสอบเส้นทางการเงินว่า มีการโยกย้ายไปให้ใคร เพราะในบัญชีของนางสาวอิสรีย์เหลือเพียง 8 บาทเท่านั้น ด้านผู้เสียหายต่างทยอยเข้าแจ้งความเพื่อหวังว่าจะได้เงินที่ถูกหลอกไปคืนกลับมา.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |