ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แถลงนโยบายต่อที่ประชุมร่วมสภาคองเกรสเมื่อวันพุธ ประกาศสหรัฐพร้อมเดินหน้าและกลับมาเป็นผู้นำโลกอีกครั้ง เสนอแผนใช้จ่ายก้อนใหม่ด้านการศึกษา 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ ส่วนนโยบายต่างประเทศเน้นหนักที่จีน ระบุสหรัฐพร้อมเข้าสู่การแข่งขันแต่ไม่คิดสร้างความขัดแย้ง
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แถลงนโยบายครั้งแรกต่อที่ประชุมร่วมสภาคองเกรสเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2564 ด้านหลังคือรองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส และประธานรัฐสภา แนนซี เพโลซี (Photo by Melina Mara-Pool/Getty Images)
เอเอฟพีรายงานเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 29 เมษายน 2564 ว่า การแถลงต่อที่ประชุมร่วมสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาสหรัฐเมื่อวันพุธที่ผ่านมาแปลกแตกต่างกว่าทุกครั้ง เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 ทำให้ต้องจำกัดจำนวนผู้ที่อยู่ภายในห้องประชุมเหลือเพียงประมาณ 200 คน จากปกติที่มีถึงสมาชิกและบุคคลภายนอกเข้ารับฟังราว 1,600 คน โดยศาลฎีกามีเพียงประธานศาลฎีกา จอห์น โรเบิร์ตส์ เพียงคนเดียว และรัฐมนตรีก็มีเพียงรัฐมนตรีกลาโหมและรัฐมนตรีต่างประเทศ
เนื้อหาโดยรวมของคำแถลง ซึ่งถ่ายทอดทางโทรทัศน์ในช่วงไพรม์ไทม์ค่ำวันพุธ สะท้อนคำขวัญของเขาที่ว่า "อเมริกากลับมาแล้ว" ทั้งด้านการฟื้นตัวจากหายนะของไวรัสโคโรนาและการทิ้งความปั่นป่วนวุ่นวายในยุคของโดนัลด์ ทรัมป์ ไว้เบื้องหลัง
ไบเดนกล่าวยกย่องความสำเร็จของโครงการฉีดวัคซีนว่าเป็นความสำเร็จด้านลอจิสติกส์ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ ในอเมริกา เราลุกขึ้นใหม่เสมอ "อเมริกาพร้อมลุยแล้ว" เขากล่าว "เรากำลังทำงานกันอีกครั้ง ฝันอีกครั้ง ค้นพบอีกครั้ง เป็นผู้นำโลกนี้อีกครั้ง"
กระนั้น ไบเดนกระตุ้นเตือนว่า ตอนนี้ความพยายามระดับประเทศต้องเน้นความสำคัญกับการสร้างเศรษฐกิจใหม่และต่อสู้กับความเหลื่อมล้ำ ด้วย "แผนด้านการจ้างงานครั้งใหญ่ที่สุดนับแต่สงครามโลกครั้งที่ 2" เขายังกล่าวถึงคนอเมริกันชนชั้นแรงงานด้วยว่าเคยถูกละเลย ในขณะที่คนรวย 1% รวยเอาๆ แต่แผนของเขาจะทำให้ชนชั้นแรงงานมีโอกาส
ประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตผู้นี้เรียกร้องให้สมาชิกคองเกรสพรรครีพับลิกันและเดโมแครตร่วมมือกันเป็นหนึ่งเดียว ไม่ว่าด้านการปฏิรูปตำรวจ, การปฏิรูปด้านคนเข้าเมือง และการควบคุมอาวุธปืน ซึ่งล้วนเป็นประเด็นที่อ่อนไหวที่สุดในการเมืองสหรัฐ
เขายังเสนอแผนการใช้จ่ายงบประมาณก้อนใหม่มูลค่า 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ในชื่อร่างกฎหมายครอบครัวอเมริกัน โดยจะหารายได้จากการขึ้นภาษีกลุ่มอภิมหาเศรษฐีเพื่อนำมาใช้จ่ายด้านการศึกษาในระดับต่างๆ
ด้านโยบายต่างประเทศ ไบเดนเน้นย้ำว่าสหรัฐกลับคืนสู่ความเป็นหุ้นส่วนระหว่างประเทศที่เสียหายไปในยุคของทรัมป์ ที่ดำเนินนโยบายโดดเดี่ยวตนเอง "ไม่มีชาติใดที่ประสบความสำเร็จได้โดยลำพัง" ไบเดนกล่าว
ประเทศที่ไบเดนกล่าวถึงมากเป็นพิเศษคือจีน คู่แข่งชาติสำคัญของสหรัฐในแทบทุกด้าน เขากล่าวว่า ในขณะที่จีนกำลังแสวงหาความใหญ่ยิ่งสูงสุด สหรัฐยินดีต้อนรับแข่งขันและไม่ได้คิดสร้างความขัดแย้ง เขาเตือนด้วยว่า จีนและประเทศอื่นๆ กำลังขยับเข้าใกล้สหรัฐอย่างรวดเร็ว สหรัฐจึงต้องพัฒนาและเหนือกว่าในด้านผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีของอนาคต
ผู้นำสหรัฐกล่าวด้วยว่า เขาได้บอกกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ไปว่า สหรัฐจะยังคงรักษาบทบาททางทหารอันเข้มแข็งในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกไว้ต่อไป "แบบเดียวกับที่เราทำเพื่อนาโตในยุโรป ไม่ใช่เพื่อเริ่มต้นความขัดแย้ง แต่เพื่อป้องกันความขัดแย้ง"
เขากล่าวถึงการแข่งขันกับรัสเซีย ที่เป็นคู่แข่งฉกาจด้านภูมิรัฐศาสตร์อีกชาติหนึ่ง ว่า เขาบอกกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน อย่างชัดเจนว่า การแทรกแซงของรัสเซียต่อการเลือกตั้งสหรัฐและการโจมตีไซเบอร์ต่อรัฐบาลและธุรกิจอเมริกันจะเผชิญกับผลที่ตามมา แต่รัฐบาลของเขาก็ไม่ต้องการทำให้บานปลาย.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |