28 เม.ย.64 - นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.เขตบางขุนเทียน กทม. โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ ด้านเศรษฐกิจ และ รมว.พลังงาน ระบุขอให้คนรักชาตินำเงินฝากที่เก็บไว้ไปใช้จ่าย ว่า ท่านเห็นหัวความเดือดร้อนของประชาชนหรือไม่ ที่ท่านออกมาแถลงข่าวเมื่อวานก่อนการประชุม ครม. ตนได้อ่านบทสัมภาษณ์แล้วรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่งที่รองนายกฯ เศรษฐกิจยังทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน ออกมาให้สัมภาษณ์หน้าชื่นตาบานว่ายังไม่มีการพูดคุยถึงมาตรการเยียวยาประชาชน แล้วก็ให้สัมภาษณ์เรื่องอื่น ๆ ตนในฐานะผู้แทนประชาชนก็ขอส่งเสียงดังๆ ถึงท่านให้เลิกตีฝีปาก แล้วรีบกลับไปทำงานหามาตรการมาเยียวยาประชาชนได้แล้ว
“ทุกวันนี้ประชาชนเดือดร้อนอย่างหนัก ผมลงพื้นที่ที่ไหนประชาชนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเมื่อไหร่รัฐบาลจะมีมาตรการเยียวยา โควิดรอบแรก รอบสองถึงแม้จะช้า แต่รัฐบาลยังออกมาสื่อสารว่าประชาชนจะได้รับการช่วยเหลืออย่างไร แต่โควิดรอบนี้ผ่านมาแล้ว 1 เดือน รัฐบาลยังเงียบเหมือนเป่าสาก ผมเข้าใจว่าประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมาของรองนายกฯ เศรษฐกิจเคยแต่รับใช้กลุ่มทุน ไม่เคยรับใช้ประชาชน แต่เมื่อท่านเข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้แล้วก็ขอให้ท่านเห็นหัวประชาชนเจ้าของประเทศนี้บ้าง ไม่ใช่สนใจแต่กลุ่มทุนอย่างเดียว”
นายณัฐชา กล่าวต่อไปว่า ความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ที่รายได้ลด ต้องทำงานมากขึ้น ในขณะที่ค่าครองชีพสูงขึ้นจากการบังคับสวมหน้ากากอนามัยของรัฐบาล การระบาดของโควิดรอบนี้ต้องเรียกว่ากระทบชีวิตพี่น้องประชาชนหนักกว่ารอบก่อน โดยเฉพาะคนมีรายได้น้อย การบังคับหน้ากากอนามัยสำหรับคนที่นั่งทำงานในห้องแอร์อาจจะคิดว่าไม่กี่บาท แต่สำหรับคนหาเช้ากินค่ำถือ หน้ากากอนามัยกล่องนึงเท่ากับค่าข้าวหลายมื้อของเค้า ถ้าซื้อแยกก็ได้ต่อชิ้นแพงที่แพงกว่า
"ชาวบ้านบอกผมว่าหน้ากากอนามัย 1 อัน ใส่ซ้ำ 2-3 วัน ผมก็ไม่รู้ว่านี่จะเป็นการป้องกันโรคหรือยิ่งกระจายเชื้อโรค แต่ก็เป็นทางเลือกเดียวของเค้าที่ต้องรับภาระมากขึ้น เพราะมาตรการรัฐบาลบังคับให้ใส่แมสก์ แต่ไม่มีสวัสดิการ หรือมีแมสก์ฟรีแจกให้ประชาชน ผมคิดว่านี่เป็นเรื่องที่เลวร้ายมากที่รัฐบาลมองไม่เห็นชีวิตคนกลุ่มนี้ ก่อนออกมาตรการที่แม้แต่ตัวนายกฯ เองก็ทำไม่ได้ แต่ชาวบ้านเขาไม่ได้มีเงินมีอำนาจเหมือนท่าน ไม่ได้มีผู้ว่า กทม. หรือ ผบ.ตร. เดินทางเข้ามาปรับเงินอย่างนอบน้อม ที่เค้าเจอคือเจ้าหน้าที่ของรัฐอีกแบบ ผมไม่ได้บอกให้ยกเลิกมาตรการนี้ แค่อยากให้ท่านมองเห็นชีวิตคนที่กำลังเดือดร้อนและให้รัฐช่วยจัดหาหน้ากากอนามัยฟรีให้กับคนรายได้น้อย"
นอกจากนี้ นายณัฐชา ยังเรียกร้องให้รัฐบาลนำงบประมาณที่เหลืออยู่มาใช้เยียวยาประชาชนอย่างคุ้มค่าที่สุดว่า ตอนนี้ประชาชนกำลังเดือดร้อนอย่างหนัก ไม่มีคำสั่งล็อคดาวน์ก็เหมือนมี ไปไหนมาไหนการค้าขายเงียบสงัด สิ่งที่ประชาชนรออยู่ตอนนี้คือเมื่อไหร่รัฐบาลจะเอาเงินมาเยียวยาพวกเขาสักที ยิ่งรัฐบาลถ่วงไม่ประกาศมาตรการเยียวยา ประชาชนยิ่งวางแผนชีวิตไม่ถูก ตอนนี้ควรหยุดออกไปค้าขายเพื่อลดความเสี่ยง หรือจะเสี่ยงออกไปทำมาหากินดี เพราะถ้าไม่ออกไปสิ้นเดือนนี้พวกเขาอดตายแน่ จนถึงตอนนี้รัฐบาลก็ยังไม่มีมาตรการอะไรออกมา เจ้าหนี้ก็ยังมาทวงหนี้ปกติ ค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟ ก็ยังโดนเรียกเก็บปกติ
"มาตรการเยียวยาประชาชนในรอบแรก รอบสอง อาจเป็นการซับน้ำตา แต่ผมคิดว่ามาตรการเยียวยาโควิดรอบนี้คือซับเลือดประชาชนแล้ว ผมเรียกร้องให้รัฐบาลระดมงบประมาณและสรรพกำลังทั้งหมดมาหยุดยั้งการแพร่ระบาดและช่วยเหลือประชาชนก่อน งบอะไรที่ไม่ได้ใช้กับพี่น้องประชาชน รัฐบาลต้องตอบให้ได้ว่านำไปใช้เพื่ออะไร" นายณัฐชา กล่าวทิ้งท้าย
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |