28 เมษายน 2564 นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP เปิดเผยว่าในปี 2564 นี้บริษัทตั้งเป้าการเติบโตของรายได้เป็นตัวเลขสองหลัก หรือรวมกว่า 1 แสนล้านบาท จากทิศทางการเติบโตของบริษัทที่ดีขึ้น รวมถึงการรับรู้รายได้ของหลาย ๆ โครงการที่ทั้งมีการเดินหน้าเชิงพาณิชย์แล้ว และอยู่ระหว่างพัฒนาและจะสามารถรับรู้รายได้ภายในสิ้นปีนี้ ขณะเดียวกันบริษัทตั้งงบลงทุนของปีนี้อยู่ที่ 20,000 ล้านบาท ใช้จ่ายตามแผนการลงทุนโดยไม่มีการปรับลด ซึ่งในวงเงินกังกล่าว แบ่งเป็นงบที่มีการอนุมัติแล้ว 6,000 ล้านบาท และงบที่ใช้เป็นปกติอีก 5,000 ล้านบาท
โดยการลงทุนอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา บริษัทได้ลงทุนขยายธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบบครบวงจร รวม 4 โครงการ ได้แก่ 1.การเปิดดำเนินการโรงงานผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์กำลังผลิตส่วนเพิ่ม 400,000 ตันต่อปี ของ Fajar ในประเทศอินโดนีเซีย 2.การขยายกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์จากวัสดุสมรรถนะสูงและพอลิเมอร์อีกกว่า 347 ล้านชิ้นต่อปี ในบริษัทวีซี่ แพ็คเกจิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด 3.การเข้าลงทุนใน Bien Hoa Packaging Joint Stock Company (SOVI) ประเทศเวียดนามเพื่อขยายฐานลูกค้าในอุตสาหกรรมอาหาร เครื่องดื่ม สินค้าอุปโภคบริโภค และ 4.การเข้าลงทุนใน Go-Pak UK Limited เพื่อขยายฐานตลาด บรรจุภัณฑ์อาหารในภูมิภาคต่าง ๆ รองรับเมกะเทรนด์
ขณะที่งบประมาณที่เหลือ 9,000 ล้านบาทจะใช้ในแผนลงทุนเพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่ในมือ และมองหาโอกาสที่จะควบรวมกิจการใหม่ ๆ ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงโครงการ Duy Tan ของประเทศเวียดนาม ที่กดำเนินการด้านบรรจุภัณฑ์พลาสติกแบบคงรูป กำลังการผลิตประมาณ 116,000 ตันต่อปี ซึ่งคาดว่าการทำธุรกรรมเข้าซื้อหุ้นแล้วเสร็จในปีนี้ ขณะเดียวกันยังมีโครงการอื่น ๆ ที่กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาอีกด้วย เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตของบริษัท
"แนวโน้มของตลาดในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ มีทั้งปัจจัยบวกและลบ ซึ่งบริษัทมั่นใจว่าจะสามารถดำเนินงานท่ามกลางความเสี่ยงต่าง ๆ ได้ จากการพัฒนาทุกโครงการที่กำลังทำอยู่ เพื่อให้ บเป้าหมายของยอดขายที่วางไว้มีความชัดเจน ขณะที่การปรับแผนดำเนินการในระยะยาวยืนยันว่าจะไม่มีเปลี่ยนแปลงแม้สถานการณ์ต่างๆเป็นผลกระทบเพราะเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตของตลาดทั้งในและอาเซียน โดยสอดคล้องกับการเติบโตอย่างต่อเนื่องของบริษัทนับจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อเดือนต.ค.ปีที่ผ่านมา"นายวิชาญ กล่าว
ทั้งนี้ในไตรมาสที่ 1 ของปี 64 บริษัทมีรายได้จากการขายทั้งสิ้น 27,253 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสำหรับงวดเท่ากับ 2,135 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรก่อนหักต้นทุนทางการเงิน ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย(อีบิทดา) อยู่ที่ 5,267 ล้านบาท ถือว่าอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง โดยเพิ่มขึ้น 42% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากการขายที่เพิ่มขึ้นมาจากการเติบโตของความต้องการซื้อสินค้าของผู้บริโภคในอาเซียน ราคากระดาษ บรรจุภัณฑ์ในภูมิภาคปรับตัวสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม SCGP มีการวางโมเดลธุรกิจมุ่งขยายธุรกิจบรรจุภัณฑ์ปลายน้ำ ในภูมิภาคอาเซียนให้เติบโตยิ่งขึ้น การกระจายฐานลูกค้าในหลากหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่มี ความเกี่ยวข้องกับไลฟ์สไตล์ อาทิ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม สินค้าเพื่อสุขอนามัย ฯลฯ ที่ยังมีการเติบโตได้ดี เนื่องจากเป็นสินค้าที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน โดยบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภค ที่มีสัดส่วนประมาณ 70% ของรายได้จากสายธุรกิจ บรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรจากการขายในไตรมาสแรกที่ผ่านมา ส่วนบรรจุภัณฑ์สำหรับอีคอมเมิร์ซยังมีการเติบโตได้ดีในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภค และได้รับผลเชิงบวกในช่วงที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค โควิด-19
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |