28 เม.ย.2564 - นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการบริหารสถานการณ์ โควิด-19 และการบริหารจัดการวัคซีนของนายกรัฐมตรีว่า นายกฯ และรัฐบาลได้ทำงานแก้ไขปัญหาได้เป็นอย่างดีแล้ว แต่เพื่อให้การบริหารจัดการมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นอีก นายกฯ และ ครม.จึงได้โอนอำนาจให้นายกฯคุม 31  พ.ร.บ ในการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19  ซึ่งโฆษกรัฐบาลได้ยืนยันแล้วว่าเป็นการโอนเพียงชั่วคราวเท่านั้น เป็นการเสริมอำนาจ ไม่ใช่เป็นการรวบอำนาจ ขณะที่รัฐมนตรีก็ยังมีอำนาจอยู่ เป็นบางเรื่องที่นายกฯสั่งการได้
ส่วนการบริหารจัดการวัคซีน ครม.ยังได้อนุมัติงบประมาณ 321 ล้านบาท ในการจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมแล้ว  ทั้งนี้นายกฯ ยังมีเป้าหมายให้จัดหาวัคซีนให้ได้ 10-15 ล้านโดสต่อเดือน และนำมาฉีดให้กับประชาชนให้ได้มากที่สุดอย่างน้อยวันละ 3 แสนโดส

นายเสกสกลกล่าวอีกว่า ขอให้ประชาชนสบายใจและมั่นใจได้ว่านายกฯ จะทำทุกอย่างเพื่อแก้ไขกับสถานการณ์โควิด และจะให้ประชาชนเข้าถึงวัคซีนให้เร็วและครบทุกคน ขณะเดียวกันขอฝ่ายค้านเปิดใจ รับฟัง ถึงการทำงานของนายกฯ บ้าง และพิจารณาก่อนว่านายกฯ ได้ทำอะไรบ้างแล้ว ไม่ใช่ว่านำทุกประเด็นมาโจมตีกล่าวหานายกฯ และรัฐบาลตลอดเวลา

"ต้องขอขอบคุณพรรคการเมืองและหน่วยงานทุกภาคส่วนรวมถึงภาคเอกชนที่เสียสละร่วมมือร่วมใจช่วยกันแก้ไขปัญหาวิกฤตในครั้งนี้ไปด้วยกันพร้อมกับรัฐบาล ถ้าทุกฝ่ายมีความตั้งใจจริง ช่วยกันลงมือกระทำ หยุดพูดทำลายกัน หยุดโจมตีตำหนิด่าทอกัน เป็นขวัญกำลังใจให้กันและกันในยามบ้านเมืองต้องการความรักความสามัคคี ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเช่นนี้ นายกฯและรัฐบาล มั่นใจว่าประเทศไทยต้องชนะและก้าวผ่านวิกฤตตไวรัสร้ายนี้ไปได้อย่างแน่นอน"