ส.อ.ท.รับโควิดระลอกใหม่กระทบหนัก หวั่นเอาไม่อยู่ เสียหายเดือนละแสนล้านบาท ชงรัฐใช้ยาแรง ล็อกดาวน์โซนแดง 15 วัน ยันเอกชนรับได้ พร้อมเร่งฉีดวัคซีนประชาชน นายกฯ ปลื้ม JCR คงอันดับความน่าเชื่อถือไทย
เมื่อวันที่ 27 เมษายน นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกนี้หนักหน่วงไม่แพ้ครั้งแรกและมีความกังวลค่อนข้างมาก เพราะมีจำนวนผู้ติดเชื้อสูง โดยเบื้องต้นประเมินผลกระทบครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัวไปอย่างน้อย 1 เดือน และหากยังไม่สามารถหยุดยั้งการแพร่ระบาดได้ จะเกิดความเสียหายลุกลามต่อไปเดือนละ 1 แสนล้านบาทแน่นอน ดังนั้น ภาคเอกชนเห็นว่ามีความจำเป็นต้องล็อกดาวน์เฉพาะพื้นที่ที่มีความเสี่ยงและมีการแพร่ระบาดสูงในบางพื้นที่ บางธุรกิจหรือบางอาชีพอย่างน้อย 15 วัน ซึ่งภาคเอกชนรับได้ และถ้าประเมินสถานการณ์แล้วหมดความสุ่มเสี่ยง ค่อยผ่อนคลายเป็นมาตรการป้องกันแทนล็อกดาวน์ หากไม่ล็อกดาวน์เลยจะยิ่งสร้างเสียหายเพิ่มขึ้นทุกวัน
ส่วนภาคอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ได้รับมีความเสียหายเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กที่อิงธุรกิจภาคบริการ และอุตสาหกรรมบางส่วนที่อิงตลาดในประเทศ ดังนั้นหากรัฐบาลบริหารจัดการเรื่องการกระจายวัคซีนได้เร็วขึ้นให้ประชาชนได้รับวัคซีนภายในเดือน มิ.ย. ประมาณ 20-30 ล้านโดส เชื่อว่าจะช่วยบรรเทาความเสียหายทางเศรษฐกิจและสามารถกลับฟื้นคืนมาได้แน่นอน ขณะที่อุตสาหกรรมที่อิงการส่งออกส่วนใหญ่ปรับตัวดีขึ้นหมด เพราะเศรษฐกิจโลกดีขึ้น เช่น สหรัฐโตเกือบ 6% จีนมากกว่า 8% หรืออาจโตเป็นตัวเลขสองหลัก ช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจโลกมีทิศทางที่ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม ส.อ.ท.ได้รวบรวมข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ ที่ภาคเอกชนต้องการให้ 1.ขอภาครัฐเร่งควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ให้ได้โดยเร็ว โดยใช้มาตรการล็อกดาวน์เฉพาะพื้นที่ที่มีความเสี่ยงและมีการแพร่ระบาดสูง 2.เร่งรัดการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชนเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนเกี่ยวกับความปลอดภัยของวัคซีน 3.สนับสนุนให้เอกชนนำเข้าวัคซีนที่ได้ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แล้ว เพื่อช่วยให้การฉีดวัคซีนเร็วขึ้น 4.ขอให้ภาครัฐดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เพื่อช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง 5.เร่งแก้ไขปัญหาการเข้าถึงแหล่งเงินกู้ของผู้ประกอบการโดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) และ 6.เร่งแก้ไขปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์เพื่อช่วยเหลือผู้ส่งออก
ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้รับรายงานจากกระทรวงการคลังกรณีที่บริษัท Japan Credit Rating Agency, Ltd. หรือ JCR ซึ่งเป็นบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น จัดอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้และผู้ออกตราสารหนี้ทั้งในประเทศญี่ปุ่นและต่างประเทศ ได้คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย ที่ระดับ A - และยืนยันมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทยอยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพ
ทั้งนี้ นายกฯ ระบุว่า ผลการจัดอันดับดังกล่าวเป็นเรื่องที่น่ายินดี และสะท้อนให้เป็นมุมมองของต่างประเทศต่อพื้นฐานเศรษฐกิจไทยและแนวนโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล แม้ที่ผ่านมาประเทศไทยจะต้องเผชิญกับสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยเฉพาะภาคการส่งออกและท่องเที่ยว ซึ่งเป็นภาคส่วนที่เศรษฐกิจไทยพึ่งพิงอยู่มาก แต่ด้วยสถานการณ์การเงินและการคลังที่เข้มแข็งของประเทศ จะเป็นแรงหนุนสำคัญให้รัฐบาลสามารถเดินหน้าเต็มที่ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยให้กลับมาเข้มแข็งได้
ทางด้านนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ชี้แจงกรณีที่มีสื่อบางแห่งนำคำให้สัมภาษณ์ของตนเองไปสื่อสารให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิดว่า “ขอให้คนรักชาตินำเงินฝากที่เก็บไว้ไปใช้จ่าย” และใส่เครื่องหมายอัศเจรีย์ ซึ่งเป็นคำพูดเพียงสั้นๆ และคงเป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อน ซึ่งอยากทำความเข้าใจกับทุกคนว่าทุกประเทศในยามนี้ สิ่งที่จะรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจได้คือการบริโภคในประเทศ และพบว่าเงินฝากของภาคเอกชนที่อยู่ในระบบเงินฝากเพิ่มมากขึ้นหลายแสนล้านเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งเป็นปีที่เกิดวิกฤติโควิด-19 เหมือนกัน รัฐบาลจึงตระหนักว่าถ้านำเงินส่วนนี้มาช่วยกันจะเกิดเงินหมุนเวียนในประเทศ ไม่ใช่การบังคับ แต่จะมีมาตรการส่งเสริมให้ประชาชนที่มีเงินฝากนำเงินที่เกินมาไปใช้ในการอุปโภคบริโภคและลงทุน ตรงนี้จะมีส่วนให้ประเทศไทยมีศักยภาพที่ดีขึ้น.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |