ปรับบิ๊กตู่ไม่ใส่แมสก์ ‘อัศวิน’นำแจ้งความ ขณะประชุมที่ทำเนียบ


เพิ่มเพื่อน    

  “บิ๊กตู่” สังเวยไม่ใส่แมสก์ “อัศวิน” นำทีมแจ้งความพร้อมเปรียบเทียบปรับ 6,000 บาท ส่วนกรณีขับรถคนเดียวยังมึน! ฝ่ายกฎหมาย กทม.บอกไม่ผิด แต่ ผบช.ภ.1 มองว่าผิด หลายจังหวัดเข้มมาตรการไม่สวมใส่หน้ากาก พร้อมปิดสถานที่เสี่ยง ยอดรายวันติดเชื้อใหม่ยังพุ่งในหลายพื้นที่

    เมื่อวันจันทร์ที่ 26 เมษายน ศูนย์บริหารสถานการณ์โรคโควิด-19 กระทรวงมหาดไทย (ศบค.มท.) ได้รวบรวมจังหวัดที่มีคำสั่งกำหนดมาตรการให้ประชาชนใส่หน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้าเมื่ออยู่นอกเคหสถาน หากฝ่าฝืนจะต้องโทษปรับเป็นเงินจำนวน 20,000 บาท ตามมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 นั้น ล่าสุดพบว่ามี 50 จังหวัดแล้ว ส่วนของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ก็มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 26 เม.ย.เป็นต้นไป
    ทั้งนี้ ฝ่ายกฎหมายของ กทม.ชี้แจงว่า กรณีขับรถหรืออยู่ในรถคนเดียวไม่ใส่หน้ากากอนามัยได้ แต่ถ้ามีคนอื่นนั่งมาด้วยต้องใส่หน้ากากอนามัย ฝ่าฝืนจะถูกโทษปรับตามกฎหมายสำหรับผู้ไม่ใส่หน้ากากอนามัย
    ขณะเดียวกันในโลกโซเชียลได้เกิดกระแสโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ไม่สวมหน้ากากอนามัยในระหว่างการประชุมทีมที่ปรึกษาเรื่องการจัดหาวัคซีนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งที่ผู้ร่วมประชุมทุกคนสวมใส่ จนเกิดคำถามจากสังคมว่าประกาศของ กทม.เลือกปฏิบัติหรือไม่อย่างไร และเมื่อเวลา 15.43 น. เพจเฟซบุ๊กประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha ซึ่งก่อนหน้านี้ได้โพสต์ข้อความและภาพการประชุมดังกล่าว ล่าสุดได้ลบภาพออกไปแล้ว เนื่องจากเป็นภาพที่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้สวมใส่หน้ากากอนามัยจนเกิดคำถามจากสังคม
    ด้าน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการ กทม. โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีนี้ว่า หลังจากการประชุม นายกฯ ได้แจ้งมาให้ตรวจสอบว่ากรณีดังกล่าวเป็นความผิดหรือไม่ ซึ่งได้แจ้งว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง ให้ประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกครั้งตลอดเวลาที่ออกนอกเคหสถาน หรือสถานที่พำนัก เป็นความผิดตามมาตรา 51 แห่ง พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 ซึ่งความผิดดังกล่าว พนักงานสอบสวนมีอำนาจเปรียบเทียบปรับได้ โดยมีอัตราการเปรียบเทียบปรับตามบัญชีท้ายเป็นจำนวนเงิน 6,000 บาท
    “ต่อมาผมพร้อมด้วยผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และพนักงานสอบสวน สน.ดุสิต จึงเดินทางมายังทำเนียบรัฐบาล โดยผมได้กล่าวหาในฐานความผิดดังกล่าว ซึ่งนายกฯ ยินยอมให้ทำการเปรียบเทียบปรับ จึงได้ให้พนักงานสอบสวน สน.ดุสิต ทำการเปรียบเทียบปรับตามอัตราดังกล่าว” พล.ต.อ.อัศวินโพสต์ไว้
    ขณะเดียวกัน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีตำรวจภูธรภาค 1 จับกุมผู้ที่ฝ่าฝืนไม่สวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่ในรถจนเกิดการวิพากษ์วิจารณ์ว่า อยู่ระหว่างการตรวจสอบกับ สภ.บางปะหัน ยืนยันว่าการจับกุมตำรวจมีหลักเกณฑ์การปฏิบัติและบังคับใช้
    พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ยังกล่าวถึงการขับรถมาคนเดียวไม่สวมหน้ากากอนามัยว่า ฝ่ายกฎหมายของ กทม.เห็นว่ายังไม่ชัดเจน ซึ่งตำรวจก็เห็นสอดคล้อง เพราะไม่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโควิด-19 ก็อาจพิจารณาหรืออนุโลม ซึ่งต้องใช้ดุลยพินิจในการพิจารณา โดยขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงเร่งประชาสัมพันธ์และแจ้งการรับรู้ให้ประชาชน หากผ่านช่วงนี้ไปแล้วยังพบว่าฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามก็จะดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด
    ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (บช.ภ.1) พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1) แถลงชี้แจงการปรับ 500 บาทของ สภ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 25 เม.ย. ในความผิดฐานไม่สวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่นอกเคหสถาน ว่าพนักงานสอบสวนเข้าใจไปว่ามีอำนาจตามกฎหมายควบคุมโรคสามารถเปรียบเทียบปรับได้เอง จึงสั่งปรับเป็นเงิน 500 บาท ซึ่งได้แย้งไปว่ากรณีนี้พนักงานสอบสวนต้องปรับในอัตราขั้นต่ำเป็นเงิน 6,000 บาท ผู้ถูกกล่าวหาขอให้พนักงานสอบสวนทำสำนวนส่งฟ้องศาลแขวง เพื่อให้ศาลใช้ดุลยพินิจ?ในการสั่งปรับแทน โดยเชื่อว่าน่าจะปรับได้ต่ำกว่าเงิน 6,000 บาท ดังนั้นจึงใช้อำนาจของผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 สั่งเพิกถอนการเสียค่าปรับ 500 บาทไปแล้ว โดยให้ส่งศาลพิจารณา พร้อมตำหนิพนักงานสอบสวนที่ทำไปโดยพลการ ซึ่งจากนี้จะกำชับไปยังตำรวจภูธรจังหวัดที่อยู่ในความรับผิดชอบของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ให้ปฏิบัติเป็นไปตามแนวทางเดียวกันแล้ว
    พล.ต.ท.อำพลยังชี้แจงถึงการขับรถยนต์คนเดียวโดยไม่สวมหน้ากากอนามัยเข้าข่ายความผิดกฎหมายหรือไม่ ว่า หากตีความตามคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดถือว่าผิด เพราะแม้ว่าจะอยู่ในรถยนต์ส่วนตัว แต่คำสั่งมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่เชื้อ ดังนั้นจึงขอความร่วมมือให้ประชาชนปฏิบัติตาม เพื่อให้เป็นการยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อ จึงไม่ต้องการให้ประชาชนตีความเป็นอย่างอื่น เพราะหากมีความผิด ตำรวจก็จำเป็นต้องดำเนินคดี
    ผบช.ภ.1 ยืนยันว่าตำรวจมีการใช้ดุลยพินิจ ไม่ใช่จ้องที่จะเข้าไปจับปรับผู้ที่ฝ่าฝืนไม่สวมหน้ากากอนามัยอย่างเดียว แต่ดูที่เจตนา หรือกรณีมีการกระทำความผิด หรือได้รับการร้องเรียน ว่ามีการฝ่าฝืนไม่สวมหน้ากากอนามัยบ่อยครั้งในพื้นที่สาธารณะ ตำรวจจึงจะเข้าไปบังคับใช้กฎหมาย
    สำหรับการบังคับใช้เรื่องดังกล่าวในพื้นที่ต่างๆ และตัวเลขผู้ติดเชื้อล่าสุดนั้น ที่ จ.ปทุมธานี นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าฯ ปทุมธานี ได้แถลงคำสั่งจังหวัดปทุมธานีที่ 3927/2564 ปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว และกำหนดมาตรการควบคุมป้องกันโรคเพิ่มเติมตั้งแต่วันที่ 27 เม.ย.เป็นต้นไป
     ส่วนที่ จ.สมุทรปราการ สถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ล่าสุดพบผู้ติดเชื้อจำนวน 110 ราย ทำให้มีผู้ป่วยสะสมระลอกใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.จนถึงปัจจุบัน 1,176 ราย อยู่ในพื้นที่ 662 ราย และนอกพื้นที่ 514 ราย รักษาตัวในโรงพยาบาลของรัฐ 191 ราย, โรงพยาบาลเอกชน 278 ราย และรักษาใน Hospitel 275 ราย ขณะเดียวกัน พล.ต.ต.ชุมพล พุ่มพวง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ ได้มีคำสั่งให้สถานีตำรวจภูธรทุกแห่งในจังหวัดสมุทรปราการ กวดขันจับกุมผู้ที่ไม่ใส่แมสก์หรือหน้ากากอนามัยที่สัญจรไปมาทั้งในรถยนต์และที่เดินตามถนนหนทาง ส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการเปรียบเทียบปรับตามกฎหมาย
    จ.เชียงใหม่? สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ รายงานผู้ป่วยโควิด-19? รายใหม่ลดลงต่อเนื่อง โดยล่าสุดมี 78 ราย ส่งผลให้ยอดสะสมอยู่ที่ 3,302 ราย ขณะที่จังหวัดได้ออกมาตรการเพิ่มเติมในมาตรการควบคุมการจัดกิจกรรมรวมคนจำนวนมาก
    ขณะที่ อ.เกาะช้าง จ.ตราด พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก 3 ราย ส่งผลให้ทาง อ.เกาะช้าง และสำนักงานสาธารณสุข พร้อมผู้ประกอบการได้ร่วมประชุมหารือกันอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งมีความเห็นตรงกันที่จะให้มีการปิดเกาะช้างเป็นระยะเวลา 2-3 สัปดาห์ หรือประมาณ 21 วัน
    ส่วนที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือนั้น ที่ จ.นครราชสีมา ได้มีการกำชับถึงการเอาจริงในการสวมใส่แมสก์ เพราะล่าสุดพบผู้ติดเชื้อใน 26 อำเภอ จาก 32 อำเภอแล้ว โดยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 20 ราย รวมมียอดผู้ป่วยสะสม 467 ราย รักษาหาย 88 ราย ยังรักษาอยู่ 378 ราย และเสียชีวิต 1 ราย
    นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าฯ จ.ขอนแก่น กล่าวว่า วันนี้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น 12 ราย ทำให้จำนวนยอดผู้ป่วยสะสมรวม 325 ราย รักษาหายขาดแล้ว 44 ราย ทำให้จำนวนผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลต่างๆ ทั้ง 26 อำเภอมี 281 ราย และได้รับข่าวดีเมื่อรัฐบาลได้พิจารณาให้ขอนแก่นได้รับวัคซีนซิโนแวครอบพิเศษที่จะส่งมายังจังหวัดในช่วงปลายเดือนนี้ โดยยังคงรอข้อสรุปว่าจะได้จัดสรรมากน้อยเพียงใด
    จ.นครพนม พบผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก 7 ราย รวมยอดสะสม 84 ราย แต่ที่จังหวัดกังวลคือการป้องกันกลุ่มคนที่หนีจากพื้นที่เสี่ยง เช่น กทม.มารักษาที่นครพนม เพราะมีรายงานข่าวว่าเตียงสนามไม่เพียงพอ และล่าสุดพบแล้ว 2 เคส คือสาวไปทำงานที่ จ.ปัตตานี และชายชาวจีน
    จ.หนองคาย พบมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 10 ราย ยอดสะสม 40 ราย รักษาหายกลับบ้านได้แล้ว 6 ราย ขณะที่ จ.อำนาจเจริญนั้น รายงานว่ามีผู้ป่วยรายใหม่ 1 ราย ผู้ป่วยยืนยันระลอก 3 สะสม 32 ราย ส่วน จ.บุรีรัมย์ได้ออกมาตรการเข้ม โดยหากมีครอบครัวมาจากพื้นที่สีแดงจะกักตัว 14 วัน และครอบครัวสีเหลืองจะมีป้ายแยกในรายครัวเรือน
    ด้านพื้นที่ในภาคใต้นั้น จ.นครศรีธรรมราช มีผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่ม 24 ราย ยอดผู้ป่วยสะสม 239 ราย รักษาหายแล้ว 13 ราย รักษาตัวในโรงพยาบาล 226 ราย เช่นเดียวกับที่ จ.ปัตตานี ที่พบผู้ป่วยใหม่เพิ่มอีก 4 ราย ยอดรวมพุ่งเป็น 50 ราย ไม่ต่างจากที่ จ.พัทลุง ที่มีพบผู้ป่วยใหม่เพิ่มอีก 7 ราย ทำให้ยอดสะสมอยู่ที่ 115 ราย โดยได้มีการหารือและอาจมีการล็อกดาวน์หมู่บ้านที่มีผู้ติดเชื้อสูงด้วย ส่วนที่ จ.สงขลา พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 38 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมตั้งแต่วันที่ 1-26 เม.ย. รวม 492 ราย.
    

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"