26 เมษายน 2564 นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยถึงนโยบายการดำเนินงาน ภายหลังการเข้ารับตำแหน่งผู้ว่าการ กนอ.ว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 กนอ. ก็จะสานต่องานเดิมที่วางไว้ แต่จะมีการปรับรูปแบบให้สอดคล้องกับสถานการณ์เพื่อความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงาน และสร้างความยั่งยืนให้กับ กนอ.โดยการดำเนินงานจะแบ่งเป็น 6 กลุ่มใหญ่ที่สำคัญ ดังนี้ 1.เรื่องเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการ คือ เร่งหาแนวทางการดึงดูดการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมให้เพิ่มมากขึ้น โดยจะใช้ทั้งมาตรการการตลาดและมาตรการเชิงรุกออกไปหารือกับนักลงทุนโดยตรง รวมทั้งเร่งสื่อสารทางการตลาดประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูลศักยภาพของนิคมอุตสาหกรรม แก่นักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศให้มากขึ้น
2.เร่งสานต่อนโยบายที่สำคัญของรัฐบาล ได้แก่ การเร่งดำเนินโครงการสมาร์ท ปาร์ค และเร่งรัดโครงการท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด เฟส 3 ซึ่งเป็นท่าเรืออุตสาหกรรมขนส่งก๊าซ และพัฒนาอุตสาหกรรม ปิโตรเคมีชั้นสูงที่สำคัญ โดยทั้ง 2 โครงการนี้ ถือได้ว่าเป็นโครงการหลักที่สำคัญในการพัฒนาพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) ในส่วนของโครงการนิคมอุตสาหกรรมในเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน (SEZ) ซึ่งเป็นโครงการส่งเสริมเศรษฐกิจในพื้นที่ชายแดนที่สำคัญของรัฐบาล โดยเฉพาะนิคมฯ ชายแดนที่อยู่ในความรับผิดชอบของ กนอ. ได้แก่ นิคมฯ สระแก้ว นิคมฯ สงขลา
3.แผนลดความเสี่ยงในทุกด้านที่จะกระทบต่อการดำเนินกิจการในนิคมฯ ของ กนอ. โดยเฉพาะการลดความเสี่ยงจากการขาดแคลนน้ำและพลังงาน ซึ่งจะต้องมีเพียงพอทั้งในปัจจุบันและอนาคต โดยคำนึงถึงสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงต่างๆ เช่น การจัดทำแผนงานและแนวทางการบริหารแหล่งน้ำดิบให้เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า การหาและสร้างระบบจัดเก็บแหล่งน้ำดิบ สำรอง การส่งเสริมระบบเก็บน้ำฝนของอาคารและสถานประกอบการ การส่งเสริมระบบบำบัดน้ำเสียเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ และการทำน้ำทะเลให้เป็นน้ำจืด เป็นต้น
นายวีริศ กล่าวว่า นอกจากนี้เรายังให้ความสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานไฟฟ้า โดยจะเร่งจัดหาพลังงานไฟฟ้าให้เพียงพอในระยะยาว มีระบบสำรองและเทคโนโลยีในการป้องกันอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นจนส่งผลต่อการจ่ายกระแสไฟฟ้า เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการโดยเฉพาะในพื้นที่อีอีซี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมชั้นสูงที่ต้องการกระแสไฟฟ้าที่มีคุณภาพ มีความเสถียรสูง รวมทั้งการจัดหาพลังงานทางเลือก และ กนอ.อาจจะขายไฟฟ้าให้กับลูกค้าในพื้นที่นิคมฯ ที่สนใจพลังงานสะอาด
“กนอ.จะต้องลงทุนในระบบเพื่อให้การจ่ายกระแสไฟฟ้ามีคุณภาพสูงสุด ป้องกันความเสี่ยงด้านต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น เพื่อไม่ให้เหมือนเหตุการณ์เมื่อเร็วๆนี้ ที่เกิดฟ้าผ่าบริเวณใกล้สายส่งทำให้เครื่องจ่ายไฟฟ้าของหน่วยผลิตไฟฟ้าของบริษัทหยุดทำงาน เกิดผลกระทบเป็นลูกโซ่ไปยังโรงงานต่างๆ ในนิคม”นายวีริศ กล่าว
4.สิ่งแวดล้อม เป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญสูงสุด โดยมีแผนจัดหามาตรการสิทธิประโยชน์สนับสนุนให้กับโรงงานที่มีการลงทุนด้านสิ่งแวดล้อม มีการดำเนินการที่ดีมายาวนาน ซึ่งจะต้องเป็นสิทธิประโยชน์ที่จับต้องได้จริง โดยจะเข้าไปหารือกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กรมสรรพากร และกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นต้น เพื่อจัดทำสิทธิประโยชน์ให้กับโรงงานที่ได้มาตรฐานในระดับสูง 5.สำหรับสร้างความก้าวหน้าและเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับ กนอ. โดยขณะนี้มีแผนที่จะหาช่องทางในธุรกิจใหม่ๆ เช่น การตั้งบริษัทลูก หรือร่วมทุนในธุรกิจใหม่ๆ
และ 6.พัฒนาบุคลากรโดยการเสริมศักยภาพด้านต่างๆ การที่ กนอ.จะพัฒนาไปสู่เป้าหมายเหล่านี้ได้ กำลังคนที่มีคุณภาพจะเป็นเครื่องมือที่สำคัญ ดังนั้น จึงมีแผนการ พัฒนาศักยภาพพนักงานของ กนอ. ให้มีศักยภาพเพิ่มในทุกด้าน โดยเฉพาะด้านไอที ระบบดิจิทัล และแพลตฟอร์มใหม่ๆ ที่ เป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยี รวมทั้งการพัฒนาด้านภาษาให้กับพนักงาน ที่ควรจะสื่อสารภาษาที่ 3 ได้ นอกจาก ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เพราะนักลงทุนในนิคมฯ มาจากต่างชาติทั่วโลก
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |